พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่ง: โจทก์ไม่ต้องบรรยายเหตุที่ฟ้องไม่ขาดอายุความในคำฟ้อง แต่มีสิทธิสืบพยานพิสูจน์ภายหลังได้
โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงเหตุที่ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความเพราะหาใช่สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ไม่แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อใดและเหตุใดจึงมีสิทธิฟ้องคดีเมื่อเกินเวลาปีหนึ่งแล้วได้เมื่อจำเลยต่อสู้เรื่องอายุความโจทก์ก็มีสิทธิที่จะนำสืบให้เห็นว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันเดือนปีใดจึงยังไม่พ้นปีหนึ่งนับถึงวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6922/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้บรรยายรายละเอียดการได้มาซึ่งเช็ค การแสดงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับชัดเจนเพียงพอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คผู้ถือให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขายลดแก่ธนาคารถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คธนาคารผู้ซื้อเช็ค เรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คไม่ได้ จึงได้หักจากบัญชีของโจทก์ ตามจำนวนเงินในเช็คแล้วมอบเช็คคืนแก่โจทก์ โจทก์จึงกลับเป็นผู้ทรงเช็คตามกฎหมาย และได้ทวงถามจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คแล้วจำเลยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วว่า จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย อันเป็นข้ออ้างให้จำเลยรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914 ประกอบด้วยมาตรา 989 กับมีคำขอบังคับครบถ้วน สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาอย่างไรเมื่อใด และไม่ได้บรรยายถึงวันที่โจทก์เข้ายึดถือเช็คและใช้เงินตามเช็คนั้น ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์ที่สมบูรณ์แล้วกลับเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้องในคดีเช่าซื้อและการบังคับตามสัญญา
คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน โจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1ซึ่งโจทก์ได้แนบสำเนาสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นเอกสารที่กฎหมายต้องการมาพร้อมกับคำฟ้องแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์มีวัตถุที่ประสงค์ในการให้เช่าซื้อรถยนต์หรือไม่เป็นรายละเอียด มิใช่สภาพแห่งข้อหาอันต้องบรรยายมาในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อถือว่าสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดทันที จำเลยที่ 1 ต้องคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 10 แต่ปรากฏว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัยจำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 6 โจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทที่รับประกันภัยแล้ว200,000 บาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในราคารถยนต์ที่ยังขาดอยู่ คำฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยทั้งสองจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อถือว่าสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดทันที จำเลยที่ 1 ต้องคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 10 แต่ปรากฏว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัยจำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 6 โจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทที่รับประกันภัยแล้ว200,000 บาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในราคารถยนต์ที่ยังขาดอยู่ คำฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยทั้งสองจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2753/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม: จำเลยต้องเข้าใจสภาพแห่งข้อหาและต่อสู้คดีได้
คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 1ได้เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ได้แนบสำเนาสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นเอกสารที่กฎหมายต้องการมาพร้อมกับคำฟ้องแล้ว ส่วนข้อที่ว่าโจทก์มีวัตถุที่ประสงค์ในการให้เช่าซื้อรถยนต์หรือไม่เป็นรายละเอียดมิใช่สภาพแห่งข้อหาอันต้องบรรยายมาในฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องอ้างถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์กล่าวคือ จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อถือว่าสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดทันที จำเลยที่ 1 ต้องคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 10 แต่ปรากฎว่ารถยนต์ที่เช่าซื้อถูกโจรภัยจำเลยที่ 1 จึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ตามสัญญาข้อ 6 โจทก์ได้รับชดใช้จากบริษัทที่รับประกันภัยแล้ว 200,000 บาท โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในราคารถยนต์ที่ยังขาดอยู่ คำฟ้องโจทก์จึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยทั้งสองจะเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน
(คำสั่งศาลฎีกาที่ 56/2536) คำร้องของ ผู้ร้องที่ว่าเขตเลือกตั้งที่ 1 จังหวัดสมุทรสาคร มีเขตพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละอำเภอ มีกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนซึ่งเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเขตพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบนมี ช.นายอำเภอกระทุ่มแบน เป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนในเขตพื้นที่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จำนวน 43 หน่วยเลือกตั้ง ในเขตพื้นที่ อำเภอบ้านแพ้ว จำนวน 31 หน่วยเลือกตั้ง ได้นับคะแนนไม่ตรงกับความจริงในบัตรเลือกตั้ง อ่านบัตรเลือกตั้งของผู้ร้องหมายเลข 7 เป็นของผู้สมัครหมายเลข 1 บ้าง เป็นของผู้สมัครหมายเลข 5 บ้าง หรือเป็นของผู้สมัครอื่นบ้างอ่านบัตรดีของผู้ว่าเป็นบัตรเสียบ้าง อ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลข 5 เป็นบัตรดีบ้าง และอ่านบัตรที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรที่ไม่ลงคะแนนบ้าง ทั้งกระทำหรือละเว้นกระทำด้วยประการใด ๆ ทำให้คะแนนของผู้ร้องเปลี่ยนแปลงลดลง และมีผลให้คะแนนของ อ. ผู้สมัคร รับเลือกตั้งหมายเลข 5 มีคะแนนเพิ่มขึ้น ทำให้คะแนนรวมทั้งหมดของ อ.มากกว่าคะแนนของผู้ร้อง 344 คะแนน และได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสาคร การบรรยายคำร้องใน ลักษณะนี้มิใช่การแสดงถึงสภาพแห่งข้ออ้างและข้อหาของผู้ร้อง โดยแจ้งชัด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง หากแต่เป็นคำร้องที่กล่าวถึงข้อเท็จจริงคลุม ๆ และรวมกันมา คำร้องของผู้ร้องจึงทำให้ผู้มีส่วน ได้เสียจากเหตุตามคำร้องเสียเปรียบ ไม่อาจเข้าใจและยื่นคำ คัดค้านได้ตรงกับรูปเรื่อง จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม แม้ศาลชั้นต้นจะส่งความเห็นไปยังศาลฎีกา โดยไม่ดำเนิน กระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้อง หรือในกรณีที่เห็นว่าอาจทำให้ ความเห็นได้ไม่ต้องให้คู่ความสืบพยานและสั่งงดการไต่สวน แต่ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวก็ตาม ศาลฎีกาก็มี อำนาจมีคำสั่งในเรื่องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดตาม ป.วิ.พ. ม.57(1) ต้องแสดงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับชัดเจน มิฉะนั้นเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ
คำร้องสอดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1) เป็นคำฟ้องจึงต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับต้องแจ้งชัดด้วยตามมาตรา 172 วรรคสอง เมื่อคำร้องสอดมิได้มีคำขอว่าต้องการให้บังคับอย่างไร จึงเป็นคำร้องสอดที่ไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงสภาพแห่งข้อหาในฟ้อง: รายการค่าใช้จ่ายแนบท้ายฟ้องเพียงพอต่อการเข้าใจ
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เรียกค่าจ้างว่าความตามปริมาณและระยะเวลาการทำงาน แต่โจทก์ก็ได้แนบเอกสารท้ายฟ้อง แสดงรายการค่าจ้างว่าความ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแบะค่าป่วยการ เป็นเงินรวม 249,440 บาท ให้จำเลยทราบ จึงเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาตามฟ้อง ถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 172 วรรคสอง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่เคลือบคลุม ไม่แสดงสภาพแห่งข้อหาชัดเจน ศาลยกคำร้อง
เหตุคัดค้านการเลือกตั้งข้อ (1) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดหรือเจ้าหน้าที่นับคะแนนผู้ใดนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนการเลือกตั้งให้ผิดไปจากความจริง หรือรวมคะแนนผิดไปจากความจริง ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งในเขตอำเภอแม่ลาน้อย กับกิ่งอำเภอปางมะผ้ากระทำการดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงการคาดคะเนเอาเองของผู้ร้อง ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้ผู้ร้องเป็นบัตรเสียและลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นบัตรดีนั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าลักษณะของบัตรเสียนั้นเป็นลักษณะเช่นใด เพราะตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 73 ได้กำหนดประเภทของบัตรเสียไว้ถึง 6 ชนิดบัตรเสียที่ผู้ร้องอ้างไม่ปรากฏว่าเป็นบัตรชนิดใดทั้งไม่มีรายละเอียดว่าบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งกรรมการตรวจคะแนนนับเป็นบัตรเสียมีจำนวนเท่าใดและบัตรเสียที่ลงคะแนนให้ผู้คัดค้านที่ 2 นับเป็นบัตรดีนั้นมีจำนวนเท่าใด ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการนับคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 นั้น ผู้ร้องก็มิได้บรรยายว่าคะแนนของผู้ร้องกับผู้สมัครรายอื่นที่อ้างว่านับให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 นั้นมีจำนวนเท่าใด ผู้สมัครรายอื่นนั้นก็ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใดแน่ ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องในเหตุการณ์แรกนี้จึงเลื่อนลอยและเคลือบคลุม ไม่พอที่จะให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจข้อหาได้ดีและต่อสู้คดีได้ถูกต้องจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง เหตุคัดค้านการเลือกตั้ง ข้อ (2) ผู้ร้องมิได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาเช่นกันกล่าวคือ คำร้องมิได้บรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจคะแนนผู้ใดกระทำการดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เพียงแต่อ้างคลุม ๆ มาเช่นกันว่า กรรมการทุกคนทุกหน่วยเลือกตั้งเท่านั้น และมีการอ่านคะแนนผิดความจริงอย่างไรก็ไม่ปรากฏ ตามคำร้องก็ไม่แน่นอนว่าเป็นกรณีที่กรรมการตรวจคะแนนอ่านคะแนนหรือรวมคะแนนผิดความจริงกันแน่ จำนวนคะแนนที่ผู้ร้องอ้างว่าลดลงไปแล้วเพิ่มให้ผู้คัดค้านที่ 2 ก็เป็นแต่เพียงการกะประมาณเอาเองของผู้ร้องเท่านั้น คำร้อง ของ ผู้ร้องในส่วนนี้จึงเคลือบคลุมเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดสัญญาเช่าทั้งหมด ศาลพิจารณาจากสภาพแห่งข้อหาและเหตุแห่งข้อหาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของอาคารพิพาทซึ่งปลูกสร้างในที่ดินที่เช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จำเลยทั้งสองเช่าอาคารพิพาทจากโจทก์ ค่าเช่าครั้งหลังสุดเดือนละ2,000 บาท ต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม 2530 โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าและให้ส่งมอบอาคารพิพาทคืนแก่โจทก์ เป็นการกล่าวถึงสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้เช่าอาคารพิพาทจากโจทก์และเหตุแห่งข้อหา คือ โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าอันทำให้สัญญาเช่าระงับไปแล้ว แต่จำเลยทั้งสองก็ยังครอบครองอาคารพิพาทอยู่โดยไม่มีสิทธิ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว หาจำต้องกล่าวให้ละเอียดไปถึงว่าจำเลยที่ 1 เริ่มเช่าอาคารพิพาทจากใคร ตั้งแต่เมื่อใด มีหลักฐานการเช่าหรือไม่ ข้อตกลงในการเช่ามีอย่างไรและสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2906/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องรื้อถอนบ้านรุกที่ดิน: การบรรยายฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดบ้าน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยอยู่บ้านเลขที่ 152/6ถนนเจริญนคร แขวงบุคคโลเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บางส่วนในที่ดินโฉนดเลขที่ 1266 และ 3751แขวงบุคคโลเขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จำเลยได้อยู่อาศัยในบ้านเลขที่ดังกล่าวโดยปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์ทั้งสองแปลงนี้โดยจำเลยและสามีจำเลยขออนุญาตจากโจทก์และเจ้าของร่วม ต่อมาจำเลยยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาอาศัยในบ้านดังกล่าว โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยก็เพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสถานแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ส่วนบ้านเลขที่ 152/6 เป็นบ้านตึกหรือบ้านไม้ มีความกว้างยาวและเนื้อที่เท่าใดนั้น เป็นรายละเอียดที่ไม่จำต้องบรรยายในฟ้องทั้งจำเลยก็อาศัยในบ้านดังกล่าวย่อมรู้รายละเอียดดังกล่าวได้ดีอยู่แล้ว ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม