คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิใช้ประโยชน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอม: เจ้าของภารยทรัพย์มีสิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินได้ หากไม่ขัดต่อประโยชน์สามายทรัพย์
แม้ที่ดินของจำเลยเป็นภารยทรัพย์ตกอยู่ในภารจำยอมเป็นทางสัญจร เพื่อประโยชน์ของที่ดินโจทก์อันเป็นสามายทรัพย์ก็ตาม จำเลยก็ยัง มีอำนาจใช้สิทธิในที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์ได้ เมื่อไม่เป็นการขัดต่อประโยชน์แห่งภาระจำยอม
คานพิพาทมี่จำเลยสร้างขึ้นอยู่สูงกว่า สิ่งของที่บรรทุกอยู่บนรถยนต์บรรทุกจึงไม่เป็นการขัดขวางหรือทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมในการใช้ทางลดไปหรือเสื่อมความสะดวก จำเลยจึงมีอำนาจสร้างคานดังกล่าวได้ และไม่จำต้องรื้อคานนั้นออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: เจ้าของที่ดินภารยทรัพย์มีสิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินได้ หากไม่ขัดต่อประโยชน์ภารจำยอม
แม้ที่ดินของจำเลยเป็นภารยทรัพย์ตกอยู่ในภารจำยอมเป็นทางสัญจรเพื่อประโยชน์ของที่ดินโจทก์อันเป็นสามยทรัพย์ก็ตาม จำเลยก็ยังมีอำนาจใช้สิทธิในที่ดินอันเป็นภารยทรัพย์ได้ เมื่อไม่เป็นการขัดต่อประโยชน์แห่งภารจำยอม
คานพิพาทที่จำเลยสร้างขึ้นอยู่สูงกว่าสิ่งของที่บรรทุกอยู่บนรถยนต์บรรทุก จึงไม่เป็นการขัดขวางหรือทำให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมในการใช้ทางลดไปหรือเสื่อมความสะดวกจำเลยจึงมีอำนาจสร้างคานดังกล่าวได้และไม่จำต้องรื้อคานนั้นออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในมรดก: สิทธิใช้ประโยชน์ของทายาททำให้ฟ้องขับไล่ไม่ได้
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้จัดการมรดก พ. ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินมรดกที่จำเลยเช่าจาก พ. เมื่อได้ความว่าขณะนี้ทรัพย์มรดกของ พ. ยังมิได้มีการแบ่งกัน และจำเลยเป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของ พ. ด้วยคนหนึ่ง ดังนี้ จำเลยและทายาทอื่นย่อมมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์มรดกของ พ. ร่วมกันจนกว่าจะได้แบ่งมรดกกันแล้วเสร็จซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1745 ให้ใช้ มาตรา1356 ถึง มาตรา1366(ว่าด้วยกรรมสิทธิ์รวม) บังคับเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับบทบัญญัติแห่งบรรพ 6 จำเลยจึงมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นเจ้าของรวม ซึ่งหมายถึงว่ามีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นด้วยโจทก์จึงจะฟ้องให้บังคับจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ: การคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
จำเลยคัดค้านการที่โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหนองน้ำสาธารณะซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านจำเลยใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้ หากเป็นดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่พิพาทได้ จำเลยจึงมีสิทธิคัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ดังกล่าว ตลอดจนต่อสู้คดีกับโจทก์ในชั้นศาลได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) สาธารณสมบัติของแผ่นดินได้แก่ทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ฯลฯ มิได้มีบทบัญญัติว่าต้องมีหลักฐานทางทะเบียนของทางราชการ เพื่อแสดงว่าเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือหนองน้ำสาธารณะจึงอาศัยเหตุแห่งเพียงว่า หนองน้ำดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางทะเบียนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำลายทรัพย์สินในที่สาธารณะ แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
การที่จำเลยถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวในหนองสาธารณะซึ่งผู้เสียหายปลูกต้นข้าวไว้โดยต้นข้าวขึ้นปะปนอยู่กับกอบัว จนเป็นเหตุให้ต้นข้าวเน่าตายไปจำนวนหนึ่ง เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปในป่าข้าวทำความเสียหายแก่ต้นข้าวได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเจตนาทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำลายทรัพย์สิน: แม้มีสิทธิใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่การกระทำที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหายถือเป็นความผิด
การที่จำเลยถ่อเรือเข้าไปตัดใบบัวในหนองสาธารณะซึ่งผู้เสียหายปลูกต้นข้าวไว้โดยต้นข้าวขึ้นปะปนอยู่กับกอบัวจนเป็นเหตุให้ต้นข้าวเน่าตายไปจำนวนหนึ่ง เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นอยู่ว่าการถ่อเรือเข้าไปในป่าข้าวทำความเสียหายแก่ต้นข้าวได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเจตนาทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3018/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดินสาธารณะ: ความเสียหายเฉพาะบุคคลเป็นสำคัญ
ตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยเข้ายึดถือที่ดินบางส่วนของที่สาธารณะอันทางราชการได้หวงกันเอาไว้เพื่อใช้ดินซ่อมตัวเขื่อนและทำประโยชน์อื่น ไม่ปรากฏว่าจำเลยทำให้โจทก์ทั้งสี่คน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับความเสียหายยิ่งกว่าประชาชนทั่วไปทั้งโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ชัดแจ้งว่าจำเลยขัดขวางการใช้สิทธิของโจทก์เป็นพิเศษประการใดบ้าง ดังนี้ ไม่พอถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น เกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 (อ้างฎีกาที่1410/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอนสิทธิการใช้ประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินทำให้เจ้าของที่ดินติดกันได้รับความเสียหายเป็นพิเศษและมีสิทธิฟ้องขับไล่
ที่ดินของโจทก์จดชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยเข้าปลูกเรือนในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินปิดเต็มหน้าที่ดินของโจทก์จนโจทก์ไม่สามารถจะใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นได้โดยสะดวก ถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยสิ่งปลูกสร้างเดิม เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้ประโยชน์ได้ แม้มิได้เป็นผู้สร้าง
แม้โจทก์จะอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย. แต่คดีนี้ไม่ห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง. ศาลอุทธรณ์จึงไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา. เพราะมิใช่คดีที่อุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238. ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงเสียใหม่ได้.
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 เป็นบทบัญญัติเรื่องผู้ไม่มีสิทธิในที่ดินสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น.
โจทก์และสามีจำเลยต่างซื้อที่ดินจากเจ้าของเดิมซึ่งตัดแบ่งขายเป็นแปลงๆ. จำเลยรับมรดกสามี. โจทก์จำเลยจึงมีที่ดินติดต่อกัน. โจทก์ซื้อที่ดินของโจทก์ภายหลังสามีจำเลยซื้อที่ดินของจำเลยโดยที่ดินของโจทก์อยู่ในสภาพที่มีกันสาดตึกของจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์อยู่ก่อน. ดังนี้ โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้สร้างตึกพร้อมทั้งกันสาดที่พิพาท. หากแต่เจ้าของที่ดินเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองในขณะยังไม่ได้แบ่งออกเป็นสองแปลง. ซึ่งเจ้าของที่ดินมีสิทธิสร้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย. แล้วต่อมาเจ้าของที่ดินนั้นแบ่งที่ดินออกเป็นสองแปลง จึงทำให้กันสาดของโรงเรือนที่สร้างไว้ในที่ดินแปลงหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่แบ่งแยกอีกแปลงหนึ่ง. กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312. เพราะการรุกล้ำมิได้เกิดจากจำเลยเป็นผู้สร้าง.
มาตรา 1312 เป็นบทยกเว้นเรื่องส่วนควบและแดนแห่งกรรมสิทธิ์ โดยบุคคลผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต. มีสิทธิใช้ที่ดินของผู้อื่นในส่วนที่รุกล้ำนั้นได้ แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอม.
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 วรรคแรก ผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำโดยสุจริต ย่อมมีสิทธิในที่ดินที่ถูกรุกล้ำนั้นได้. โดยเจ้าของที่ดินที่ถูกรุกล้ำไม่มีสิทธิบังคับให้รื้อ.
จำเลยมิได้เป็นผู้สร้างตึกพร้อมกันสาดที่พิพาท หากแต่เจ้าของที่ดินเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย. เพราะขณะสร้างยังมิได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็นสองแปลง. ดังนั้น ถ้าจะบังคับให้รื้อ ก็มีผลเท่ากับจำเลยเป็นผู้สร้าง ตามมาตรา 1312 วรรคสอง ย่อมไม่เป็นธรรม. เพราะแม้จำเลยเป็นผู้สร้างรุกล้ำเอง ถ้าโดยสุจริต กฎหมายยังยอมให้จำเลยมีสิทธิใช้ที่ดินในส่วนที่รุกล้ำได้. แล้วไฉนถ้าจำเลยมิได้เป็นผู้สร้างรุกล้ำเอง. แต่การที่สร้างนั้นเป็นการสร้างโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งยิ่งกว่าเป็นการสร้างโดยสุจริตเสียอีก แล้วกลับจะถูกบังคับให้รื้อถอน เพราะไม่มีสิทธิจะใช้. กรณีดังกล่าวไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้. เมื่อเป็นช่องว่างแห่งกฎหมาย ดังนี้ จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 มาใช้. สำหรับกรณีนี้ไม่มีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นที่จะยกมาปรับคดีได้จึงต้องอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง.บทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งก็คือ มาตรา 1312 วรรคแรกคือ จำเลยมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นได้. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อ. แต่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเป็นค่าที่จำเลยใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ต่อไป ตลอดจนการที่จะดำเนินการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอม.
เครื่องทำความเย็นซึ่งผู้เช่าตึกจำเลยเป็นผู้ติดตั้ง.ไม่ใช่เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น. และจำเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการติดตั้งนี้ด้วย.อีกทั้งผู้เช่าตึกของจำเลยไม่ใช่บริวารของจำเลย.ในกรณีเช่นนี้ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ย้ายเครื่องทำความเย็นของผู้อื่นไม่ได้. (นอกจากวรรคหนึ่ง วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่30/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของรวม - การใช้ประโยชน์ที่ดิน - ไม่เป็นละเมิด - ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของโจทก์และจำเลยรวมกันคนละครึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิจะใช้ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นที่อยู่ในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1360 วรรคแรกจำเลยไม่มีสิทธิขับไล่โจทก์ ฉะนั้น แม้โจทก์จะไม่ออกไปจากที่ดินและเรือนพิพาท เมื่อจำเลยบอกกล่าวให้ออกไป จึงไม่เป็นละเมิดต่อจำเลย
จำเลยฟ้องแย้งว่า ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลย จำเลยขอให้โจทก์ออกไปเพื่อจะให้ผู้อื่นเช่า แต่โจทก์ไม่ยอมออก ทำให้จำเลยเสียหายขาดค่าเช่าที่ควรจะได้ ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยไม่มีประเด็นจะวินิจฉัยว่าจำเลยมีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์แบ่งดอกผลของที่ดินและเรือนพิพาทที่โจทก์ได้มาให้แก่จำเลยตามส่วนที่จำเลยมีอยู่
of 4