พบผลลัพธ์ทั้งหมด 38 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5327/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อคำสั่งศาลให้วางเงินประกันความเสียหาย และผลกระทบต่อการจำหน่ายคดี
ชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางศาลเพื่อประกันค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนด เมื่อถึงกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินประกันดังกล่าว และไม่นำเงินมาวางศาลตามคำสั่ง เช่นนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหายตามคำขอยกคำร้อง และสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยเห็นว่าผู้ร้องเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลที่สั่งให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อประกันความเสียหายภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องรอไว้สั่งเมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งยกคำร้องขอให้ขยายระยะเวลาการวางเงินเสียก่อนเพราะไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามไว้ ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี แต่กลับอุทธรณ์ขอขยายระยะเวลาการวางเงินเพื่อประกันความเสียหาย ดังนั้นการที่จะสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้หรือไม่ย่อมไม่มีผลแต่อย่างใดเนื่องจากศาลสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์ต้องมีมูล หากไม่มีมูลและมีเจตนาประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อ ศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
ผู้ที่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะ เป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์โดยไม่มีมูลและประวิงคดี ศาลมีอำนาจสั่งวางเงินประกันเพื่อคุ้มครองโจทก์
เมื่อพยานหลักฐานในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องนั้นไม่มีมูล และยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้าศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องวางเงินต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288(1) เมื่อผู้ร้องไม่วางเงินประกันก็สั่งให้จำหน่ายคดีได้ ผู้ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแม้จะมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน ก็หาใช่เป็นหลักฐานว่าผู้นั้นมีกรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท: การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการวางเงินประกัน ทำให้ศาลยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาทศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่จำเลยยื่นคำร้องโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายนั้น เนื้อแท้ของคำร้องก็คือการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยตามมาตรา 234นั่นเอง เมื่อจำเลยไม่นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษา มาวางศาลภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนด ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียม: ผลผูกพันตามคำสั่งศาลจนคดีถึงที่สุด
ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 ย่อมมีผลอยู่จนคดีถึงที่สุด ดังนั้น แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด โจทก์ก็ต้องวางเงินตามที่ศาลกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียม: ผลผูกพันจนคดีถึงที่สุด แม้จำเลยชำระหนี้แล้ว
ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253ย่อมมีผลอยู่จนคดีถึงที่สุด แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ก็ตาม แต่เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุดโจทก์ก็ต้องวางเงินตามที่ศาลกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันการจำนองเพื่อไถ่ถอนโฉนด ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้า ต้องคิดดอกเบี้ยตามสัญญา
ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยที่3นำเงินจำนวนสองล้านบาทไปวางไว้กับโจทก์เป็นประกันการจำนองที่ดินเพื่อไถ่จำนองเอาโฉนดคืนไปและตกลงว่าถ้าจำเลยที่3แพ้คดีก็ยอมให้โจทก์นำเงินสองล้านบาทหักชำระหนี้ได้การวางเงินดังกล่าวจำเลยที่3มีความประสงค์เพียงขอเปลี่ยนหลักทรัพย์โฉนดที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้โดยใช้เงินทดแทนมิใช่การวางเงินโดยยอมรับผิดตามป.วิ.พ.มาตรา136วรรคแรกและถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้าต่อมามีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสี่แพ้คดีจำเลยที่3จึงต้องร่วมรับผิดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จการที่จำเลยที่3คำนวณดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันวางเงินจึงไม่ถูกต้องแม้โจทก์จะได้รับประโยชน์จากเงินจำนวนสองล้านบาทดังกล่าวก็เป็นข้ออ้างที่จำเลยที่3คิดว่าเสียเปรียบจะนำมาหักล้างการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ชาวต่างชาติ และการพิจารณาจำนวนเงินที่เหมาะสม
โจทก์เป็นคนสัญชาติอังกฤษ มิได้มีภูมิลำเนาในประเทศไทยฟ้องว่าจำเลยทำละเมิด จำเลยจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะคดีเพราะศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100,269,743 บาท ซึ่งหากโจทก์แพ้คดี และศาลชั้นต้นให้โจทก์ชดใช้ค่าทนายความเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 2 ครึ่ง โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็จะเป็นเงินค่าทนายความถึง 2,500,000 บาทเศษที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย 750,000 บาท จึงมิใช่จำนวนที่สูงเกินสมควร
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100,269,743 บาท ซึ่งหากโจทก์แพ้คดี และศาลชั้นต้นให้โจทก์ชดใช้ค่าทนายความเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 2 ครึ่ง โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็จะเป็นเงินค่าทนายความถึง 2,500,000 บาทเศษที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย 750,000 บาท จึงมิใช่จำนวนที่สูงเกินสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348-356/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนหลังศาลจำหน่ายคดี: ศาลไม่รับคำร้อง
ศาลชั้นต้นได้สั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงินภายใน 30 วัน โจทก์และทนายผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ลงชื่อรับทราบไว้แล้ว ดังนี้ ต้องถือตามกำหนดนัดนั้น จะไปถือเอาวันที่ลงไว้ในบัญชีนัดซึ่งเจ้าหน้าที่ของศาลนัดไว้ผิดไปจากคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้วผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปเช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย
เมื่อครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องขัดทรัพย์วางเงิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่วางเงินและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์จากสารบบความแล้วผู้ร้องขัดทรัพย์จึงยื่นคำร้องขอวางเงิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปเช่นนี้ คดีของผู้ร้องขัดทรัพย์ไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอีกแล้ว คำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์จึงต้องยกเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25-27/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการวางเงินประกันความเสียหายจากการยื่นคำร้องคัดค้านการบังคับคดี
เมื่อผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้มิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา และขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 วรรคแรก เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องงดการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทนั้นไว้ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล แม้ต่อมาศาลจะสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องตามมาตรา 288(1) แต่ผู้ร้องก็ยังคงอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นอยู่ โจทก์จึงขอให้ขายทรัพย์พิพาทไม่ได้
เมื่อโจทก์เห็นว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่พิพาทเข้ามานั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โจทก์ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับนั้นได้และเมื่อศาลพิจารณาเป็นเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องว่างเงินต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ ตามมาตรา 288 (1) (อ้างฎีกาที่ 1293/2514)
เมื่อโจทก์เห็นว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินที่พิพาทเข้ามานั้นไม่มีมูลและยื่นเข้ามาเพื่อประวิงคดีให้ชักช้า โจทก์ก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ผู้ร้องวางเงินเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา สำหรับความเสียหายที่อาจได้รับนั้นได้และเมื่อศาลพิจารณาเป็นเช่นนั้น ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ร้องว่างเงินต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทน ฯลฯ ตามมาตรา 288 (1) (อ้างฎีกาที่ 1293/2514)