พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จากการสละเจตนาเป็นเจ้าของ และหนังสือยกให้เป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพื่อความสะดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากไว้กับผู้รับขายฝากทั้งหมดส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์จากการสละเจตนาเป็นเจ้าของ และการพิสูจน์นิติกรรมที่ซ่อนเร้น
โจทก์ประสงค์จะขายฝากที่ดินของตนบางส่วน แต่เพื่อความสะดวกในทางทะเบียนผู้รับขายฝากกับโจทก์จึงตกลงกันว่าให้โจทก์ทำขายฝากไว้กับผู้รับขายฝากทั้งหมดส่วนที่โจทก์ไม่ได้ขายฝากไว้นั้น ผู้รับขายฝากได้ทำเป็นหนังสือยกให้แก่โจทก์และให้โจทก์ครอบครองในส่วนนั้นตลอดมา ดังนี้หนังสือยกให้ที่ผู้รับขายฝากทำให้แก่โจทก์นั้นโจทก์ย่อมอ้างเป็นพยานหักล้างหลักฐานการขายฝากในส่วนที่โจทก์ไม่ตั้งใจขายฝากไว้ได้ เพราะเป็นการสืบถึงนิติกรรมที่อำพรางไว้ ไม่ใช่สืบแก้ไขเอกสารสัญญาขายฝากนอกจากนี้ยังฟังเป็นเอกสารอันหนึ่งได้ว่าผู้รับขายฝากได้สละเจตนาเป็นเจ้าของในที่ดินส่วนนั้น และเมื่อโจทก์ครอบครองมาเป็นเวลาเกิน 20 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382อยู่ดี
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
ปัญหาข้อใดแม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะได้กล่าวไว้ แต่คู่ความมิได้ฎีกาขึ้นมา ปัญหาข้อนั้นก็เป็นอันยุติเพราะไม่มีอะไรที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยถึง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายที่ดินมือเปล่าและสิทธิครอบครอง เมื่อมีการสละเจตนาครอบครองแล้ว เจ้าของเดิมไม่มีสิทธิเรียกคืนได้
ที่ดินบ้านมือเปล่านั้น เมื่อทางพิจารณาไม่มีฝ่ายใดนำสืบว่า ที่บ้านนั้น เจ้าของได้มีสิทธิในที่ดินตาม ก.ม.ลักษณะเบ็ดดเสร็จบทที่ 42 มาแล้ว ก็ต้องถือว่าเจ้าของมีสิทธิครอบครองมือเปล่าธรรมดาเช่นเดียวกันที่นามือเปล่าเท่านั้น ( อ้างฎีกาที่ 5/2495 )
ขายที่บ้านมือเปล่า โดยทำหนังสือสัญญากันเอง แล้วมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองแล้ว อันถือได้ว่าผู้ขายได้มีเจตนาสละการครอบครองให้เขาแล้วผู้ขายย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินนั้นคืน
ขายที่บ้านมือเปล่า โดยทำหนังสือสัญญากันเอง แล้วมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองแล้ว อันถือได้ว่าผู้ขายได้มีเจตนาสละการครอบครองให้เขาแล้วผู้ขายย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินนั้นคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่าและการสละเจตนาครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่าตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตคันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้น จะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลยตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดิน และผลของการครอบครองปรปักษ์เมื่อมีการแย่งการครอบครอง
ที่มาไม่มีหนังสือสำคัญซึ่งเจ้าของผู้กู้ให้ยึดเป็นประกันต่างดอกเบี้ย สัญญาจะใช้เงินใน 3 ปี ถ้าพ้นกำหนดไม่ใช้เงินยอมให้ที่นาเป็นสิทธิแก่เจ้าของเงินนั้น เมื่อพ้น 3 ปีผู้กู้ไม่ใช้เงิน ถือว่า ผู้กู้สละเจตนาครอบคอรง แม้ข้อตกลงแต่แรกจะทำไม่ถูกต้องตามแบบก็ดี
ที่นามือเปล่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง มิใช่มีกรรมสิทธิ
การที่ถูกแย่งการครอบครองครั้งก่อน ๆ ซึ่งถึงแม้จะเกิน 1 ปีแต่เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกแย่งการครอบครองได้ร้องต่ออำเภอจนได้ผลข้าวในนาที่ถูกแย่งการครอบครองนันแล้ว ต่อมาถูกแย่งการครอบครองครั้งหลักยังไม่เกิน 1 ปีและผู้ถูกแย่งมาฟ้อง ดังนี้ ถือว่ายังไม่หมดสิทธิฟ้องร้อง
ที่นามือเปล่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง มิใช่มีกรรมสิทธิ
การที่ถูกแย่งการครอบครองครั้งก่อน ๆ ซึ่งถึงแม้จะเกิน 1 ปีแต่เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกแย่งการครอบครองได้ร้องต่ออำเภอจนได้ผลข้าวในนาที่ถูกแย่งการครอบครองนันแล้ว ต่อมาถูกแย่งการครอบครองครั้งหลักยังไม่เกิน 1 ปีและผู้ถูกแย่งมาฟ้อง ดังนี้ ถือว่ายังไม่หมดสิทธิฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดิน และอายุความฟ้องแย่งการครอบครอง
ที่นาไม่มีหนังสือสำคัญซึ่งเจ้าของผู้กู้ให้ยึดเป็นประกันต่างดอกเบี้ยสัญญาจะใช้เงินใน 3 ปีถ้าพ้นกำหนดไม่ใช้เงินยอมให้ที่นาเป็นสิทธิแก่เจ้าของเงินนั้น เมื่อพ้น 3 ปีผู้กู้ไม่ใช้เงิน ถือว่า ผู้กู้สละเจตนาครอบครองแม้ข้อตกลงแต่แรกจะทำไม่ถูกต้องตามแบบก็ดี
ที่นามือเปล่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง มิใช่มีกรรมสิทธิ์
การที่ถูกแย่งการครอบครองครั้งก่อนๆ ซึ่งถึงแม้จะเกิน 1 ปี แต่เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกแย่งการครอบครองได้ร้องต่ออำเภอจนได้ผลข้าวในนาที่ถูกแย่งการครอบครองนั้นแล้ว ต่อมาถูกแย่งการครอบครองครั้งหลังยังไม่เกิน 1 ปีและผู้ถูกแย่งมาฟ้อง ดังนี้ ถือว่ายังไม่หมดสิทธิฟ้องร้อง
ที่นามือเปล่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง มิใช่มีกรรมสิทธิ์
การที่ถูกแย่งการครอบครองครั้งก่อนๆ ซึ่งถึงแม้จะเกิน 1 ปี แต่เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกแย่งการครอบครองได้ร้องต่ออำเภอจนได้ผลข้าวในนาที่ถูกแย่งการครอบครองนั้นแล้ว ต่อมาถูกแย่งการครอบครองครั้งหลังยังไม่เกิน 1 ปีและผู้ถูกแย่งมาฟ้อง ดังนี้ ถือว่ายังไม่หมดสิทธิฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินนามือเปล่า: การสละเจตนาครอบครองทำให้สิทธิสิ้นสุดลง และผู้ครอบครองใหม่ได้สิทธิครอบครอง
การครอบครองที่ดินนามือเปล่าที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ ผู้ครอบครองได้แต่สิทธิครอบครองเท่านั้น หาได้กรรมสิทธิ์ไม่
จำเลยได้สละเจตนาครอบครองโดยทำสัญญาขายขาดที่ดินนามือเปล่า ให้โจทก์เข้าครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 และโจทก์ผู้เข้ายึดถือโดยเจตนาเป็นเจ้าของย่อมได้ซึ่งสิทธิครอบครอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์จะใช้บังคับสำหรับที่ดินนามือเปล่า หาได้ไม่
จำเลยได้สละเจตนาครอบครองโดยทำสัญญาขายขาดที่ดินนามือเปล่า ให้โจทก์เข้าครอบครองแล้ว การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 และโจทก์ผู้เข้ายึดถือโดยเจตนาเป็นเจ้าของย่อมได้ซึ่งสิทธิครอบครอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์จะใช้บังคับสำหรับที่ดินนามือเปล่า หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดิน แม้ไม่มีเอกสารจดทะเบียน ย่อมทำให้สิทธิครอบครองเดิมสิ้นสุดลง
ที่ดินมีมะพร้าว 4-5 ต้น นอกนั้นเป็นป่า ถือว่ายังไม่มีสภาพเป็นที่สวน
เอาเงินเขามาแล้วทำหนังสือมอบที่ดินมือเปล่าให้เขาปกครองเป็นเจ้าของ ถือว่าได้สละเจตนาครอบครองแล้ว การครอบครองของเจ้าของเดิมย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 วรรคต้น
เอาเงินเขามาแล้วทำหนังสือมอบที่ดินมือเปล่าให้เขาปกครองเป็นเจ้าของ ถือว่าได้สละเจตนาครอบครองแล้ว การครอบครองของเจ้าของเดิมย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองทรัพย์สิน: การทิ้งร้างและเจตนาสละสิทธิในทรัพย์สินโดยปริยาย
สามีจากภิริยาและบุตรไปทำมาหากินอยู่ที่อื่น และไปมีภริยาใหม่ เกิดบุตรด้วยกันอีกหลายคน เป็นเวลานานเกือบ40ปี โดยไม่มีการติดต่อเยี่ยมเยียนภรรยาและบุตรเดิมแบบนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่า เจตนาสละการครอบครองที่นามือเปล่าที่ตนเป็นเจ้าของทำกินร่วมกับภริยาและบุตรคนเดิม ให้แก่ภิริยาและบุตรคนเดิมแล้ว
โจทก์ต้องขอแบ่งมฤดกของบิดา จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์ที่ขอแบ่ง มารดาจำเลยได้มาทางบรรพบุรุษของมารดาจำเลยดังนี้ เท่ากับต่อสู้ว่า ทรัพย์รายนี้ไม่ใช่มฤดกของบิดาโจทก์นั่นเอง ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เดิมเป็นของบิดาโจทก์แต่บิดาโจทก์สละให้เป็นมารดาจำเลย และจำเลยแล้ว ศาลก็ตัดสินให้จำเลยชนะคดีได้ ไม่เป็นการนอกประเด็นข้อต่อสู้
โจทก์ต้องขอแบ่งมฤดกของบิดา จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์ที่ขอแบ่ง มารดาจำเลยได้มาทางบรรพบุรุษของมารดาจำเลยดังนี้ เท่ากับต่อสู้ว่า ทรัพย์รายนี้ไม่ใช่มฤดกของบิดาโจทก์นั่นเอง ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เดิมเป็นของบิดาโจทก์แต่บิดาโจทก์สละให้เป็นมารดาจำเลย และจำเลยแล้ว ศาลก็ตัดสินให้จำเลยชนะคดีได้ ไม่เป็นการนอกประเด็นข้อต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของที่ดินสละเจตนาครอบครองเกิน 10 ปี และมีการครอบครองต่อเนื่องโดยผู้อื่น เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
เจ้าของที่ดินมีโฉนดได้สละเจตนาครอบครองที่ดินเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว บุคคลอื่นหลายคนได้เข้าครอบครองสืบเนื่องกันมา แม้การซื้อขายที่เป็นหลั่น ๆ กันไม่มีหนังสือ เจ้าของที่ดินเดิมจะฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่นั้นหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลง ทุนทรัพย์ 200 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลง ทุนทรัพย์ 200 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่แปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องทั้งสองแปลง ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง