คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ราษฎร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์: ความสำคัญต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
กระบวนการไต่สวนมูลฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(12),162,165,167 นั้น เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งรับประทับฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อนนั้น ไม่ใช่การกระทำของโจทก์ จึงปราศจากข้ออ้างที่พิพากษายกฟ้องโจทก์ และการที่จำเลยไม่ให้การรับสารภาพ ไม่ค้านจะเท่ากับรับว่า คดีโจทก์มีมูลก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องและพิจารณาพิพากษาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การใช้สิทธิยันกันระหว่างราษฎร แม้ไม่แจ้งการครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ที่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันที่ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ โดยไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน แจ้งการครอบครองที่ดิน ถ้าไม่แจ้งให้ถือว่าบุคคลนั้นเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดินรัฐมีอำนาจจัดที่ดินนั้นได้ นั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ครอบครองที่ดินกับรัฐ คดีพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน จึงอ้างการครอบครองใช้ยันกันได้
เมื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดิน แม้จะมิได้แจ้งการครอบครอง โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยผู้เข้ามารบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์หรือโต้แย้งสิทธิโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิการครอบครองที่ดินระหว่างราษฎร
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้และพบจำเลยๆ ไม่ยอมรับเจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีแต่จำเลยหาได้ย้ายทะเบียนและครอบครัวไปไม่ ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้นจำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยเพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยปลอมตัวเป็นเจ้าพนักงานขู่กรรโชกทรัพย์ราษฎร เข้าข่ายความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลย 5 คนเป็นราษฎรแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีปืนและมีดไปจับราษฎรมา โดยแกล้งกล่าวหาว่าเล่นเบี้ยโบกมาตามทางได้ใช้ปืนและมีดขู่เขาให้ให้เงิน ผู้ถูกจับกลัวจึงให้เงินไป 800 บาทจำเลยจึงปล่อยเขาไป เช่นนี้ นอกจากจำเลยจะผิดฐานปลอมตัวเป็นเจ้าพนักงาน และทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพแล้ว ยังมีผิดฐานทำการปล้นเขาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406-408/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินจากราษฎรโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตนและผู้อื่นถือเป็นความผิดอาญา
ปลัดอำเภอตรวจสอบอาวุธปืนกับใบอนุญาตตามคำสั่งกระทรวงได้เรียกเงินจากราษฎรในการนี้ตามข้อตกลงระหว่างกรมการอำเภอเพื่อเอาเงินไปสร้างที่พักข้าราชการ โดยที่ไม่เป็นเงินที่จำต้องให้ตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตาม มาตรา 137
ปลัดอำเภอเรียกเงินราษฎรเพื่อมาสร้างที่พักตามความคิดของกรมการอำเภอ แต่คงถูกฟ้องแต่จำเลยคนเดียวผู้อื่นไม่ถูกฟ้อง ก็เป็นเหตุควรรอการลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดของราษฎรเมื่อเจ้าพนักงานกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
การที่เจ้าพนักงานสมคบกับราษฎรร่วมกันกระทำผิดฐานใช้อำนาจ และตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจจริต ราษฎรย่อมมีผิดฐานสมรู้
คดีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเป็นตัวการ ทางพิจารณาได้ความว่ามีผิดฐานสมรู้ ศาลก็ลงโทษได้.
(อ้างฎีกา 620/2490)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกเงินจากผู้กระทำผิด และความรับผิดฐานสมรู้ร่วมคิด
ตำรวจกับราษฎรจับคนมีสุราเถื่อนไปบังคับเรียกเอาเงินเขายอมให้เงินโดยถูกบังคับมิใช่ให้โดยสมัครใจ ตำรวจมีผิดตามมาตรา 136 ส่วนราษฎรมีผิดฐานสมรู้
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานตัวการ ได้ความว่าเป็นผิดเพียงฐานสมรู้ ลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกเงินและการสมรู้ร่วมคิด ตำรวจและราษฎรมีความผิดฐานต่างกัน
ตำรวจกับราษฎรจับคนมีสุราเถื่อนไปบังคับเรียกเอาเงินเขายอมให้เงินโดยถูกบังคับมิใช่ให้โดยสมัครใจ ตำรวจมีผิดตามมาตรา 136 ส่วนราษฎรมีผิดฐานสมรู้
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานตัวการ ได้ความว่าเป็นผิดเพียงฐานสมรู้ลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราษฎรไม่มีอำนาจจับกุมผู้ต้องหา การกระทำเกินเลยอำนาจนำไปสู่ความผิดฐานฆ่าคน
ราษฎรไม่มีอำนาจจับกุมผู้ที่ต้องหาว่าฆ่าคน หรือต้องหาว่าลักโค
ราษฎรตามจับผู้ต้องหาว่ากระทำผิด แล้วยิงผู้ต้องหานั้นตายมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราษฎรสนับสนุนเจ้าพนักงานทุจริต มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด แม้ฟ้องผิดฐานตัวการ
จำเลยที่เปนราสดรทำการอุดหนุนแก่จำเลยทีเปนเจ้าพนักงานตำหรวดกะทำความผิดตาม ม.136 นั้นย่อมมีความผิดถานเปนผู้สมรู้ด้วยเจ้าพนักงาน
ฟ้องที่กล่าวว่าจำเลยเปนตัวการกะทำผิด แต่ทางพิจารนาได้ความว่าจำเลยเปนผิดแต่เพียงถานสมรู้นั้นสาลลงโทสได้ไม่นอกคำขอ.
of 4