คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สมควร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 66 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1681/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจนและมีเหตุอันสมควร มิใช่เพียงการอ้างว่าจะชนะคดี
ปัญหาที่ว่าคำร้องขอของจำเลยเป็นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 หรือไม่ เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำร้องขอของจำเลยกล่าวเพียงว่าจำเลยมีพยานหลักฐานที่จะต่อสู้คดี มีทางชนะคดีของโจทก์ได้ เป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ มิใช่ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3952/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่ใกล้จะถึงและสมควร
ขณะนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกัน ผู้เสียหายมีอาการเมาสุราเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 กีดกันไม่ยอมให้ปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 ไล่ให้กลับไปนอนผู้เสียหายกลับพูดว่า "ไอ้แก่อยากจะให้รู้มือสักที"แล้วทำท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวเผยออกมา จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้เสียหายจะทำร้าย จึงชกหน้าผู้เสียหายไป1 ที แล้วผลักล้มลงถูกผาลไถนาเป็นบาดแผลที่หางคิ้วขวาเป็นการกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและพอสมควรแก่เหตุ เข้าลักษณะเป็นการป้องกันจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3661/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้กำลังป้องกันตัวเกินสมควร
ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลยเนื่องจากโต้เถียงกันเรื่องรถยนต์ของผู้ตายที่ให้จำเลยเป็นคนขับ ถึงแม้จำเลยจะทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตายก็ยังฟังไม่ได้ว่าสมัครใจวิวาทกัน การที่ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลย จึงเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันสิทธิของตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2896/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินที่เป็นสินสมรสโดยไม่ชอบธรรม การให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี และการเพิกถอนนิติกรรม
โจทก์กับ ช. สมรสกัน 60 ปี มาแล้วมีบุตรคนเดียว ต่อมาโจทก์ไปบวชชีโดยไม่ได้หย่ากัน ช. เป็นข้าราชการบำนาญ ออกจากบ้านเดิมไปพักอาศัยอยู่กับจำเลยและมารดา แล้วยกที่พิพาท 4 แปลงอันเป็นสินสมรสให้จำเลยซึ่งไม่ได้เป็นญาติกับโจทก์หรือ ช. โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์และ ช. มีทรัพย์สินมีค่าอย่างอื่นอีก ดังนั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 เมื่อปราศจากความยินยอมของโจทก์การให้จึงไม่สมบูรณ์ โจทก์ขอเพิกถอนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายการใช้รถเช่าซื้อก่อนคืน: ศาลกำหนดตามสมควร ไม่ใช่ค่าเช่าค้างชำระ
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อเลิกสัญญาเอารถคืน ค่าเสียหายที่ผู้ให้เช่าซื้อเรียกได้สำหรับการใช้รถก่อนได้รับคืนมิใช่จำนวนเท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระซึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกได้ ศาลกำหนดให้ตามสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการอายัดเงินเดือน โดยคำนึงถึงฐานะครอบครัวของลูกหนี้
จำเลยผู้แพ้คดีเป็นลูกจ้างการไฟฟ้านครหลวง ศาลสั่งอายัดเงินเดือนโดยพิเคราะห์ฐานะทางครอบครัว แล้วกำหนดเงินที่อายัดตามสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2391-2393/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินอันเป็นสินสมรสให้บุตรโดยชอบธรรม: การให้ตามสมควรทางศีลธรรมอันดี
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสามีภรรยากัน มีที่ดินอันเป็นสินสมรสด้วยกันหลายแปลง การที่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามียกที่ดินดังกล่าวให้แก่บุตร 3 คน ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 เอง คนละ 1 แปลง ถือว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี จำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีมีอำนาจทำได้โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภรรยาก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2162/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดทรัพย์สิน: แม้มีผู้สู้ราคาคนเดียวก็ชอบด้วยกฎหมาย หากเป็นการเปิดเผยและราคาสมควร
ในการขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อเอาเงินชำระค่าปรับฐานผิดสัญญาประกันมีทรัพย์ 3 รายการ รวมทั้งทรัพย์รายพิพาทด้วย เจ้าพนักงานบังคับคดีได้โฆษณาบอกขายเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าสู้ราคาได้โดยเปิดเผยแล้ว เวลาขายทรัพย์อีก 2 รายการนั้น มีผู้เข้าสู้ราคา 2-3 คน แต่เมื่อขายทรัพย์รายพิพาทมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียว เมื่อไม่มีผู้อื่นสู้ราคาสูงขึ้นไปอีกแล้ว ผู้สู้ราคาคนเดียวนี้ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สู้ราคาสูงสุด ศาลย่อมอนุญาตให้ขายให้แก่ผู้สู้ราคานี้ได้เมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควรแล้ว แม้จะมีผู้สู้ราคาเพียงคนเดียวก็จะถือว่าการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทนี้ ไม่เป็นไปตามวิธีการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 513, 514 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การใช้กำลังเกินสมควรแม้ถูกทำร้ายก่อน
จำเลยกับผู้ตายเคยอยู่กินเป็นสามีภริยากันมาก่อนแล้วแยกกัน วันเกิดเหตุผู้ตายชักชวนจำเลยให้กลับไปอยู่กินเป็นสามีภริยากันตามเดิม จำเลยไม่ยอมไป ผู้ตายก็เข้าจับมือจะฉุดลากเอาตัวไป การที่ผู้ตายจะเข้าฉุดลากเอาตัวจำเลยไป ผู้ตายไม่มีอำนาจจะกระทำเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำป้องกันตนแต่การที่จำเลยใช้มีดง้าวตัวมีดยาว 1 ศอก ด้ามยาว 1 ศอก เหวี่ยงไปมาเพื่อกันมิให้ผู้ตายเข้าจับตัวจำเลย ถูกผู้ตายที่คอด้านหน้าข้างซ้ายลึกตัดกระดูกคอหลอดลม เส้นคอขาดถึงแก่ความตาย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธอะไร ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ ค่าทนายความเกินสมควร ศาลลดเบี้ยปรับ
จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลทำหนังสือรับสภาพหนี้และประนีประนอมยอมความให้โจทก์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2506 โจทก์ฟ้องคดี พ.ศ. 2507 จึงไม่ขาดอายุความ
ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความไม่ได้บังคับว่า โจทก์ต้องแสดงใบรับเงินค่าจ้างทนายมาพร้อมฟ้อง
หนังสือสัญญารับสภาพหนี้และยอมความมีใจความว่าถ้าลูกหนี้ผิดนัดยอมให้เจ้าหนี้ฟ้อง ลูกหนี้ยอมใช้ค่าเสียหายที่เจ้าหนี้จ่ายเป็นค่าจ้างทนายความตามที่จ้างจริง โดยตกลงกำหนดเบี้ยปรับสำหรับค่าจ้างไว้เป็นเงิน 4,500 บาท หนี้สินรายนี้มีจำนวน 22,340 บาทนับว่าสูงเกินส่วน แม้โจทก์จ่ายเงินไปแล้วจริง 4,500 บาท ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงว่าจ้างแพงเกินควรที่จะให้จำเลยรับผิดศาลฎีกาเห็นควรลดเบี้ยปรับค่าจ้างทนายลงเหลือ 2,500 บาท
ฎีกาที่ว่า ข้อตกลงเรื่องให้จำเลยเสียค่าทนาย 4,500 บาทเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันไม่ได้ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 7