พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่มีมูลหนี้เนื่องจากเกิดจากการหลอกลวง สัญญาเป็นโมฆะและไม่ต้องชำระหนี้
จำเลยทั้งสามนำสืบว่า ป. สามีโจทก์หลอกลวง บ. บุตรจำเลยที่ 1 ส.หลานจำเลยที่2พ. บุตรจำเลยที่ 3 กับพวกรวม 8 คนว่าสามารถจัดส่งบุคคลทั้งแปดไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้โดยเรียกเงินจากบุคคลทั้งแปดคนละ 52,000 บาท บ. ส.และพ.มีเงินให้ ป. ไม่ถึงคนละ 52,000 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3จึงได้ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ตามจำนวนเงินที่ยังขาดอยู่ให้โจทก์ยึดถือไว้โดยมิได้รับเงินจากโจทก์เลย เมื่อปรากฏในภายหลังว่าความจริง ป. ไม่สามารถส่งคนหางานไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวตามที่อวดอ้างได้ จำเลยทั้งสามจึงขอให้โจทก์คืนหนังสือสัญญากู้ยืมเงินและโฉนดที่ดินที่มอบให้โจทก์ไว้เป็นประกัน แต่โจทก์ไม่ยอมคืนให้ดังนี้นอกจากจะเป็นการนำสืบถึงที่มาหรือมูลเหตุแห่งการทำสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องแล้ว ยังเป็นการนำสืบว่าสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวไม่มีมูลหนี้เป็นสัญญาที่ไม่สมบูรณ์ มิใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารที่กฎหมายบังคับว่าจะต้องมีมาแสดง จึงไม่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 94(ข).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าไถ่จำนองเมื่อสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ และประเด็นอายุความ
จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ โดยให้โจทก์ไถ่ถอนการขายฝากจาก ส.เป็นการชำระเงินค่าที่พิพาทส่วนหนึ่ง โจทก์นำที่พิพาทไปจำนองกับธนาคารเพื่อประกันหนี้เงินที่โจทก์กู้มาไถ่ถอนการขายฝาก ต่อมาจำเลยฟ้องโจทก์และศาลฎีกาพิพากษาว่า สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นด้วยการแสดงเจตนาลวง ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 ปรากฏว่าโจทก์ได้ผ่อนชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารไปตามสัญญาจำนองก่อนแล้วจำนวน 106,373.20 บาทจำเลยคงชำระเงินส่วนที่เหลือแก่ธนาคารเป็นการไถ่ถอนการจำนองอีกเพียง 26,601.44 บาทจึงเป็นกรณีที่จำเลยได้รับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาในสภาพที่ปลอดจำนองด้วยเงินที่โจทก์ชำระไปส่วนหนึ่ง ซึ่งจำเลยไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และทำให้โจทก์เสียเปรียบ ทั้งโจทก์มิได้ชำระหนี้ไปตามอำเภอใจ จำเลยจึงต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่โจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406 โจทก์ทราบคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งถือว่าเป็นวันที่รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนอายุความจึงเริ่มนับแต่เวลาดังกล่าว มิใช่นับแต่วันทำสัญญาซื้อขายเมื่อฟ้องคดีนี้ไม่พ้นกำหนด 1 ปีนับแต่วันเวลาที่ทราบคำพิพากษาศาลฎีกา จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์สินกองมรดกโดยผู้จัดการมรดกที่เป็นคู่กรณี เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของสามีโจทก์ร่วมกับโจทก์ เอาทรัพย์สินกองมรดกมาทำสัญญาแบ่งให้ตนเองประโยชน์ส่วนได้เสียของจำเลยย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก แม้จะเป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 สัญญาแบ่งทรัพย์นั้นจึงตกเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในตัวบุคคล สัญญาโมฆะ ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ปกปิดความจริงโดยแอบอ้างแสดงว่ากระทำในฐานะผู้แทนของบริษัท จำเลยหลงเชื่อได้เข้าทำสัญญาด้วย จึงเป็นการแสดงเจตนาด้วยความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม โดยมิได้เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลย สัญญาจึงตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 การที่จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์ จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3983/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลาภมิควรได้: เริ่มนับเมื่อทราบสัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์เพิ่งทราบว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆะเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ขายฝาก เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้ภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจากสัญญาซื้อขายสลากเถื่อนเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คทราบเหตุไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของคนต่างด้าว: สัญญาซื้อขายและเช่าเป็นโมฆะหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ดิน
การได้มาซึ่งที่ดิน แม้จะเป็นเพียงสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของ ก็ต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 ด้วย เมื่อโจทก์ (ซึ่งเป็นคนต่างด้าว) มิได้ยื่นคำขออนุญาตให้ได้มาซึ่งที่พิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 8(พ.ศ.2497)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ 2 และไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามความในมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแม้โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินต่อกัน สัญญาดังกล่าวก็เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการโอนสิทธิครอบครองให้คนต่างด้าว อันเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 และ 111 ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์จึงอ้างว่ามีสิทธิครอบครองอย่างเจ้าของไม่ได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคต้องทำตามแบบฟอร์มที่กฎหมายกำหนด หากไม่ทำสัญญาและจดทะเบียน สัญญาเป็นโมฆะ
จำเลยได้ซื้อโคอันเป็นสัตว์พาหนะจำนวน 2 ตัวไปจากโจทก์ในราคา 3,450 บาท โดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายต่อกัน และไม่ได้จดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การซื้อขายโคดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคแรก โจทก์จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยใช้ราคาโคให้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคโดยไม่มีเจตนาโอนกรรมสิทธิ์ในตั๋วรูปพรรณ ทำให้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ
การซื้อขายโคเสร็จเด็ดขาด ซึ่งผู้ขายได้ส่งมอบโคที่ขายให้ผู้ซื้อพร้อมทั้งตั๋วพิมพ์รูปพรรณ โดยไม่มีเจตนาที่จะทำการโอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณโคที่ซื้อขายตามกฎหมาย การซื้อขายนี้ตกเป็นโมฆะ ผู้ขายไม่มีอำนาจฟ้องผู้ซื้อให้ชำระราคาโคที่ยังค้างชำระตามสัญญาซื้อขายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1987/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกิน 3 ปี สัญญาเป็นโมฆะ แม้ต่อมาผู้เยาว์ยินยอม
การที่บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทของโจทก์ในขณะที่โจทก์ทั้งสี่ยังเป็นผู้เยาว์ โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลนั้น ย่อมให้เช่าได้เพียงไม่เกิน 3 ปีเท่านั้นคดีได้ความว่าจำเลยเช่ามาเกิน 3 ปีแล้ว ฉะนั้น การให้เช่าอาคารพิพาทต่อไปเกินจาก 3 ปี จึงกระทำมิได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546(2) ถึงแม้บิดาโจทก์จะได้ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทไปจนตลอดชีวิตจำเลยก็ตามก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงไม่จำเป็นต้องสืบพยานดังที่จำเลยฎีกามา
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ได้บรรลุนิติภาวะแล้วโจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนายินยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปการกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550 นั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ได้บรรลุนิติภาวะแล้วโจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนายินยอมให้จำเลยเช่าอาคารพิพาทต่อไปการกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550 นั้น เห็นว่า ปัญหาข้อนี้จำเลยมิได้ยกเป็นประเด็นขึ้นว่ามาในศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย จึงเป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้