พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตยังไม่เกิดผล หากผู้รับประกันยังไม่ได้สนองรับคำเสนอและออกกรมธรรม์
ในกรณีที่ผู้เอาประกันชีวิตได้ยื่นใบสมัครหรือทำคำเสนอเพื่อทำประกันชีวิตกับตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตนั้น จะต้องนำเอาบทบัญญัติพระราชบัญญัติประกันชีวิตมาประกอบการวินิจฉัยคดีด้วย ซึ่งหากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้รับประกันชีวิตมอบอำนาจ เป็นหนังสือให้ตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตทำสัญญาประกันชีวิตได้ในนามของผู้รับประกันชีวิตดังที่พระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510มาตรา 61 บัญญัติไว้ถือได้ว่าตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตมีอำนาจเพียงรับแบบฟอร์มใบสมัครขอประกันชีวิตและรับเบี้ยประกันล่วงหน้าส่งไปให้ผู้รับประกันชีวิตพิจารณาก่อนเท่านั้น และต้องมีการสนองรับคำเสนอจากผู้รับประกันชีวิตโดยตรง สัญญาประกันชีวิตจึงเกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4379/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตโมฆียะจากข้อมูลเท็จ การบอกล้างสัญญาต้องภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ทราบมูล
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วตั้งแต่เข้าทำสัญญาประกันชีวิตว่าตน ป่วยเป็นโรคลมชัก แต่แถลงข้อความเป็นเท็จว่าตน มีสุขภาพดีซึ่งหากผู้รับประกันภัยทราบความจริงจะไม่รับประกันชีวิตไว้ เช่นนี้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ จำเลยผู้รับประกันชีวิต ให้การต่อสู้ว่า จำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตที่ตก เป็นโมฆียะแล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ตั้งแต่เมื่อใดและได้บอกล้างสัญญาดังกล่าวภายใน 1 เดือนนับแต่วันทราบมูลอันจะบอกล้างแล้ว การที่จำเลยนำสืบแต่เพียงว่าจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการบอกล้างไปยังผู้รับประโยชน์เท่านั้นยังไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้นำสืบถึงการบอกล้างตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 วรรค 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะตัวการตัวแทน vs. ลูกจ้างนายจ้าง: สัญญาประกันชีวิตและการจ่ายค่าชดเชย
กรณีที่คู่สัญญาตกลงทำสัญญาเป็นหนังสือ เจตนาของคู่สัญญาซึ่งประสงค์จะให้สัญญามีผลผูกพันกันอย่างไร ย่อมแสดงออกโดยข้อความในสัญญาโจทก์ทำสัญญาเป็นตัวแทนประกันชีวิตของจำเลยมีหน้าที่ชักชวนบุคคลเข้าทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยหรือที่เรียกว่าขายประกันชีวิต ข้อความในสัญญาระบุว่าตัวแทนประกันชีวิตไม่มีอำนาจออกกรมธรรม์ หรือสัญญาประกันชีวิตแทนบริษัท และความผูกพันระหว่างบริษัทกับตัวแทนประกันชีวิตเป็นไปในฐานะตัวการกับตัวแทนรับมอบอำนาจเฉพาะการเท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะบริษัทกับพนักงานหรือลูกจ้างของบริษัท ดังนี้เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะผูกพันต่อกันในฐานะเป็นตัวการกับตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 15 หาได้มีความประสงค์จะผูกพันกันอย่างลูกจ้างกับนายจ้างไม่ นอกจากนี้ฐานะและสิทธิของโจทก์ก็ยังแตกต่างจากลูกจ้างของจำเลย โดยโจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจาก การขายประกันชีวิตตอบแทนเป็นรายๆไปและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามระเบียบสำหรับตัวแทนประกันชีวิตโดยเฉพาะโจทก์ไม่มีสิทธิ ได้รับผลประโยชน์ เช่นโบนัสค่าครองชีพ หรือ เบี้ยเลี้ยงเช่นลูกจ้างทั่วไป ของจำเลยแม้จำเลยจะจัดให้โจทก์สังกัดหน่วยงานของจำเลย และโจทก์ต้องลงเวลาทำงานเมื่อขาดงานต้องลาหรือขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ก็เป็นเรื่องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาเพื่อให้ กิจการของจำเลยมีประสิทธิภาพและรัดกุมซึ่งโจทก์จำเลย ทำความตกลงกันได้มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ต้องทำงานตามคำสั่ง หรือการบังคับบัญชาของจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่ากรณีที่โจทก์ฝ่าฝืน ต่อระเบียบดังกล่าวจำเลยมีอำนาจลงโทษโจทก์เป็นประการอื่นนอกจาก เลิกสัญญา ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะผลงานของโจทก์ต่ำกว่าข้อกำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าชดเชย ค่าจ้าง และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตจากเหตุปกปิดข้อความจริงด้านสุขภาพของผู้เอาประกัน และหน้าที่ของผู้รับประกันภัย
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อน และ พ.ผู้เอาประกันภัย (ผู้ตาย) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ที่ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใด ๆ ก่อนขอทำประกัน การที่ พ. ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้วจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า พ. ผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจะต้องฟังจาการนำสืบของคู่ควมการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัย จะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 866 เสมอไปหาได้ไม่ กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัย ศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยสัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องจึงสมบูรณ์แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสดความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพ และการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการวินิจฉัย
โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าสัญญาประกันชีวิตรายพิพาทเป็นแบบประหยัดไม่ต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันชีวิตก่อนและ พ. ผู้เอาประกันภัย(ผู้ตาย) ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพว่าตนมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่เคยเจ็บป่วยหรือได้รับการรักษาพยาบาลด้วยโรคใดๆก่อนขอทำประกันการที่ พ. ได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพทำให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะและจำเลยได้บอกล้างสัญญาประกันชีวิตนี้แล้วจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ประเด็นแห่งคดีจึงมีว่า พ. ผู้เอาประกันภัยได้ปกปิดข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพของตนอันจะเป็นเหตุให้สัญญาตกเป็นโมฆียะและจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้หรือไม่และจำเลยได้บอกล้างแล้วหรือไม่ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงจะต้องฟังจากการนำสืบของคู่ความการที่ผู้รับประกันภัยไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยจะถือว่าผู้รับประกันภัยไม่ใช้ความระมัดระวังดังเช่นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866 เสมอไปหาได้ไม่กรณีจะต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ย่อมอาศัยข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักวินิจฉัยศาลชั้นต้นจึงยังไม่สมควรที่จะสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ตรวจสุขภาพของผู้เอาประกันภัยในขณะทำสัญญาประกันภัยสัญญาประกันชีวิตที่โจทก์ฟ้องจึงสมบูรณ์แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตโมฆียะ: การปกปิดอาการเจ็บป่วยและการพิจารณาความสำคัญของข้อมูล
โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิต สภาพแห่งข้อหาคือสัญญาประกันชีวิต คำขอบังคับคือจำนวนเงินที่โจทก์เรียกร้อง ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือการที่จำเลยรับประกันชีวิต ร.ผู้ตายโดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และ ร.ตายโดยอุบัติเหตุ โจทก์ได้บรรยายฟ้องในข้อที่กล่าวนี้ชัดแจ้งถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ ส่วนข้อที่ว่าสัญญาเป็นโมฆียะและจำเลยบอกล้างแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยจะยกขึ้นปฏิเสธฟ้องโจทก์ ซึ่งถ้าหากจำเลยยกขึ้นก็เป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องกล่าวโดยแจ้งชัดถึงข้อเท็จจริงที่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ หาใช่หน้าที่ของโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องแก้คำให้การของจำเลยไว้ล่วงหน้าไม่ ฉะนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้ตายมิได้ป่วยด้วยโรคหืด หลอดลมหรือคออักเสบมาก่อน หรือหากเคยป่วยโดยโรคดังกล่าวมาก่อนก็มีเหตุหลายประการดังที่โจทก์บรรยายในฟ้องที่ทำให้สัญญาไม่เป็นโมฆียะ จึงเป็นการบรรยายเกินเลยจากที่กฎหมายบังคับ แม้ข้อที่ว่า ร.ป่วยจริงหรือไม่ โจทก์ยกขึ้นอ้างขัดกันก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ผู้ตายมิได้เป็นโรคหืด แต่มีอาการหอบหืดซึ่งเป็นอาการของการแพ้อากาศ และอาการดังกล่าวได้หายไปก่อนที่ผู้ตายยื่นคำขอเอาประกันชีวิตแล้ว ผู้ตายไปตรวจและรับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นครั้งคราวด้วยเรื่องหวัดและแพ้อากาศ ซึ่งมิใช่โรคที่ระบุในแบบสอบถามให้ผู้ขอเอาประกันชีวิตตอบ เห็นได้ว่าหากจำเลยทราบถึงการที่ผู้ตายเคยไปตรวจและรับการรักษาที่โรงพยาบาลและประวัติการเจ็บป่วยของผู้ตายดังกล่าวแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุจูงใจให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิตผู้ตายหรือเรียกเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น การที่ผู้ตายได้แจ้งในแบบสอบถามขณะเอาประกันชีวิตว่า ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเคยปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับโรคหรืออาการของโรคหืด จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
ผู้ตายมิได้เป็นโรคหืด แต่มีอาการหอบหืดซึ่งเป็นอาการของการแพ้อากาศ และอาการดังกล่าวได้หายไปก่อนที่ผู้ตายยื่นคำขอเอาประกันชีวิตแล้ว ผู้ตายไปตรวจและรับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นครั้งคราวด้วยเรื่องหวัดและแพ้อากาศ ซึ่งมิใช่โรคที่ระบุในแบบสอบถามให้ผู้ขอเอาประกันชีวิตตอบ เห็นได้ว่าหากจำเลยทราบถึงการที่ผู้ตายเคยไปตรวจและรับการรักษาที่โรงพยาบาลและประวัติการเจ็บป่วยของผู้ตายดังกล่าวแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุจูงใจให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิตผู้ตายหรือเรียกเบี้ยประกันภัยให้สูงขึ้น การที่ผู้ตายได้แจ้งในแบบสอบถามขณะเอาประกันชีวิตว่า ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเคยปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับโรคหรืออาการของโรคหืด จึงไม่ทำให้สัญญาประกันชีวิตเป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับการรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด: สัญญาประกันชีวิตไม่มีสิทธิรับช่วง
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตเป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่ง เพราะอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจ่ายเงินให้แก่บุคคล ซึ่งมีสิทธิตามสัญญานี้ไปจึงไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิบุคคลดังกล่าวฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับการรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตเป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่งเพราะอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจ่ายเงินให้แก่บุคคลซึ่งมีสิทธิตามสัญญานี้ไปจึงไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิบุคคลดังกล่าวฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตโมฆียะ จำเลยต้องรับผิดหากไม่แจ้งบอกล้างสัญญาอย่างถูกต้อง
สัญญาประกันชีวิต ซึ่งผู้เอาประกันชีวิตปกปิดความจริงเป็นโมฆียะ หากผู้รับประกันภัยนำสืบฟังไม่ได้ว่าได้บอกล้างแล้ว ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อฉลในการทำสัญญาประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ ผู้เอาประกันมีสิทธิบอกล้างสัญญาและเรียกคืนเบี้ยประกัน
โจทก์มิได้รับการตรวจสุขภาพ มิได้รับการฉายเอ๊กซเรย์ และตรวจคลื่นหัวใจ และจำเลยที่ 2 ได้หลอกลวงให้โจทก์เอาประกันชีวิต โดยแจ้งว่าไม่ต้องตรวจสุขภาพแล้วจัดหาบุคคลอื่นไปรับการตรวจสุขภาพแทน ทำให้จำเลยที่ 1 เชื่อว่าโจทก์มีสุขภาพดี และรับประกันชีวิตโจทก์ จำเลยที่ 2 จึงทำกลฉ้อฉลหลอกลวงให้โจทก์แสดงเจตนาทำสัญญาประกันชีวิต โดยเข้าใจผิดว่าได้ดำเนินการโดยถูกต้องตามระเบียบแล้ว ซึ่งถ้าโจทก์รู้ว่าเป็นการไม่ชอบก็จะไม่ทำสัญญาด้วย
จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนแสวงหาผู้เอาประกันของจำเลยที่ 1 ขอให้โจทก์เอาประกันชีวิตกับจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าสัญญาประกันชีวิตได้มาเพราะการทำฉ้อฉลของจำเลยที่ 1 เมื่อสัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะ โจทก์บอกล้างโดยชอบแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะมาแต่แรก โจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดส่งคืนเบี้ยประกันพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนแสวงหาผู้เอาประกันของจำเลยที่ 1 ขอให้โจทก์เอาประกันชีวิตกับจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าสัญญาประกันชีวิตได้มาเพราะการทำฉ้อฉลของจำเลยที่ 1 เมื่อสัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะ โจทก์บอกล้างโดยชอบแล้ว สัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะมาแต่แรก โจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดส่งคืนเบี้ยประกันพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์