พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1829/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ในคดียาเสพติด: การซ่อนยาไม่ใช่การใช้ยานพาหนะในการกระทำผิด และการใช้เหตุผลประกอบการไม่รอการลงโทษ
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเป็นความผิดสำเร็จเมื่อมีไว้ในครอบครองการที่จำเลยซ่อนเฮโรอีนที่มีไว้ในครอบครองไว้ใต้พรมหลังที่นั่งคนขับรถยนต์ไม่ทำให้รถยนต์เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงไม่อาจริบรถยนต์ของกลางได้ แม้ศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็หยิบยกเอาพฤติการณ์ในทางจำหน่ายยาเสพติดของจำเลยมาเป็นเหตุผลประกอบการใช้ดุลยพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยได้มิใช่เป็นการหยิบยกเอาข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้วขึ้นมาวินิจฉัยใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5426/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ของกลางในความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวเข้าเมือง: รถยนต์ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
จำเลยกระทำความผิดฐานช่วยคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง มาตรา 64 วรรคแรก เพื่อให้พ้นการจับกุมโดยใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะให้คนต่างด้าวนั่งมาในรถยนต์ของกลางด้วยนั้น ถือไม่ได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวโดยตรง จึงเป็นทรัพย์สินที่ไม่ควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญด้วยอาวุธปืน การรับคำสารภาพ และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
ถึงแม้โจทก์จะไม่มีพยานเห็นตัวคนร้ายที่เป็นคนยิง ไม่ได้ อาวุธปืนจากจำเลย ไม่พบปลอกกระสุนและร่องรอยการยิงปืนของคนร้ายในที่ เกิดเหตุ โจทก์ก็มี ป. ผู้เสียหาย กับ ข.ผู้ใหญ่บ้าน ที่เกิดเหตุเป็นพยานเบิกความยืนยันว่า คนร้ายยิงปืนขึ้นก่อน ผู้เสียหายจึงได้ยิงปืนสวนไป กับมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย ทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามให้การไว้ใจความตรงกันในเบื้องต้นว่า มีเสียงปืนดังขึ้นที่รถยนต์ของจำเลยก่อน จากนั้นมีเสียงปืนทางอื่น ยิงมาที่รถยนต์ของจำเลย ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 เข้าใจว่า น. ผู้ตาย ซึ่งเป็นพวกของจำเลยทั้งสามเป็นคนยิงปืน ส่วนจำเลยที่ 3 เห็นและรู้ว่า น. มีปืนมาก่อนเกิดเหตุ ที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายบังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้รับสารภาพก็ดี ให้จำเลยที่ 3 ลงชื่อในบันทึกคำให้การโดยไม่ได้อ่านข้อความ ให้ฟังก็ดี จำเลยทั้งสามมีแต่ตนเองเบิกความลอย ๆ ภายหลัง เมื่อโจทก์ มีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสาม ชั้นสอบสวน จำเลยทั้งสามมิได้ถามค้านถึงความข้อนี้ไว้ เชื่อว่า ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจ และตามสัตย์จริง คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามจึงเป็น หลักฐานประกอบถ้อยคำของ ป. และข. พยานโจทก์ ฟังได้ว่าขณะเมื่อจะยกเครื่องยนต์รถไถนาของผู้เสียหายขึ้นบรรทุกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 เพื่อจะขนเอาไป ซึ่งเป็นเวลาที่การลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอนลงนั้น จำเลยทั้งสามกับพวกได้กระทำการประทุษร้ายขู่เข็ญผู้เสียหายกับพวก ด้วยการยิงปืนขึ้นหนึ่งนัด การกระทำของจำเลยทั้งสามกับพวก จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์ รถยนต์กระบะของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการปล้นทรัพย์เป็นทรัพย์ที่พึงต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถยนต์เช่าซื้อช่วง ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อช่วง มิอาจริบได้
ในการเช่าซื้อช่วงรถยนต์ของกลางระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัด อ.กับห้างหุ้นส่วนจำกัด น. มิได้ผ่านผู้ร้อง เป็นเรื่องระหว่างห้างหุ้นส่วนทั้งสองโดยเฉพาะและการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ผู้เช่าซื้อช่วงได้ให้จำเลยนำรถยนต์ของกลางไปบรรทุกทราย ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นหรือยินยอมให้นำไปใช้แต่อย่างใดประกอบกับทั้งโจทก์เองก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยตามที่คัดค้านไว้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพ.ร.บ.ศุลกากรจากการรับและขนย้ายยางแผ่นหลีกเลี่ยงภาษี และการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยได้รับยางแผ่นของกลางไว้ แล้วช่วยพาเอาไปเสียหรือช่วยซ่อนเร้น โดยรู้ว่าเป็นของที่นำเข้าในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 27 ทวิ จำเลยใช้รถยนต์ของกลางพาเอายางแผ่นของกลางไปถือได้ว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดซึ่งในกรณีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา27 ทวิ นี้พระราชบัญญัติศุลกากรไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดไว้ จึงต้องนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้ในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5451/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์คดีขนส่งทางบก: เจ้าของรถไม่ต้องรับผิดหากไม่รู้เห็นการกระทำผิด
สาระสำคัญของการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522อยู่ที่จำเลยใช้รถผิดประเภท และใช้รถยนต์โดยสารแล่นทับเส้นทางสัมปทานของผู้อื่น อันเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับอนุญาต รถยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ การที่ศาลชั้นต้นริบจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง จึงต้องคืนแก่ผู้ร้องโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ แม้ผู้ร้องจะมิได้ฎีกาแต่ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง, 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4586/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อเลิกสัญญาเมื่อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ เจ้าของมีสิทธิริบรถยนต์และเรียกร้องค่าเสียหายได้ แต่ศาลอาจลดเบี้ยปรับได้
สัญญาเช่าซื้อมีข้อตกลงว่า เมื่อเจ้าของยึดทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนมา เพราะผู้เช่าซื้อไม่ใช้เงินค่าเช่าซื้อ เจ้าของมีสิทธินำทรัพย์สินที่เช่าซื้อออกขายตามราคาที่เจ้าของเห็นสมควรโดยไม่ตองบอกกล่าวให้ผู้เช่าซื้อทราบ หากราคาที่ขายไม่พอชำระหนี้ ผู้เช่าซื้อยอมชำระเงินจำนวนที่ยังขาดอยู่ให้เจ้าของจนครบ ข้อกำหนดดังกล่าวตามสัญญาเช่าซื้อใช้บังคับได้โดยมีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ หากกำหนดไว้สูงเกินส่วนศาลอาจลดลงเป็นจำนวนที่พอสมควรได้ เนื่องจากราคารถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นการคิดราคารถรวมกับค่าเช่า และการใช้รถจะต้องมีการเสื่อมราคา จึงสมควรลดค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3604/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด แม้ประกาศ คปต. ไม่ได้บัญญัติชัดเจน
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 จะมิได้บัญญัติถึงการริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการกระทำผิดไว้โดยเฉพาะ แต่ถ้าได้ความว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลก็มีอำนาจสั่งให้ริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) อันเป็นบทบัญญัติในภาค 1 ซึ่งสามารถนำมาใช้ในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นได้ตามมาตรา 17 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกทรายมีน้ำหนักเกินกำหนด อันเป็นความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 56, 83 และขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ต้องถือว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด และศาลมีอำนาจสั่งให้ริบได้
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำหนักเกินอัตราเป็นจำนวนมาก มีส่วนทำให้ถนนหลวงชำรุดเสียหาย รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมเป็นจำนวนมากนั้น ก็โดยอาศัยพฤติการณ์แห่งคดีตามที่ได้ความจากคำฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลยและข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่ว ๆ ไป มาประกอบดุลพินิจในการสั่งริบของกลางนั่นเอง หาใช่เป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกทรายมีน้ำหนักเกินกำหนด อันเป็นความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 56, 83 และขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ต้องถือว่ารถยนต์บรรทุกของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด และศาลมีอำนาจสั่งให้ริบได้
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกน้ำหนักเกินอัตราเป็นจำนวนมาก มีส่วนทำให้ถนนหลวงชำรุดเสียหาย รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบูรณะซ่อมแซมเป็นจำนวนมากนั้น ก็โดยอาศัยพฤติการณ์แห่งคดีตามที่ได้ความจากคำฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลยและข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่ว ๆ ไป มาประกอบดุลพินิจในการสั่งริบของกลางนั่นเอง หาใช่เป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและประเด็นการริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่ จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2712/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์พระพุทธรูปและประเด็นการริบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ
การนำพระพุทธรูปซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนสืบมาแต่เดิมไปเก็บซ่อนไว้เพื่อให้พ้นจากการโจรกรรม หาทำให้พระพุทธรูปนั้นพ้นจากการเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนสักการะบูชาไม่ จำเลยเพียงแต่ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะไปลักและบรรทุกเอาพระพุทธรูปไปจากวัดที่เกิดเหตุ ไม่ได้ใช้ในการลักพระพุทธรูปดังกล่าวโดยตรง รถยนต์นั้นจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้.