พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว ทำให้สิทธิในการฟ้องระงับ
คดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทนายโจทก์ร่วมซึ่งมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาไปในทางจำหน่ายสิทธิของโจทก์ร่วมได้ เช่นการถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์ร่วมเรียบร้อยแล้วโจทก์ร่วมไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปขอถอนคำฟ้องของโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้ว โจทก์จำเลยไม่ค้าน ดังนี้พฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าโจทก์ร่วมและจำเลยได้ยอมความกันแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - รถเสีย - สิทธิระงับการจ่ายเช็ค - เงินพอจ่าย - ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ร่วม โดยชำระค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งในวันทำสัญญา และออกเช็คล่วงหน้าเพื่อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 2 ฉบับ ตั้งแต่จำเลยรับรถแทรกเตอร์ไปจากโจทก์ร่วม รถเสียไม่สามารถใช้ทำงานได้ตลอดมาจำเลยได้ขอคืนรถแก่โจทก์ร่วมและขอรับเช็คทั้งสองฉบับที่สั่งจ่ายมอบให้โจทก์ร่วมคืนโจทก์ร่วมก็ไม่ยอมคืนให้ พฤติการณ์เช่นนี้มีเหตุสมควรที่จำเลยจะมีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คได้ การที่จำเลยมีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คดังกล่าวจึงไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งจำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน 100,000 บาท แม้ในวันสั่งจ่ายเช็ค จำเลยจะเป็นหนี้ธนาคารเกินกว่าวงเงินดังกล่าว แต่ผู้จัดการธนาคารตามเช็คยืนยันว่า ถ้าจำเลยร้องขอมาล่วงหน้าธนาคารจะจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้ แสดงว่าจำเลยมีเงินพอจ่ายตามเช็คทั้งสองฉบับ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบอาวุธปืนของผู้ตายในคดีอาญา: สิทธิในการริบระงับเมื่อผู้กระทำความผิดเสียชีวิต
ผู้กระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องผู้กระทำความผิดย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 และโทษก็เป็นอันระงับไปด้วยความตายของผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 38 ดังนั้น อาวุธปืนซึ่งเป็นปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นที่ผู้ตายใช้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจจึงไม่อาจริบได้ตามบทกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: สิทธิฟ้องระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
จำเลยที่ 1 เขียนบทความลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์และ ป. ในครั้งเดียวกัน เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว ป. ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ในความผิดกรรมเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้นแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนข้อเรียกร้องแรงงานทำให้สิทธิปิดงานระงับ, การปิดงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเรียกร้องเพื่อกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างต้องทำเป็นหนังสือ ในกรณีที่ฝ่ายยื่นข้อเรียกร้องถอนข้อเรียกร้องของฝ่ายตนไปตามสิทธิของตน และอีกฝ่ายหนึ่งมิได้โต้แย้งถือว่าข้อเรียกร้องของฝ่ายแรกหมดสิ้นไปข้อพิพาทแรงงานที่เกิดจากสาเหตุที่ฝ่ายนั้นยื่นข้อเรียกร้องย่อมระงับไปด้วยสิทธิที่จะปิดงาน(ของอีกฝ่ายหนึ่ง)ย่อมระงับตามไปด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาที่ยอมความได้ และผลกระทบต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้กับขอให้จำเลยชำระเงินคืนเมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องและจำเลยไม่คัดค้านสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)สำหรับคดีส่วนแพ่งศาลฎีกาไม่อาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในชั้นฎีกาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3169/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยาย ทำให้ที่ดินตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิในที่ดินย่อมระงับ
การที่โจทก์ยอมให้ที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นถนนซอยในที่ดินโฉนดของโจทก์เป็นทางสาธารณะสำหรับประชาชนสัญจรไปมาจนจำเลยร่วมได้เข้าไปทำถนนและสร้างท่อระบายน้ำให้ประชาชนได้ใช้สัญจรไปมาติดต่อกันนานกว่า10ปีแสดงว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นถนนซอยให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(2)โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือเอาที่ดินส่วนนั้นกลับคืนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ได้ เมื่อที่ดินส่วนที่เป็นถนนซอยของโจทก์ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินการที่จำเลยขุดเอาที่ดินใต้ท่อระบายน้ำเดิมในที่ดินส่วนนั้นออกเพื่อวางท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้นจึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหายระงับเมื่ออัยการฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2525ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 12 กรกฎาคม 2525 ครั้นวันที่ 10มิถุนายน 2525 อัยการฟ้องจำเลยในความผิดกรรมเดียวกัน แต่ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 391 จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย การที่ศาลจะใช้ดุลพินิจสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 33 ก็ต่อเมื่อปรากฏต่อศาลโดยศาลรู้เองหรือโดยโจทก์ยื่นคำร้องในระยะใดก่อนมีคำพิพากษาว่าอัยการและผู้เสียหายต่างฟ้องเรื่องเดียวกันหรือต่างศาลกัน เมื่อศาลไม่รู้ดังกล่าว และการกระทำความผิดของจำเลยตามที่ผู้เสียหายฟ้องได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ สิทธิของผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3304/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: สิทธิระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ข้อกล่าวหาที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้กับคดีสองสำนวนคดีก่อนเป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำความผิดของจำเลยอย่างเดียวกัน คือกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทรายเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดก็อยู่ในช่วงเดียวกันถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน คดีสองสำนวนก่อนศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยวินิจฉัยว่าการกระทำไม่เป็นความผิด และคำพิพากษาดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว แม้โจทก์คดีนี้จะมิใช่เป็นคนเดียวกับโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 อีก แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้ถูกฟ้องในคดีสองสำนวนก่อนด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้