คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สะดุดหยุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 117 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7268/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องล้มละลายสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องคดีเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี
การที่โจทก์นำหนี้ตามคำพิพากษาอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดซึ่งมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/32 มาเป็นมูลฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาย่อมมีผลเท่ากับเป็นการฟ้องคดีเพื่อให้ชำระหนี้อย่างหนึ่งตามวิธีการที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติไว้โดยเฉพาะ อันทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(2)
ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและการที่การฟ้องคดีนี้มีผลทำให้อายุความแห่งสิทธิเรียกร้องในหนี้ตามคำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุดสะดุดหยุดลง ระยะเวลาภายหลังจากนั้นจึงไม่นับเข้าเป็นอายุความด้วย กรณีมิใช่เรื่องการบังคับคดี จึงไม่อาจนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 มาใช้บังคับ
เมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษามีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาท และจำเลยไม่มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้อีกซึ่งต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 ว่า จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงชอบที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามมาตรา 14 แม้ต่อมาในระหว่างการพิจารณาและก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดจะพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาแล้วก็ตาม ก็หามีผลต่อคดีไม่ ส่วนที่โจทก์จะขอรับชำระหนี้ได้หรือไม่เป็นเรื่องที่จะไปว่ากล่าวกันในชั้นคำขอรับชำระหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับหนี้โดยปริยายและการสะดุดหยุดของอายุความตาม ป.พ.พ.
หนังสือที่จำเลยที่ 3 มีถึงโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุว่าจำเลยที่ 3 ปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ยอมรับตามสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 1 ได้ทำไว้แก่จำเลยที่ 3 และยอมรับที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนรายนี้แก่โจทก์แล้ว แต่ขอเวลาอีก 60 วัน เพื่อการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจะได้ประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องดำเนินการตามขั้นตอนทางปฏิบัติของบริษัทจำเลยที่ 3 เท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำอันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 139/14 เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้นตามมาตรา 193/15 หนังสือที่จำเลยที่ 3 มีถึงโจทก์ลงวันที่ 25มีนาคม 2533 เมื่อนับถึงวันฟ้อง คือวันที่ 23 สิงหาคม 2534 ยังไม่เกินสองปีคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 882

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุดเมื่อจำเลยรับสภาพหนี้ การรับรองการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นหลักฐาน
หนังสือที่จำเลยที่3มีถึงโจทก์ไม่มีข้อความตอนใดที่ระบุว่าจำเลยที่3ปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใดถือได้ว่าจำเลยที่3ยอมรับตามสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่1ได้ทำไว้แก่จำเลยที่3และยอมรับที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนรายนี้แก่โจทก์แล้วแต่ขอเวลาอีก60วันเพื่อการรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนจะได้ประมวลข้อเท็จจริงทั้งหมดซึ่งเป็นเรื่องดำเนินการตามขั้นตอนทางปฏิบัติของบริษัทจำเลยที่3เท่านั้นการกระทำของจำเลยที่3เป็นการกระทำอันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์แล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา139/14เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้วระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใดให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้นตามมาตรา193/15หนังสือที่จำเลยที่3มีถึงโจทก์ลงวันที่25มีนาคม2533เมื่อนับถึงวันฟ้องคือวันที่23สิงหาคม2534ยังไม่เกินสองปีคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่3จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา882

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีภาษีอากรซ้ำซ้อนและการสะดุดหยุดอายุความจากการแจ้งการประเมิน
การที่จำเลยที่1ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในคดีก่อนเท่ากับเป็นการใช้สิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการดังกล่าวต่อศาลตามมาตรา30(2)แห่งประมวลรัษฎากรคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนโดยคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลได้โจทก์จะมีสิทธิได้รับชำระเงินค่าภาษีอากรตามที่เจ้าพนักงานได้ทำการประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยแล้วหรือไม่นั้นจำต้องรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลเสียก่อนดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ภาษีอากรที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยเป็นคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนนอกจากนี้การที่จำเลยที่1ยังไม่ชำระเงินค่าภาษีอากรตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ยังไม่ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์และไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ การที่โจทก์แจ้งการประเมินภาษีให้จำเลยที่1ทราบเท่ากับเป็นการสั่งให้จำเลยที่1ชำระค่าภาษีอากรประเมินตามที่ประมวลรัษฎากรให้อำนาจไว้หากจำเลยที่1ไม่ชำระภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดอาจถูกยึดทรัพย์ขายทอดตลาดโดยไม่จำต้องฟ้องคดีอีกเมื่อโจทก์แจ้งการประเมินให้จำเลยที่1ทราบจึงมีผลเป็นการที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกันกับการที่เจ้าหนี้ฟ้องคดีเพื่อให้ใช้หนี้ตามที่เรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา173(เดิม)ซึ่งมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3351/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีล้มละลาย: การสะดุดหยุด และผลกระทบจากข้อผิดพลาดในการพิจารณาคดี
เจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2526 ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้จึงฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2536อายุความตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา193/14 (2) และต้องเริ่มนับใหม่เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดตามป.พ.พ.มาตรา 193/15 คือตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีล้มละลายเนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิมพ์ชื่อลูกหนี้ผิดพลาดไปและให้เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้เมื่อวันที่16 มกราคม 2538 ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ภายในกำหนดเวลาตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 แล้ว
ในคดีล้มละลายอีกคดีหนึ่งนั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2537 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2537 พร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายถึงเจ้าหนี้ให้วางเงินประกันค่าใช้จ่ายจำนวน 5,000 บาท ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดไว้ในคดีนี้ก่อนแล้ว แต่คดีนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายหลังคดีดังกล่าวเพราะพิมพ์ชื่อลูกหนี้ผิดพลาดไป และให้เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้เช่นนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบดีอยู่แล้ว และมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าไม่เป็นความจริง ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่อาจจะกล่าวอ้างว่าเจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องแสดงให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ยังไม่ขาดอายุความแต่เจ้าหนี้มิได้ให้การในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถึงข้อเท็จจริงในคดีในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ตลอดจนสิทธิเรียกร้องต่าง ๆ ของเจ้าหนี้ที่มีต่อลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องนั้นแล้วแต่ถูกศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพื่อให้เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้และข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายในชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3351/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ตามคำพิพากษาในคดีล้มละลาย การสะดุดหยุด และการนับใหม่ของอายุความ
เจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งมีกำหนด อายุความ 10 ปี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2526 ลูกหนี้ไม่ ชำระหนี้ เจ้าหนี้จึงฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 อายุความตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ ย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(2) และต้องเริ่มนับใหม่เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/15 คือตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีล้มละลาย เนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิมพ์ชื่อลูกหนี้ผิดพลาดไปและให้เจ้าหนี้มายื่น คำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2538 ถือได้ว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิยื่นคำขอชำระหนี้ในคดีนี้ภายใน กำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 แล้ว ในคดีล้มละลายอีกคดีหนึ่งนั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของ ลูกหนี้เด็ดขาด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2537 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำสั่ง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2537 พร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหมายถึงเจ้าหนี้ให้วาง เงินประกันค่าใช้จ่ายจำนวน 5,000 บาท ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ต่อมา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดไว้ ในคดีนี้ก่อนแล้ว แต่คดีนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายหลังคดีดังกล่าวเพราะ พิมพ์ชื่อลูกหนี้ผิดพลาดไป และให้เจ้าหนี้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้เช่นนี้ เป็น ข้อเท็จจริงที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบดีอยู่แล้ว และมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าไม่เป็น ความจริงดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่อาจจะกล่าวอ้างว่าเจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องแสดงให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ยังไม่ขาดอายุความ แต่เจ้าหนี้มิได้ให้การในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถึงข้อเท็จจริงในคดี ในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ตลอดจนสิทธิเรียกร้องต่าง ๆของเจ้าหนี้ที่มีต่อลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องนั้นแล้วแต่ถูกศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพื่อให้เจ้าหนี้ มายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้และข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายได้ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายในชั้นยื่นคำขอ รับชำระหนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้ยกขึ้น ว่ากล่าวตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องหนี้จากการค้ำประกันและการสะดุดหยุดของอายุความเมื่อมีการฟ้องร้อง
เจ้าหนี้ได้ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนช. ต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์โดยลูกหนี้ที่1ทำสัญญาค้ำประกันห้างหุ้นส่วนช. ไว้กับเจ้าหนี้ต่อมาห้างหุ้นส่วนช.ผิดสัญญาต่อเทศบาลเมืองสุรินทร์เจ้าหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปเมื่อวันที่18กุมภาพันธ์2523จากนั้นเจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนช. กับลูกหนี้ที่1ให้ชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ไปซึ่งต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ห้างหุ้นส่วนช.ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่เจ้าหนี้ได้จ่ายให้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์ และให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่1แต่ไม่ตัดสิทธิเจ้าหนี้ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนดอายุความเมื่อลูกหนี้ที่1ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่1ดังนี้ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่1ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/17วรรคหนึ่งเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่4มีนาคม2534ซึ่งล่วงพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันที่18กุมภาพันธ์2523ซึ่งเป็นวันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่เทศบาลเมืองสุรินทร์และเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่1ได้เป็นต้นไปสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา94(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีค้ำประกัน: ผลของการยกฟ้องลูกหนี้ต่อการสะดุดหยุดของอายุความ
การที่เจ้าหนี้ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัดช.กับลูกหนี้ที่2เป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องสำหรับลูกหนี้ที่2ต้องถือว่าอายุความในส่วนที่เกี่ยวกับลูกหนี้ที่2ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/17วรรคหนึ่งเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงพ้นกำหนด10ปีนับแต่วันที่เจ้าหนี้ได้ชำระหนี้แก่ส. อันเป็นวันที่เจ้าหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องกับลูกหนี้ที่2ได้เป็นต้นไปสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงขาดอายุความจึงต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา94(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องตั๋วสัญญาใช้เงินและการสะดุดหยุดของอายุความในคดีล้มละลาย
แม้พิจารณาตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.8 จ.9 จ.11ถึง จ.17 และ จ.41 ซึ่งถึงกำหนดใช้เงินตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2531 ถึงเดือนพฤษภาคม 2531 เป็นหลัก และโจทก์ผู้รับเงินซึ่งนำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชำระเงินคืนแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2531 และโจทก์ไปขอรับชำระหนี้ในคดีที่บริษัทผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินถูกฟ้องล้มละลายเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2531 ก็ตาม อายุความย่อมสะดุดหยุดลง ตาม ป.พ.พ.มาตรา 193/14 (3) ซึ่งเป็นระยะเวลา 8 เดือนเศษกรณีระหว่างโจทก์กับบริษัทเป็นเรื่องระหว่างผู้ออกตั๋วกับผู้รับเงิน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 982 อายุความฟ้องบริษัทคือมาตรา 1001 ซึ่งห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลา3 ปี นับแต่วันตั๋วนั้นถึงกำหนดใช้เงิน อันมีผลไปถึงผู้ค้ำประกันด้วย และแม้โจทก์จะสลักหลังตั๋วนำไปขายลดแก่ธนาคารแห่งประเทศไทย และโจทก์ใช้เงินคืนแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมรับตั๋วคืนมาถึงวันที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเกินกว่า 6 เดือนก็ตาม ก็เป็นกรณีที่โจทก์ปฏิบัติตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการส่งสินค้าออก (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2529อันเป็นการอนุเคราะห์ผู้ส่งออกให้ได้รับเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 7 ต่อปีตามที่ปรากฏในตั๋วสัญญาใช้เงิน โจทก์ไม่ใช่ผู้สลักหลังผู้เข้าถือเอาตั๋วสัญญาใช้เงินและใช้เงิน ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงินและการสะดุดหยุดของอายุความตามระเบียบ ธปท. กรณีซื้อตั๋วลด
แม้พิจารณาตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งถึงกำหนดใช้เงินตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2531ถึงเดือนพฤษภาคม2531เป็นหลักและโจทก์ผู้รับเงินซึ่งนำตั๋วสัญญาใช้เงินไปขายลดแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชำระเงินคืนแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนกำหนดเมื่อวันที่9กุมภาพันธ์2531และโจทก์ไปขอรับชำระหนี้ในคดีที่บริษัทผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินถูกฟ้องล้มละลายเมื่อวันที่27ตุลาคม2531ก็ตามอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/14(3)ซึ่งเป็นเวลา8เดือนเศษกรณีระหว่างโจทก์กับบริษัทเป็นเรื่องระหว่างผู้ออกตั๋วกับผู้รับเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา982อายุความฟ้องบริษัทคือมาตรา1001ซึ่งห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลา3ปีนับแต่วันตั๋วนั้นถึงกำหนดใช้เงินอันมีผลไปถึงผู้ค้ำประกันด้วยและแม้โจทก์จะสลักหลังตั๋วนำไปขายลดแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยและใช้เงินคืนแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมรับตั๋วคืนมาถึงวันที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเกินกว่า6เดือนก็ตามก็เป็นกรณีที่โจทก์ปฏิบัติตามระเบียบธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่เกิดจากการส่งสินค้าออก(ฉบับที่2)พ.ศ.2529อันเป็นการอนุเคราะห์ผู้ส่งออกให้ได้รับเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ7ต่อปีโจทก์จึงไม่ใช่ผู้สลักหลังผู้เข้าถือตั๋วสัญญาใช้เงินและใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1003ซึ่งมีอายุความ6เดือนคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
of 12