พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3819/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินค่าเช่าทรัพย์สิน: เจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจประเมินค่าเช่าโดยอ้างอิงราคาตลาด หากมิใช่กรณีที่แสดงรายรับต่ำกว่าความเป็นจริง
การเช่าทรัพย์สินมิใช่การโอนทรัพย์สิน กรณีจึงไม่อาจอ้างบทบัญญัติมาตรา 65 ทวิ (4) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินทำการประเมินทำการประเมินราคาทรัพย์สินในกรณีโอนทรัพย์สินซึ่งไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนต่ำกว่าราคาตลาด มาทำการประเมินค่าเช่าที่โจทก์ให้เช่าทรัพย์สินของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยใช้สถิติรายรับจากแบบแสดงรายการภาษีเป็นหลักเกณฑ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าพนักงานประเมินได้พิจารณาจากสถิติการเสียภาษีการค้าของโจทก์สำหรับปี พ.ศ. 2526 และ พ.ศ. 2527 ที่โจทก์แสดงยอด รายรับไว้ตามแบบ อ.1 ซึ่งเฉลี่ยแล้วโจทก์มีรายรับไม่ต่ำกว่าเดือนละ 77,000 บาท เป็นเกณฑ์ในการกำหนดรายรับของโจทก์สำหรับปี พ.ศ. 2528 และปี พ.ศ. 2529 ดังนี้ เป็นการกำหนดรายรับของโจทก์โดยพิจารณาจากสถิติการเสียภาษีการค้าของโจทก์ อันเป็นหลักเกณฑ์อย่างอื่นอันอาจแสดงรายรับได้โดยสมควรตาม ป.รัษฎากรมาตรา 87 ทวิ(7) เป็นหลักเกณฑ์ จึงเป็นการกำหนดรายรับที่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวนเงินรายรับดังกล่าวแม้จะพ้อง กับรายรับขั้นต่ำที่เจ้าพนักงานประเมินได้กำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เดือนมีนาคม 2526ก็ตาม แต่ก็มิใช่จำนวนเดียวกันเพราะที่มาแห่งหลักเกณฑ์ต่างกันรายรับขั้นต่ำนั้นได้มาจากการควบคุมตรวจสอบและจดรายรับประจำวันส่วนกำหนดรายรับตามมาตรา 87 ทวิ(7) ได้มาจากสถิติการเสียภาษีการค้าของโจทก์ที่แสดงไว้ในแบบ อ.1 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจึงมิใช่การอาศัยยอด รายรับขั้นต่ำที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเป็นฐานในการคำนวณภาษีการค้าของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2876-2877/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีจากราคาที่ดินที่โอนคืนตามสัญญาเดิม แม้มีสัญญาซื้อขาย แต่ไม่มีรายรับจริง ถือว่าไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี
บริษัท ส. จัดซื้อที่ดินตามโครงการจัดสรรที่ดินระหว่างโจทก์กับบริษัท ส. โดยให้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินไว้ มีข้อสัญญาว่าหากโครงการระหว่างกันต้องเลิกล้มไป โจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนแก่บริษัท ส. เมื่อโครงการดังกล่าวเลิกล้มไปและโจทก์โอนที่ดินคืนให้บริษัท ส. แม้จะทำเป็นสัญญาซื้อขายกันก็ตามเมื่อโจทก์ไม่ได้รับเงินค่าขายที่ดิน โจทก์จึงมิได้มีรายรับจากราคาที่ดินและไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า การที่เจ้าพนักงานประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าจากราคาที่ดินดังกล่าว จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2234/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษี การหักค่าใช้จ่าย และการคำนวณรายรับที่ถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากร
โจทก์ใช้ระบบเกณฑ์สิทธิในการลงบัญชี โจทก์ต้องใช้ระบบดังกล่าวโดยตลอด การที่โจทก์สั่งซื้อสินค้าโจทก์ลงบัญชีโดยใช้ระบบเกณฑ์สิทธิ แต่ในการขายสินค้าโจทก์ใช้ระบบเงินสด ทำให้โจทก์มีรายจ่ายมากและรายรับน้อย การลงบัญชีย่อมไม่ถูกต้องและจะถือราคาสินค้าเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ รายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์มิได้ลงบัญชีรายจ่ายไว้ เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ เหตุที่โจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ เพราะใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันนั้นโจทก์ให้ผู้ขายน้ำมันส่งมอบไว้ยังหน่วยงานต่าง ๆ ของโจทก์ และหน่วยงานดังกล่าวมิได้ส่งใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมายังโจทก์ ซึ่งเป็นความบกพร่องของพนักงานของโจทก์เอง โจทก์จึงนำรายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ ราคาไม้แปรรูปควรจะต้องสูงกว่าราคาไม้ท่อนเพราะต้องรวมค่าจ้างแปรรูปไม้เข้าไว้ด้วย โจทก์ตีราคาไม้แปรรูปอันเป็นสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีเพียงลูกบาศก์เมตรละ80 บาท และตีราคาไม้ท่อนลูกบาศก์เมตรละ 900 บาท ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินตีราคาไม้แปรรูปลูกบาศก์เมตรละ1,300 บาท โดยคิดจากราคาไม้ท่อนรวมกับค่าจ้างเลื่อยลูกบาศก์เมตรละ 400 บาท จึงชอบด้วยเหตุผล โจทก์ประกอบการค้าเลื่อยไม้ขายและโม่หินขาย ตามสัญญาที่โจทก์ทำกับลูกค้าระบุว่าโจทก์เป็นผู้ขายหรือผู้รับจ้าง และต้องนำสินค้าคือไม้และหินไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ในสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกเรื่องการขนส่งไว้ และไม่อาจแยกได้ว่าราคาซื้อขายหรือราคาค่าจ้างรวมเอาค่าขนส่งไว้เท่าใด จึงเป็นลักษณะของสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างทำของที่โจทก์จะต้องส่งของให้แก่คู่สัญญา โจทก์จึงต้องนำรายรับจากการขายหรือรับจ้างทำสินค้ามาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า จะแยกเสียภาษีการค้าเฉพาะราคาสินค้าโดยถือว่ารายได้จากการขนส่งโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นมิได้ วัตถุพลอยได้จากการเลื่อยไม้จำพวกขี้เลื่อย ปีกไม้ และเศษไม้โจทก์ขายไปบ้าง มีคนมาขอโจทก์ให้ไปบ้าง พนักงานของโจทก์เก็บไปเป็นประโยชน์ส่วนตนบ้าง จึงมิใช่เป็นของไม่มีมูลค่าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79(1)(ข) บัญญัติให้รายรับจากการค้าประเภทโรงเลื่อยให้หมายความรวมถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์และวัตถุพลอยได้ด้วย ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินรายรับของโจทก์จากวัตถุพลอยได้ดังกล่าว จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากส่วนต่างราคาตั๋วเครื่องบินผ่านตัวแทน ถือเป็นรายรับที่ต้องนำมาคำนวณภาษี
โจทก์ประกอบกิจการบินขนส่งระหว่างประเทศ การที่โจทก์มอบให้ตัวแทนของโจทก์ขายตั๋วเครื่องบินและติดต่อรับขนของทางอากาศ โจทก์จะต้องจ่ายเงินผลประโยชน์แก่ตัวแทนเท่ากับผลต่างระหว่างราคาที่โจทก์เรียกเก็บจากตัวแทนกับราคาที่ตัวแทนเรียกเก็บจากผู้โดยสารและผู้ส่งของในราคาไม่เกินราคาที่ระบุในตั๋วเครื่องบินหรือใบขนของทางอากาศ ผลประโยชน์ดังกล่าวถือเป็นรายรับของโจทก์ส่วนหนึ่งตาม ป.รัษฎากรมาตรา 79 โจทก์จึงต้องคำนวณเอาเงินจำนวนนี้เข้าเป็นรายรับของโจทก์เพื่อคำนวณเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 67ด้วย ส่วนที่ตัวแทนต้องนำรายรับดังกล่าวไปเสียภาษีก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลซึ่งต่างต้องรับผิดชอบเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ไม่เกี่ยวถึงความรับผิดของโจทก์ที่จะต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากรายรับค่าก่อสร้างและค่าเช่าอาคารพาณิชย์
ตัวเลขที่แสดงรายรับตามสมุดบัญชีและเอกสารที่โจทก์อ้างนั้น โจทก์ได้แสดงไว้ในแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.5) และแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า (ภ.ค. (พ) 4) ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินได้วิเคราะห์แล้ว เห็นว่ารายรับที่โจทก์แสดงต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนั้นปรากฏว่าเอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์ขอให้ศาลหมายเรียกจากจำเลย จำเลยได้จัดส่งศาลตามหมายเรียกที่ส่งไม่ได้บางฉบับจำเลยก็มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่า ค้นหาไม่พบ และบางฉบับบุคคลอื่นมิได้ส่งมา ทั้งเอกสารบางฉบับที่จำเลยแจ้งต่อศาลว่าบุคคลอื่นมิได้ส่งมอบแก่จำเลยโจทกก็มิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกจาก บุคคลนั้น ดังนี้ โจทก์จะอาศัยประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123 ว่าต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากทางราชการเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องเสียค่าตอบแทน บางอย่าง และยกกรรมสิทธิ์อาคารแก่ทางราชการ แต่โจทก์ก็มีสิทธินำอาคารเหล่านั้นไปใช้เช่าช่วงแล้วเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วง ย่อมเป็นความประสงค์ของทางราชการได้ว่า ประสงค์ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วนำออกให้เช่านั่นเอง แต่แทนที่จะว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ก่อสร้างโดยตรงแล้วนำออกให้เช่า กลับดำเนินการด้วยวิธีทำความตกลงให้โจทก์เป็นผู้ก่อสร้างแล้วให้โจทก์ไปเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วงในรูปแบบของเงินช่วยเหลือก่อสร้าง ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้ามีวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าจากรายรับ (เงินช่วยเหลือค่าก่อสร้างที่ได้รับจากผู้เช่าช่วง) ของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า ประเภทการค้า 4. การรับจ้างทำของ (ค) การปลูกสร้างหรือการก่อสร้างทุกชนิด
โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินจากทางราชการเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องเสียค่าตอบแทน บางอย่าง และยกกรรมสิทธิ์อาคารแก่ทางราชการ แต่โจทก์ก็มีสิทธินำอาคารเหล่านั้นไปใช้เช่าช่วงแล้วเก็บเงินค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วง ย่อมเป็นความประสงค์ของทางราชการได้ว่า ประสงค์ที่จะก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วนำออกให้เช่านั่นเอง แต่แทนที่จะว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ก่อสร้างโดยตรงแล้วนำออกให้เช่า กลับดำเนินการด้วยวิธีทำความตกลงให้โจทก์เป็นผู้ก่อสร้างแล้วให้โจทก์ไปเรียกค่าก่อสร้างจากผู้เช่าช่วงในรูปแบบของเงินช่วยเหลือก่อสร้าง ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ประกอบการค้ามีวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าจากรายรับ (เงินช่วยเหลือค่าก่อสร้างที่ได้รับจากผู้เช่าช่วง) ของทุกเดือนภาษีตามอัตราในบัญชีอัตราภาษีการค้า ประเภทการค้า 4. การรับจ้างทำของ (ค) การปลูกสร้างหรือการก่อสร้างทุกชนิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายรับจากบัตรนำเที่ยว: การคำนวณภาษีถูกต้องตามหลักการ แม้มีส่วนลดให้ตัวแทน
การจัดบริการนำเที่ยวโดยวิธีขายบัตรนำเที่ยว ไม่ว่าโจทก์ขายบัตรนำเที่ยวให้แก่สำนักงานท่องเที่ยวหรือเป็นเรื่องสำนักงานท่องเที่ยวทำหน้าที่เพียงเป็นตัวแทนโจทก์ในการขายบัตรนำเที่ยว โจทก์ก็จะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้แก่สำนักงานท่องเที่ยวผลประโยชน์ซึ่งได้แก่ผลต่างของราคาในบัตรนำเที่ยวกับราคาที่โจทก์คิดกับสำนักงานท่องเที่ยวก็คือค่าใช้จ่ายในการขายบัตรนำเที่ยวของโจทก์ ราคาตามบัตรนำเที่ยวจึงเป็นส่วนที่โจทก์ได้รับหรือพึงได้รับต้องถือว่าเป็นรายรับของโจทก์ทั้งหมดตามความใน มาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ต้องคำนวณรายรับของโจทก์ตามความเป็นจริงที่ปรากฏราคาในบัตรนำเที่ยว จะคำนวณรายรับจากราคาที่คิดจากสำนักงานท่องเที่ยวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายรับจากบัตรนำเที่ยว: การคำนวณภาษีถูกต้องตามหลักการทางภาษีอากร
การจัดบริการนำเที่ยวโดยวิธีขายบัตรนำเที่ยว ไม่ว่าโจทก์ขายบัตรนำเที่ยวให้แก่สำนักงานท่องเที่ยวหรือเป็นเรื่องสำนักงานท่องเที่ยวทำหน้าที่เพียงเป็นตัวแทนโจทก์ในการขายบัตรนำเที่ยว โจทก์ก็จะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้แก่สำนักงานท่องเที่ยวผลประโยชน์ซึ่งได้แก่ผลต่างของราคาในบัตรนำเที่ยวกับราคาที่โจทก์คิดกับสำนักงานท่องเที่ยวก็คือค่าใช้จ่ายในการขายบัตรนำเที่ยวของโจทก์ ราคาตามบัตรนำเที่ยวจึงเป็นส่วนที่โจทก์ได้รับหรือพึงได้รับต้องถือว่าเป็นรายรับของโจทก์ทั้งหมดตามความในมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์ต้องคำนวณรายรับของโจทก์ตามความเป็นจริงที่ปรากฏราคาในบัตรนำเที่ยว จะคำนวณรายรับจากราคาที่คิดจากสำนักงานท่องเที่ยวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินชำระหนี้ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรมาตรา 77 และ 79
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลง นับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้ว ถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา 77 ซึ่งให้ความหมายของคำว่า 'ขาย' ว่า 'หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย'
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคาร ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคาร ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3137/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ชำระหนี้ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษี หากเกี่ยวเนื่องกับการค้า
โจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารตามสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้หนี้ของโจทก์ลดลงนับได้ว่าโจทก์ได้รับประโยชน์ตอบแทนแล้ว ถือได้ว่าเป็นการขายตามความหมายของประมวลรัษฎากรมาตรา 77 ซึ่งให้ความหมายของคำว่า'ขาย'ว่า'หมายความรวมถึงสัญญาจะขาย ขายฝากแลกเปลี่ยน ให้เช่าซื้อหรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยมีประโยชน์ตอบแทนด้วย'
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฏากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า
แม้ประโยชน์ที่โจทก์ได้รับจะมิใช่เป็นประโยชน์ตอบแทนทางการค้าหรือเป็นการปลดเปลื้องหนี้สินบางส่วน มิใช่รายรับเนื่องจากการประกอบการค้าโดยตรงแต่เมื่อโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยยืมเงินธนาคารมาดำเนินการ การที่โจทก์โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชำระหนี้ให้ธนาคารก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบการค้าของโจทก์นั่นเอง หนี้ที่ลดลงก็เป็นประโยชน์ซึ่งมีมูลค่าที่ได้รับเนื่องจากการประกอบการค้า จึงเป็นรายรับตามประมวลรัษฏากรมาตรา 79 อันโจทก์จะต้องเสียภาษีการค้า