พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย: ผู้เสนอราคาสูงกว่าย่อมมีสิทธิคัดค้านได้หากการขายไม่ชอบ
ปัญหาว่าผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดในคดีนี้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คดีไม่มีประเด็นพิพาทในปัญหาดังกล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควรศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกปัญหาขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142(5) การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มอบให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวแทน ถือว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 146 หากเป็นความจริงดังที่ผู้ร้องอ้างในคำร้องว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เคาะไม้ขายทอดตลาดให้แก่ผู้เข้าสู้ราคาในราคา 25,300,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องเสนอราคาเป็น25,400,000 บาท และได้เคาะไม้โดยไม่นับ 1 ถึง 3 ก่อน ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3994/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยในคดีล้มละลาย
จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขาย-ทอดตลาดทรัพย์พิพาท มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 จะนำ มาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาใช้บังคับในกรณีนี้ไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวบัญญัติให้ผู้ล้มละลายไม่มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเท่านั้น
คำสั่งของกรมบังคับคดี เรื่องการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงการกำหนดแนวทางในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานขายทรัพย์เพื่อให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและรวดเร็วเท่านั้น หาใช่เป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตาม
คำสั่งของกรมบังคับคดี เรื่องการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงการกำหนดแนวทางในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานขายทรัพย์เพื่อให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและรวดเร็วเท่านั้น หาใช่เป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3994/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยล้มละลายในการคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์สิน และขอบเขตอำนาจของคำสั่งกรมบังคับคดี
จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อีกมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 146 จะนำมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาใช้บังคับในกรณีนี้ไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวบัญญัติให้ผู้ล้มละลายไม่มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเท่านั้น คำสั่งของกรมบังคับคดี เรื่องการขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานขายทรัพย์เพื่อให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและรวดเร็วเท่านั้น หาใช่เป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3500/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิ: การดำเนินคดีไม่มีข้อพิพาทและสิทธิในการคัดค้านคำสั่งศาล
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่โดยอ้างว่ามูลนิธิไม่มีคณะกรรมการดำเนินงาน และไม่อาจดำเนินการใด ๆ ได้หากปล่อยให้คณะกรรมการว่างเนิ่นนานไปจะเกิดความเสียหายแก่มูลนิธินั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 55 และเป็นการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188ซึ่งมิได้มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใด การที่ศาลเพียงแต่ประกาศคำร้องขอในหน้าหนังสือพิมพ์และไต่สวนคำร้องหลังจากครบกำหนด 15 วัน จึงเป็นการชอบแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ผู้คัดค้านสามารถที่จะร้องคัดค้านได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188(4)แต่เมื่อผู้คัดค้านมิได้คัดค้านจนศาลไต่สวนกับมีคำสั่งตามที่ผู้ร้องขอและคดีถึงที่สุด ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิร้องขอเพิกถอนคำสั่งศาลได้ เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ร้องเช่นนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีเสร็จสิ้นแล้ว แม้ผู้ถูกบังคับคดีไม่ทราบประกาศขายทอดตลาด ก็ไม่มีสิทธิคัดค้านได้
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลโดยผู้ซื้อได้วางเงินค่าซื้อต่อศาลในวันขายทอดตลาดและศาลได้มีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานที่ดินให้โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ซื้อ และโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาได้รับเงินที่ผู้ซื้อวางไว้ต่อศาลไปหมดแล้ว การบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์ของจำเลยที่ 2 จึงเสร็จลงแล้ว จำเลยทั้งสองเพิ่งมายื่นคำร้องคัดค้านภายหลังจากนั้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ทราบประกาศขายทอดตลาดที่ดินอันเป็นการบังคับคดีฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำร้องคัดค้านก่อนการบังคับคดีได้เสร็จลง จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6369/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิคัดค้านการประนอมหนี้ของเจ้าหนี้ และการสันนิษฐานว่าผู้ล้มละลายกระทำการโดยรู้ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้
ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 52 วรรคสอง เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วมีอำนาจคัดค้านต่อศาลได้ ถึงแม้จะได้เคยออกเสียงลงมติยอมรับไว้ในที่ประชุมเจ้าหนี้ก็ตาม ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วไม่ได้เข้าประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรก จึงไม่ได้คัดค้านการประนอมหนี้ แต่ได้ยื่นคำคัดค้านการประนอมหนี้ไว้ก่อนศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจอุทธรณ์ได้ จำเลยที่ 1 ให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า จำเลยที่ 1ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ และจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำบัญชีแสดงกิจการต้นทุนกำไรย้อนหลังไป 3 ปีนับแต่วันถูกพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2ให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า ไม่มีทรัพย์สินส่วนตัวที่มิได้ใช้ในการประกอบธุรกิจ ภริยาจำเลยที่ 2 ไม่ได้ประกอบอาชีพและไม่มีทรัพย์สิน และในการประกอบกิจการค้าขาย จำเลยที่ 2ไม่ได้ทำบัญชีแสดงการขาดทุนกำไร ย่อมเห็นได้ว่า ก่อนล้มละลายจำเลยทั้งสองมีทรัพย์สินไม่พอกับหนี้สินและไม่สามารถนำบัญชีและงบดุลประจำปีมาแสดงต่อศาลได้สำหรับระยะเวลา 3 ปี ก่อนล้มละลายโดยไม่มีเหตุสมควร ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองได้ขืนทำการค้าต่อไปอีกโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามมาตรา 74(2)(ข),73,72, และ 53 ศาลย่อมสั่งไม่เห็นชอบด้วยคำขอประนอมหนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5603/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดก & ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมขณะทำพินัยกรรม
ผู้คัดค้านอ้างว่าเป็นภริยาของเจ้ามรดกโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่อยู่กินด้วยกัน และมีทรัพย์สินร่วมด้วยบางรายการถือว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะยื่นคำคัดค้านการที่ผู้ร้องขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกได้ เมื่อปรากฏว่าหากพินัยกรรมทำขึ้นขณะที่ผู้ตายป่วยหนักสติสัมปชัญญะไม่สมประกอบดังคำคัดค้าน ผู้ร้องย่อมไม่มีอำนาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมได้ศาลก็จำต้องวินิจฉัยถึงความสมบูรณ์ของพินัยกรรมด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3694/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกในการคัดค้านการบังคับคดี: ต้องเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินตามหมายบังคับคดีจะขอให้ศาลมีคำสั่งงดการบังคับคดีได้เฉพาะในกรณีที่ศาลออกหมายบังคับคดีหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 เท่านั้น โจทก์บังคับคดีแก่ที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยจำนองไว้กับโจทก์แม้ว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทจะเปลี่ยนไปเป็นของผู้อื่นสิทธิจำนองก็ติดไปด้วย การที่ศาลออกหมายบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีแก่ที่ดินพิพาท จึงหาได้ฝ่าฝืนต่อกฎหมายไม่ ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะมาร้องขอให้งดการบังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการคัดค้านการขายทอดตลาด: ผู้มีส่วนได้เสียต้องเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยตรง
บุคคลผู้ที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีใดได้นั้น จะต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนั้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 กล่าวคือจะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นโดยตรง และในกรณีที่มีการอายัดสิทธิเรียกร้อง ลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องนั้น หากเป็นบุคคลอื่นใดต้องเป็นผู้ที่ชอบจะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบหรือที่ได้ยื่นคำร้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องเช่นว่ามานั้น
เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น แต่ไม่ได้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนั้น
เกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
เจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในคดีอื่น แต่ไม่ได้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการขายทอดตลาดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น จึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีนั้น
เกี่ยวกับอำนาจของผู้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องคัดค้านคำบังคับคดีของบุคคลที่อ้างว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย และมีสิทธิในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.