พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่: นับจากวันส่งคำบังคับ หรือเมื่อปฏิบัติตามวิธีส่งที่ศาลกำหนด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 โดยปกติคำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่ถ้าศาลได้กำหนดให้ส่งคำบังคับโดยวิธีอื่นเช่น โดยปิดหมายหรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ก็จะต้องมีการปฏิบัติตามที่ศาลกำหนดเสียก่อน จะนับตั้งแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยทันทีไม่ได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ศาลกำหนดเวลาให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาคำขอพิจารณาใหม่: นับจากวันส่งคำบังคับ หรือเมื่อปฏิบัติตามวิธีที่ศาลกำหนด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 โดยปกติคำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่ถ้าศาลได้กำหนดให้ส่งคำบังคับโดยวิธีอื่นเช่น โดยปิดหมายหรือโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ก็จะต้องมีการปฏิบัติตามที่ศาลกำหนดเสียก่อน จะนับตั้งแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยทันทีไม่ได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ศาลกำหนดเวลาให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2025/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาจำเลยหลายแห่ง การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้มีการย้ายที่อยู่
จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไปประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์ย้ายที่อยู่ แต่ยังใช้ที่อยู่เดิมในฟ้องและชั้นพิจารณา
ศาลพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยและออกคำบังคับส่งให้โจทก์ทราบ ในการส่งคำบังคับจำเลยได้นำเจ้าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้โจทก์ที่บ้านเลขที่773/12 อันเป็นที่อยู่ที่โจทก์ระบุไว้ในคำฟ้องของโจทก์และโจทก์ได้ใช้ที่อยู่ดังกล่าวตลอดมา โดยมี พ. อายุเกิน 20 ปี อยู่ที่บ้านดังกล่าวเต็มใจรับคำบังคับไว้แทนและไม่ปรากฏว่า พ. รับคำบังคับไว้แทนโจทก์โดยหลงผิดดังนี้นับว่าได้มีการส่งคำบังคับแก่โจทก์โดยชอบแล้วแม้โจทก์จะได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 นานแล้วแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์เคยอยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 อันเป็นที่อยู่ของโจทก์ตามฟ้องก่อนโจทก์ฟ้องคดี และเมื่อฟ้องคดีและตลอดมาในชั้นพิจารณา โจทก์ก็ใช้ที่อยู่ที่บ้านเลขที่ 773/12 ไม่เคยแถลงต่อศาลว่าได้ย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 733/7 แต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้บ้านเลขที่ 773/12 เป็นที่อยู่ของโจทก์อีกแห่งหนึ่งด้วย การส่งคำบังคับให้โจทก์จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่และการแก้ไขข้อผิดพลาดในการส่งคำบังคับตามคำพิพากษา
จำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้แพ้คดีแล้ว ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัด และได้อ้างเหตุแห่งการยื่นคำร้องล่าช้ามาด้วย ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างเหตุนอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ที่ทำให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ล่าช้า สั่งยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวน จำเลยอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า การส่งคำบังคับตามคำพิพากษาเป็นไปโดยไม่ชอบ จึงถือเสมือนยังไม่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับเป็นไปโดยชอบหรือไม่ มาแต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควร ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เอง โดยคู่ความมิต้องยกขึ้นมาว่ากล่าวไว้เลย และคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียว การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อน จึงมีคำสั่งใหม่ ย่อมเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3229/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบังคับและการบังคับคดี: คำบังคับที่ระบุในสำนวนและลงลายมือชื่อคู่ความแล้ว ถือเป็นการส่งคำบังคับโดยชอบ
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมได้อ่านคำพิพากษาตามยอมและคำบังคับให้คู่ความฟังแล้ว จึงให้คู่ความลงลายมือชื่อไว้ที่หน้าสำนวน และที่หน้าสำนวนระบุข้อความของคำบังคับไว้ว่า ให้โจทก์และจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มิฉะนั้นจะถูกบังคับคดีตามกฎหมาย โดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นลงนามในฐานะเป็นผู้ออกคำบังคับ ข้อความที่ระบุไว้ที่หน้าสำนวนดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคำบังคับแล้ว เมื่อโจทก์กับจำเลยได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำพิพากษาตามยอมและคำบังคับ ย่อมถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับไปยังจำเลยแล้ว ศาลจึงไม่จำต้องออกคำบังคับซ้ำอีก
โจทก์ยื่นคำขอออกหมายบังคับคดี แม้ท้ายคำขอระบุยอดหนี้คำนวณถึงก่อนยื่นคำขอ 1 วัน ก็ไม่ถือว่าโจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีผิดแผกแตกต่างไปจากคำพิพากษาตามยอม คำขอดังกล่าวชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 275
โจทก์ยื่นคำขอออกหมายบังคับคดี แม้ท้ายคำขอระบุยอดหนี้คำนวณถึงก่อนยื่นคำขอ 1 วัน ก็ไม่ถือว่าโจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีผิดแผกแตกต่างไปจากคำพิพากษาตามยอม คำขอดังกล่าวชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 275