พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: การสมคบกันทำร้าย, เจตนาฆ่า, และการพิสูจน์ความรับผิด
ผู้ตายเข้าไปในกุฏิพระ พระเข้าใจว่าเป็นคนร้ายมาแย่งชิงทรัพย์ได้ตีกลองบอกเหตุอันตราย จำเลยและราษฎรมาช่วย และเข้าไปในกุฏิ ต่างแทงฟันทุบตีผู้ตายจนตาย โดยไม่รู้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลของคนใดทำร้าย และโจทก์มิได้ฟ้องว่า จำเลยสมคบกัน ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตาย จำเลยคงผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ความผิดฐานสมคบกันฆ่า vs. ฆ่าคนตายโดยเจตนา
ผู้ตายเมาสุราพูดจาท้าทายใครต่อใครในงาน อันเป็นการก่อกวนโทษะแก่บุคคลที่อยู่ที่นั่นทุกคน จำเลยที่ 1-2-3 มีส่วนเป็นเจ้าของงานแต่ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตีผู้ตาย 1 ที ไม่ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 เอามีดฟันอีก 1 ทีถึงบาดเจ็บ แล้วจำเลยที่ 3 เอามีดแทงผู้ตาย 1 ที ถูกที่หน้าท้องไส้ทะลักออกมาและถึงแก่ความตาย เพราะบาดแผลที่ถูกแทงภายหลังนี้แบบเดียวดังนี้จะฟังว่าจำเลยทั้ง 3 คนสมคบกันฆ่าผู้ตายยังไม่ถนัด เพราะการที่จำเลยที่ 3 เข้ามาและใช้มีดแทงผู้ตายภายหลังนั้น จำเลยที่ 1-2 อาจไม่รู้เห็นด้วยก็ได้ จำเลยที่ 3 ควรมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาคนเดียวส่วนจำเลยที่ 1-2 ควรมีผิดแต่เพียงเท่าที่ตนกระทำแต่ละคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากสมคบกันฆ่า เป็นฆ่าโดยเจตนาและทำร้ายร่างกาย จากพฤติการณ์ปัจจุบันใจ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย 3 คนสมคบกันฆ่าคนโดยเจตนา ทางพิจารณาปรากฎว่า จำเลยที่ 2-3 ใช้ไม้ตีผู้ตายคนละทีก่อน แล้วจำเลยที่ 1 จึงเอาปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ตามลักษณะคดี จำเลยทั้ง 3 หาได้สมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาไม่ จำเลยที่ 1 ผู้เดียวมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1918-1919/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสมคบกันปล้นทรัพย์และพยายามปล้นทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
คดีที่หาว่า จำเลยปล้นทรัพย์ 2 ราย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังข้อหาทั้ง 2 ราย พิพากษารวมกะทงให้จำคุกจำเลยคนละ 10 ปี ลดกึ่งหนึ่งคงเหลือ 5 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยพยายามปล้นทรัพย์รายเดียวพิพากษาแก้ให้จำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน ลด 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 4 ปี 5 เดือน 10 วัน ยกฟ้องรายหนึ่ง ดังนี้ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมคบกันเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา แม้ผู้รับเงินไม่ใช่เจ้าพนักงานสอบสวน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานสอบสวน จำเลยที่ 2 เป็นตำรวจ ประจำกอง 2 ตำรวจสันติบาลสมคบกันทำผิดกฎหมาย โดยจำเลยที่ 1 เรียกเงินเป็นสินน้ำใจจากผู้ต้องหา ในการที่อุปการะแก่การที่จำเลยที่ 1 ให้คุณแก่ผู้ต้องหาตามอำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ไปรับเงินมาจากผู้ต้องหา มาเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้ง 2 ดังนี้ แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและถือว่า อยู่ในฐานะเสมือนราษฎร ทำผิดร่วมกับเจ้าพนักงาน ควรมีผิดเพียงฐานสมรู้เท่านั้นก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้ได้ ไม่เรียกว่า ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานสมคบกันกระทำผิด แม้ไม่ได้อ้างมาตรา 63 ศาลยังลงโทษฐานเป็นตัวการได้
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันฆ่าคน อ้าง มาตรา 249 เมื่อได้ความว่าจำเลยสมคบกันฆ่าเขา แม้โจทก์ไม่อ้างมาตรา 63 ศาลก็ลงโทษฐานเป็นตัวการฆ่าคนตามมาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันเรียกรับสินบนและปลอมแปลงเอกสารราชการ โดยจำเลยมีหน้าที่ออกบัตรอนุญาต
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานได้โดยมิได้กล่าวในฟ้องด้วยว่า จำเลยที่ 2 มีอำนาจออกบัตร์นั้นด้วย ดังนี้ศาลก็คงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมรู้กับจำเลยที่ 1 ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจ ตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตร์นั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
ฟ้องตอนแรกบรรยายว่าจำเลยรับเงินไว้เป็นสินน้ำใจ ตอนหลังว่าเป็นสินบน ดังนี้ไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อได้ความว่า จำเลยมีอำนาจออกบัตร์ให้กรรมกรหยุดงานเพราะป่วยได้แล้ว แม้ปรากฏว่าจำเลยได้ทำเตรียมบัตร์นั้นไว้ก่อนได้รับมอบตัวกรรมกรก็ตาม จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานปลอมหนังสือในตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้ง แต่มิได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดอาญาจากการแจ้งเท็จ, อาฆาตมาดร้าย, และการสมคบกันทำผิด
การแสดงความอาฆาตมาดร้ายตามมาตรา 30 จะต้องเป็นเรื่องแสดงอาฆาตจะก่อการร้ายอันเป็นผิดทางอาญา
กำนันทำรายงานเรื่องผู้ต้องหาเสนอพนักงานสอบสวนระบุชื่อผู้ต้องหาเมื่อเสนอไปแล้วภายหลังแก้ชื่อผู้ต้องหา ถ้าหากแก้เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นรายงานไว้แต่เดิมก็อาจมีผิดฐานปลอมหนังสือ
การแจ้งต่อเจ้าพนักงานเป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมจะเป็นผิดตามมาตรา 270 หรือไม่นั้น ถ้าเป็นการที่เจ้าพนักงานจะต้องรีบจับทันทีไม่มีเวลาสืบสวนหรือสอบสวน ผู้แจ้งก็ไม่มีความผิด
แสดงเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงานแล้วเรียกเงินจากเขาเพื่อช่วยให้เขาพ้นอาญา แล้วเอาชื่อโจทก์เข้าเป็นผู้ต้องหาแทนดังนี้ไม่ถือว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดตามมาตรา 123 และ154
พลเรือนสมคบกับตำรวจทำผิดถ้าไม่ได้ฟ้องตำรวจด้วย ก็ย่อมฟ้องพลเรือนต่อศาลพลเรือนได้ อ้างฎีกาที่ 622/2486
กำนันทำรายงานเรื่องผู้ต้องหาเสนอพนักงานสอบสวนระบุชื่อผู้ต้องหาเมื่อเสนอไปแล้วภายหลังแก้ชื่อผู้ต้องหา ถ้าหากแก้เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นรายงานไว้แต่เดิมก็อาจมีผิดฐานปลอมหนังสือ
การแจ้งต่อเจ้าพนักงานเป็นเหตุให้เขาถูกจับกุมจะเป็นผิดตามมาตรา 270 หรือไม่นั้น ถ้าเป็นการที่เจ้าพนักงานจะต้องรีบจับทันทีไม่มีเวลาสืบสวนหรือสอบสวน ผู้แจ้งก็ไม่มีความผิด
แสดงเป็นคนสนิทชิดชอบกับเจ้าพนักงานแล้วเรียกเงินจากเขาเพื่อช่วยให้เขาพ้นอาญา แล้วเอาชื่อโจทก์เข้าเป็นผู้ต้องหาแทนดังนี้ไม่ถือว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดตามมาตรา 123 และ154
พลเรือนสมคบกับตำรวจทำผิดถ้าไม่ได้ฟ้องตำรวจด้วย ก็ย่อมฟ้องพลเรือนต่อศาลพลเรือนได้ อ้างฎีกาที่ 622/2486
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายในวิวาท: แม้ฟ้องว่าสมคบกัน แต่พิสูจน์ได้ว่าทำร้ายกันต่างหาก ก็ลงโทษได้
คดีที่ได้เกิดวิวาทกันแล้วทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน เมื่อได้ความว่าผู้ใดทำร้ายใครก็ลงโทษจำเลยที่ได้ทำร้างนั้น ได้ (อ้างฎีกาที่ 621/2460,ที่ 593/2484), การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำความผิดโดยสมคบกันทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดโดยต่างเข้าทำร้ายผู้เสียหายโดยมิได้สมคบกันมา ก็ลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน: ลงโทษจำเลยที่กระทำผิดแม้ไม่มีการสมคบกัน
คดีที่ได้เกิดวิวาทกันแล้วทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน.เมื่อได้ความว่าผู้ใดทำร้ายใครก็ลงโทษจำเลยที่ได้ทำร้ายนั้นได้. อ้างฎีกาที่ 621/2460 ที่ 593/2484. การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำความผิดโดยสมคบกันทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง. เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดโดยต่างเข้าทำร้ายผู้เสียหายโดยมิได้สมคบกันมา. ก็ลงโทษได้.