คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร่วมกระทำความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้เถียงดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานเกี่ยวกับการร่วมกระทำความผิด
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ แม้จำเลยจะฎีกาอ้างอิงข้อกฎหมายมาประกอบ แต่เป็นข้อกฎหมายที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยอื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร่วมกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 แม้จำเลยจะฎีกาอ้างอิงข้อกฎหมายมาประกอบ แต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกระทำความผิดกับจำเลยอื่น หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามฎีกาเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิด กรณีใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยไม่มีเจตนาและไม่ได้ร่วมกระทำความผิด
จำเลยกับพวกพากันไปที่บ้านผู้ตายเพื่อต่อว่าน้องของผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะไปฆ่าใคร น้องของผู้ตายออกจากบ้านมาชกต่อยกับ ล.พวกของจำเลย จำเลยกับคนอื่นเพียงแต่ยืนดูเฉย ๆ เมื่อผู้ตายออกจากบ้านเดินเข้าไปที่คู่ต่อสู้ จำเลยก็เพียงแต่ชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้าไปช่วยน้องเท่านั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็คงยิงผู้ตายตั้งแต่ผู้ตายออกจากบ้านแล้วการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการกระทำของ ล.แต่ผู้เดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกระทำความผิด: จำเลยเพียงขู่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการยิง
จำเลยกับพวกพากันไปที่บ้านผู้ตายเพื่อต่อว่าน้องของผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะไปฆ่าใคร น้องของผู้ตายออกจากบ้านมาชกต่อยกับล.พวกของจำเลย จำเลยกับคนอื่นเพียงแต่ยืนดูเฉย ๆ เมื่อผู้ตายออกจากบ้านเดินเข้าไปที่คู่ต่อสู้ จำเลยก็เพียงแต่ชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้าไปช่วยน้องเท่านั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็คงยิงผู้ตายตั้งแต่ผู้ตายออกจากบ้านแล้วการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการกระทำของล.แต่ผู้เดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดทางอาญา แม้ไม่มีอาวุธหรือยุยง แต่สมทบกำลังและรู้เห็นการกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุ จำเลยอยู่ด้วยกันกับพวกของจำเลยและได้วิ่งหนีไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง จำเลยได้กลับเข้ามาในซอยเกิดเหตุกับพวกของจำเลยซึ่งมีอาวุธปืนยาวติดตัวมาเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้า นั้นและยังร่วมวิ่งหนีออกจากซอยเกิดเหตุไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยาวยิงมาที่ผู้เสียหายและ พวก กรณีย่อมฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมมาและรู้เห็นกับพวกโดยตลอดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้ง มิใช่เป็นการมาพบกับพวกจำเลยในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญ และแม้จำเลยมิได้มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยทั้งมิได้กล่าว ถ้อยคำยุยงให้พวกกระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยก็เท่ากับเป็นการสมทบกำลังให้แก่พวกซึ่งเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดและเป็นพฤติการณ์อันต้องถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่อาจเกิดขึ้นร่วมกัน จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมด้วยในการกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดทางอาญา: การสมรู้ร่วมคิดและสมทบกำลังแม้ไม่มีอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุ จำเลยอยู่ด้วยกันกับพวกของจำเลยและได้วิ่งหนีไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง จำเลยได้กลับเข้ามาในซอยเกิดเหตุกับพวกของจำเลยซึ่งมีอาวุธปืนยาวติดตัวมาเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นและยังร่วมวิ่งหนีออกจากซอยเกิดเหตุไปด้วยกันหลังจากพวกจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยาวยิงมาที่ผู้เสียหายและพวก กรณีย่อมฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมมาและรู้เห็นกับพวกโดยตลอดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้งมิใช่เป็นการมาพบกับพวกจำเลยในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญและแม้จำเลยมิได้มีอาวุธปืนติดตัวมาด้วยทั้งมิได้กล่าวถ้อยคำยุยงให้พวกกระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยก็เท่ากับเป็นการสมทบกำลังให้แก่พวกซึ่งเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดและเป็นพฤติการณ์อันต้องถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่อาจเกิดขึ้นร่วมกัน จำเลยจึงเป็นตัวการร่วมด้วยในการกระทำความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดข่มขืน การพิสูจน์เจตนาและความรับผิด
จำเลยที่ 4 ชวน ล. ไปเก็บผัก ไปถึงที่เกิดเหตุพบจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 รออยู่. เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะข่มขืนกระทำชำเรา ล.จำเลยที่ 4 ได้ปลีกตัวออกไปจากที่เกิดเหตุและกลับมาเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.เสร็จแล้ว พฤติการณ์ของจำเลยที่ 4 ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดข่มขืน: การแยกตัวออกจากที่เกิดเหตุไม่ถือเป็นการร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่ 4 ชวน ล. ไปเก็บผัก ไปถึงที่เกิดเหตุพบจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 รออยู่. เมื่อจำเลยที่1 ที่ 2 และที่ 3 จะข่มขืนกระทำชำเรา ล. จำเลยที่ 4 ได้ปลีกตัวออกไปจากที่เกิดเหตุและกลับมาเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.เสร็จแล้ว พฤติการณ์ของจำเลยที่ 4 ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการฆ่าผู้อื่น: การกระทำที่เข้าข่ายช่วยเหลือแต่ไม่ถึงขั้นร่วมกระทำความผิด
ผู้ประสงค์จะฆ่าผู้ตายติดต่อกับจำเลยที่ 3 ให้หาคนมายิงผู้ตาย จำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อพาจำเลยที่ 1ที่ 2 มาพบผู้ว่าจ้าง และได้รับมอบปืน 2 กระบอกจากผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 วันเกิดเหตุผู้ว่าจ้างพาจำเลยทั้งสามมาดูตัวผู้ตายกับพวกจนจำได้ ตอนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายจำเลยที่ 3 ยืนอยู่คนละฝั่งถนนโดยจำเลยที่ 3 มีมีดปลายแหลมติดตัวเพียง 1 เล่มเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายแล้วจำเลยที่ 3 เป็นผู้วิ่งนำพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนี ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมมือในขณะกระทำความผิดหรือเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพราะไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 3 จะต้องมาคอยชี้หรือให้สัญญาณให้ยิง และคงจะไม่เข้าช่วยเหลือซ้ำเติมหรือทำอันตรายแก่ผู้ตายอีกเพราะไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 3อยู่ในที่เกิดเหตุก็เพียงคอยวิ่งนำหน้าพาจำเลยที่ 1ที่ 2 หลบหนีไปในเส้นทางที่ตนชำนาญเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการฆ่าผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4130/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์และการร่วมกระทำความผิด โดยมีเจตนาช่วยเหลือการชิงทรัพย์ของผู้อื่น
จำเลยที่ 1 เอาเหล็กขูดชาฟท์มาวางบนตักให้ผู้เสียหายเห็นในขณะนั่งติดกันอยู่ในรถยนต์โดยสารประจำทาง แล้วพูดขอแว่นตาจากผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 หยิบเอาแว่นตาของผู้เสียหายจากกระเป๋าเสื้อ และดึงสเกลจากในสมุดผู้เสียหายไป ย่อมเป็นการลักทรัพย์โดยขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ขณะเดียวกันนั้นจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งขึ้นรถยนต์โดยสารประจำทางไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 และยืนอยู่ใกล้กับจำเลยที่ 1 ต่างเข้าไปหยิบทรัพย์จากกระเป๋าเสื้อและจากในมือผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทราบถึงการกระทำของจำเลยที่ 1โดยตลอด ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3ร่วมชิงทรัพย์กับจำเลยที่ 1 ด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
of 6