คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รูปคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานบุคคลแทนเอกสารที่หายในคดีแพ่ง การขออนุญาตศาล และการพิจารณาตามรูปคดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยได้ต่อสู้ว่าจำเลยได้ชำระต้นเงินให้โจทก์ครบแล้ว โจทก์ออกใบเสร็จให้แก่จำเลยไว้เป็นหลักฐาน ฉะนั้นการที่จำเลยขอสืบพยานบุคคลในข้อที่ว่า ใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยหายไป 6 ฉบับ จึงไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี เพราะประเด็นแห่งคดีมีว่า จำเลยได้ชำระต้นเงินให้แก่โจทก์ครบตามคำให้การโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ซึ่งจำเลยได้ให้การไว้แล้วหรือไม่ จำเลยจึงไม่ต้องยกข้อเท็จจริงที่ว่า ใบเสร็จที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยได้หายไปไว้ในคำให้การ เพราะเป็นวิธีการนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสารที่หายตามกฎหมายวิธีสบัญญัติ เมื่อหลักฐานที่ต่อสู้ได้หายไป จำเลยมีสิทธิขออนุญาตศาลนำพยานบุคคลมาสืบแทนเอกสารที่หายไปได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) โดยกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่า จำเลยจะต้องขออนุญาตศาลเมื่อใด คดีนี้ เมื่อศาลสืบตัวจำเลยแล้ว จำเลยแถลงขอสืบพยานจำเลยต่อไปในเรื่องใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ออกให้แก่จำเลยไว้หายไป 6 ฉบับ ถือได้ว่าจำเลยขออนุญาตสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารที่หายไปตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098-2099/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเถื่อน ศาลพิจารณาลงโทษกรรมเดียวเหมาะสมแก่รูปคดี
จำเลยกับพวกมีอาวุธปืนและฆ้อนเหล็กเป็นอาวุธไปทำการปล้นทรัพย์โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคท้าย สำนวนหนึ่ง และฟ้องจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 7,72 อีกสำนวนหนึ่ง ศาลได้พิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกัน แม้จะได้แยกฟ้องเป็นคนละสำนวน แต่ก็เป็นเรื่องกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลจะลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปหรือจะลงโทษเฉพาะกระทงที่หนักที่สุดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แล้วแต่การใช้ดุลพินิจของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจตัดพยานหลักฐาน: พิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดพยานจำเลยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นจะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างทนายเมื่อเลิกสัญญาจ้าง การคิดค่าจ้างตามรูปคดี และความรับผิดของตัวการ
จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา ครั้นโจทก์ฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้นไปบ้างแล้ว จำเลยขอถอนโจทก์จากการเป็นทนาย โจทก์แถลงไม่คัดค้าน ศาลฟังว่าการเลิกสัญญาเกิดจากการตกลงกัน คู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิมโดยวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 2, 3, 4 โดยเฉพาะก็คือ วรรค 3 จำเลยต้องใช้เงินตามควรแก่ค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดี หาใช่คิดแต่คำนวณค่าเสียหายที่เรียกร้องไม่
ตัวแทนจ้างโจทก์แทนตัวการ ตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์แต่ผู้เดียว ตัวแทนหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงหนี้ ต้องพิจารณาจากรูปคดีและพฤติการณ์
เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของจำเลยโดยได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์แล้ว จำเลยจะร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกคำสั่งเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ถอนการอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 ซึ่งจะต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้นั้นต่อไป หรือสมควรแก้ไขวิธีการนั้น
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255(2)(ข) ได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองหลักเขตที่ดินโดยทนาย ถือเป็นการรับรองของจำเลยเอง ไม่เป็นการจำหน่ายสิทธิ การพิสูจน์อายุรั้วสำคัญต่อรูปคดี
การที่ทนายจำเลยแถลงรับรองหลักเขตติดต่อระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยว่ามีอยู่จริงตามสภาพเดิม เท่ากับรับรองว่าเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยอยู่ตรงไหนถ้าการรังวัดเป็นไปถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่า รั้วของจำเลยล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้การว่าแนวรั้วกั้นเขตที่ดินของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ล้ำที่ของโจทก์ เป็นรั้วที่มีมาแต่เดิมเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 30 ปี แม้ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบมาแล้วเห็นว่ารั้วของจำเลยรุกล้ำอยู่ในที่ดินของโจทก์จริง แต่ประเด็นในข้อว่ารั้วนั้นได้ปลูกสร้างมาตั้งแต่เมื่อได้ ยังไม่ได้ความซึ่งถ้าสมดังที่จำเลยต่อสู้ รูปคดีอาจเปลี่ยนแปลงไปได้จึงชอบที่จะให้คู่ความนำสืบในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความ
การที่ทนายจำเลยแถลงรับว่าหลักเขตที่ดินของโจทก์จำเลยตามแผนที่หลังโฉนดมีอยู่จริงและอยู่ในสภาพเดิมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามหน้าที่ของทนายความตามปกติหาใช่เป็นการจำหน่ายสิทธิของจำเลยไม่ คำแถลงดังกล่าวของทนายจำเลยย่อมมีผลเท่ากับจำเลยแถลงด้วยตนเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การเพิ่มเติมรายละเอียดฟ้องไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้แหทำการประมงจับสัตว์น้ำในหนองนกกก อันเป็นหนองหวงห้ามและสาธารณประโยชน์รักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย (มิได้ระบุในฟ้องว่า หนองนั้นเป็นหนองประเภทที่ทางการประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำตามกฎหมายและไม่มีสำเนาประกาศนั้นติดท้ายฟ้อง) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องข้างต้นว่า หนองดังกล่าว เป็นหนองที่ทางการได้ประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำตามกฎหมายดังปรากฏตามสำเนาประกาศท้ายคำร้อง เช่นนี้ เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้ฟ้องเดิมชัดเจนขึ้นเท่านั้น เมื่อฟ้องเดิมของโจทก์เป็นฟ้องอันชอบแล้ว การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องดังคำร้องที่โจทก์ยื่นเข้ามานี้ ศาลจะให้แก้หรือไม่ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ความประสงค์ของโจทก์ก็คงจะเพื่อได้ส่งสำเนาประกาศที่หวงห้ามจับสัตว์น้ำประกอบฟ้อง แต่ข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะแม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาประกาศ แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุมาในฟ้องเดิมแล้วว่า เป็นที่หวงห้ามรักษาพืชพันธ์สัตว์น้ำ โจทก์ก็ย่อมนำสืบได้ในทางพิจารณาอยู่ในตัวแล้ว คำร้องแก้ฟ้องของโจทก์จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ต้องการจะแก้ฟ้องศาลก็ชอบที่จะให้โจทก์แก้ได้ตามความประสงค์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การเพิ่มเติมรายละเอียดฟ้องไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกันใช้แหทำการประมงจับสัตว์น้ำในหนองนกกก อันเป็นหนองหวงห้ามและสาธารณประโยชน์รักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย(มิได้ระบุในฟ้องว่า หนองนั้นเป็นหนองประเภทที่ทางการประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำตามกฎหมายและไม่มีสำเนาประกาศนั้นติดท้ายฟ้อง) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุมหรือไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องข้างต้นว่าหนองดังกล่าวเป็นหนองที่ทางการได้ประกาศหวงห้ามไว้สำหรับรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำตามกฎหมายดังปรากฏตามสำเนาประกาศท้ายคำร้องเช่นนี้ เป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อให้ฟ้องเดิมชัดเจนขึ้นเท่านั้นเมื่อฟ้องเดิมของโจทก์เป็นฟ้องอันชอบแล้ว การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องดังคำร้องที่โจทก์ยื่นเข้ามานี้ ศาลจะให้แก้หรือไม่ ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ความประสงค์ของโจทก์ก็คงจะเพื่อได้ส่งสำเนาประกาศที่หวงห้ามจับสัตว์น้ำประกอบฟ้อง แต่ข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะแม้โจทก์จะไม่ได้ส่งสำเนาประกาศ แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุมาในฟ้องเดิมแล้วว่า เป็นที่หวงห้ามรักษาพืชพันธุ์สัตว์น้ำ โจทก์ก็ย่อมนำสืบได้ในทางพิจารณาอยู่ในตัวแล้ว คำร้องแก้ฟ้องของโจทก์จึงมิได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใดเมื่อโจทก์ต้องการจะแก้ฟ้องศาลก็ชอบที่จะให้โจทก์แก้ได้ตามความประสงค์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับราคาที่ประมาณไว้ในชั้นชี้สองสถาน ไม่ถือเป็นการฟ้องเรียกร้องราคาตามที่ประมาณ หากไม่ยอมรับ ศาลต้องพิจารณาตามรูปคดี
โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาทรัพย์สิ่งของจากจำเลย และประมาณราคาที่โจทก์ควรได้รับมา ในชั้นชี้สองสถานจำเลยยอมใช้ราคาตามที่โจทก์ฟ้องตามคำเปรียบเทียบของศาล โจทก์กลับไม่ยอมรับเงินจะให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ได้รับราคาทรัพย์สินตามที่ฟ้องเรียกร้องแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องพิจารณาอีกต่อไป จึงสั่งตัดพยานและพิพากษาให้โจทก์รับเงินตามที่โจทก์ฟ้องเรียกร้อง
ศาลฎีกาพิพากษาว่า ราคาทรัพย์สินที่โจทก์เรียกมาเพียงแต่ประมาณเมื่อโจทก์ไม่ยอมตามที่ศาลเปรียบเทียบต้องพิจารณากันไป และตัดสินไปตามรูปคดี ถือว่าโจทก์ฟ้องเรียกร้องเอาเพียงที่ประมาณมาไม่ได้.
of 4