คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ส่งหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลยเปลี่ยนแปลงหลังฟ้องคดี การส่งหมายไปยังภูมิลำเนาเดิมยังถือว่าชอบด้วยกฎหมาย หากจำเลยไม่แจ้งเปลี่ยนแปลง
ในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยปรากฏตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนเอกสารท้ายฟ้องว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่เลขที่ 66 ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานครในชั้นบังคับคดีก็ปรากฏตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนในสำนวนของกรมบังคับคดีก็ระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาดังกล่าวแม้ว่าต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาเป็นเลขที่ 869 ซอยรัชดานิเวศน์ ถนนประชาอุทิศแขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าในขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยและในการดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา จำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่เลขที่ 66 ถนนเทียมร่วมมิตร จึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ ณ สถานที่นั้น ดังนั้นเมื่อมีการส่งหมายเรียกหมายนัด และเอกสารต่าง ๆ ที่ภูมิลำเนาดังกล่าวไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม ย่อมถือว่าเป็นการส่งโดยชอบและจำเลยได้รับโดยชอบแล้ว จำเลยจะยกเรื่องการย้ายภูมิลำเนาไปที่ใหม่ของจำเลยโดยที่จำเลยไม่ได้แจ้งการย้ายภูมิลำเนาไปที่ใหม่ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลทราบมาเป็นข้ออ้างว่าไม่ได้รับหมายแจ้งวันขายทอดตลาดที่ดินจากเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4828/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งนัดพิจารณาคดี: วิธีการส่งหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย
การส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นแทนการส่งหมายแก่จำเลยโดยวิธีธรรมดาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79นั้นต้องเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายโดยวิธีธรรมดาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา74ถึง78แล้วถ้ายังสามารถส่งโดยวิธีธรรมดาได้การส่งหมายโดยใช้วิธีอื่นตามมาตรา79ย่อมเป็นการไม่ชอบดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศแจ้งนัดฟังคำพิพากษาที่หน้าศาลโดยมิได้ดำเนินการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาก่อนจะถือว่าจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาตามฟ้อง: การส่งหมายที่ถูกต้อง แม้ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน
แม้ภูมิลำเนาของจำเลยตามที่โจทก์ระบุในฟ้องจะมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยตามที่ปรากฏในสำเนาทะเบียนบ้าน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลนำหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายตามที่อยู่ที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง จำเลยก็แต่งทนายความให้ไปศาลแทน หลังจากนั้นจำเลยไม่เคยโต้แย้งว่าที่อยู่ตามฟ้องไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย เพิ่งจะโต้แย้งในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาถือได้ว่าภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย การส่งหมายที่ภูมิลำเนาตามฟ้องจึงเป็นการส่งโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7812/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายแจ้งคำสั่งศาลไปยังทนายโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะไม่ได้ส่งถึงตัวโจทก์โดยตรง ไม่ถือว่าทิ้งฟ้อง
คำว่า"โจทก์"ในคดีแพ่งแม้ไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์ไว้โดยตรงก็ตามย่อมหมายความว่าผู้ยื่นคำร้องต่อศาลหรือนัยหนึ่งหมายความถึงผู้เป็นคู่ความตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา1(11)ซึ่งรวมถึงบุคคลผู้มีสิทธิกระทำการแทนบุคคลนั้นๆตามกฎหมายหรือในฐานะทนายความด้วยฉะนั้นการส่งหมายหรือแจ้งคำสั่งของศาลไปยังตัวโจทก์หรือทนายโจทก์ก็ย่อมมีผลตามกฎหมายเช่นเดียวกันและไม่มีกฎหมายใดบังคับไว้ว่าต้องส่งหมายหรือแจ้งคำสั่งของศาลไปให้ตัวโจทก์เมื่อพนักงานเดินหมายได้นำหมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวที่แจ้งถึงการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยไม่ได้และให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน7วันนับแต่วันทราบไปส่งให้แก่ทนายโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลที่โจทก์ได้แต่งตั้งและให้มีอำนาจดำเนินคดีแทนตามใบแต่งทนายและเป็นคู่ความตามมาตรา1(11)จึงถือว่าเป็นการส่งหมายให้โจทก์ทราบโดยชอบเมื่อโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงถือว่าทิ้งอุทธรณ์ตามมาตรา174(2)ประกอบมาตรา246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6384/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องส่งไปยังภูมิลำเนาปัจจุบันของทนายจำเลย การไม่แจ้งย้ายภูมิลำเนาไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการส่งหมาย
พนักงานเดินหมายส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยโดยมีผู้รับแทนตามภูมิลำเนาที่ทนายแจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์แต่ปรากฏว่าทนายจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ตามที่แจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์เพราะได้ย้ายออกไปก่อนแล้วกรณีจะถือว่าทนายจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้แม้ทนายจำเลยจะมิได้แจ้งการย้ายภูมิลำเนาต่อศาลก็เป็นคนละเรื่องกับปัญหาว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6384/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ทนายจำเลยมิได้แจ้งย้ายภูมิลำเนา
พนักงานเดินหมายส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยโดยมีผู้รับแทนตามภูมิลำเนาที่ทนายแจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์แต่ปรากฏว่าทนายจำเลยไม่เคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่าวทั้งทนายจำเลยได้ย้ายออกไปก่อนมีการส่งหมายนัดแล้วทนายจำเลยจึงไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ตามที่แจ้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์กรณีจะถือว่าทนายจำเลยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้แม้ทนายจำเลยจะมิได้แจ้งการย้ายภูมิลำเนาต่อศาลก็เป็นคนละเรื่องกับปัญหาว่าการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ - เหตุไม่ทราบการส่งหมาย ไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย อ้างว่าเพิ่งทราบการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องหลังจากพ้นกำหนดยื่นคำให้การแล้ว แต่ตั้งใจที่จะแต่งทนายเพื่อซักค้านพยานโจทก์ เนื่องจากยอดหนี้ที่โจทก์ฟ้องสูงกว่าความจริงจำเลยมีหลักฐานต่อสู้คดีได้ คำขอดังกล่าวไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6068/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์หลังมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาแล้ว ถือเป็นการส่งหมายที่ไม่ชอบ
ทนายโจทก์ได้ย้ายไปจากภูมิลำเนาเดิมแล้วก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังนั้นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์ตามภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายจึงเป็นการไม่ชอบย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะมีคำสั่งให้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6031/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง, การละเมิด, และการส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องให้บังคับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทและให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 200,000 บาท จนกว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และบริวารจะออกไปจากที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 และบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาทและให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเดือนละ 300 บาท โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 มิได้อุทธรณ์ในเรื่องค่าเสียหาย ปัญหาเรื่องค่าเสียหายจึงเป็นอันยุติ ดังนั้น ค่าเสียหายที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงมีเพียงจำนวนเดือนละ 300 บาท จึงอนุมานได้ว่า บ้านและที่ดินที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 อยู่อาศัยดังกล่าวนี้มีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท ดังนี้ คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 อยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์โดยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ได้ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ที่จำเลยที่ 1ถึงที่ 8 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 และที่ 6 ไม่ได้อยู่อาศัยในบริเวณที่ดินพิพาทแต่ได้เข้าไปเยี่ยมจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ในที่ดินพิพาทเป็นบางครั้ง และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ต่างอยู่อาศัยในบ้านที่ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทโดยต่างครอบครองเป็นส่วนสัด ด้วยความสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บ้านเลขที่ 25 และเลขที่ 25/2 ต่างก็ปลูกอยู่ในที่พิพาท และตามทะเบียนบ้านทั้งสองหลังก็มีชื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 เป็นผู้อาศัยอยู่ ส่วนจำเลยที่ 1 แม้จะมีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้านเลขที่ 212/25 และไม่ได้อยู่ในที่ดินพิพาทก็ตามแต่จำเลยที่ 1 เคยได้ใช้ที่ดินพิพาทเป็นที่จอดรถยนต์ รถอื่น ๆ และเก็บสิ่งของ และยังมีซากรถและสิ่งของยังมีอยู่ในที่ดินพิพาท เพียงแต่บ่ายเบี่ยงว่าสิ่งของดังกล่าวจะเป็นของผู้ใดไม่ทราบ ดังนี้ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 ให้ขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมทั้งบ้านอีก 3 หลัง ออกไปจากที่ดินพิพาทเป็นคดีเดียวกันได้
เจ้าพนักงานเดินหมายระบุในรายงานการเดินหมายว่า พบภูมิลำเนาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 และที่ 6 ตามฟ้อง แต่ปรากฏว่าบ้านปิดใส่กุญแจและระบุว่าพบภูมิลำเนาจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 ตามฟ้อง แต่บุคคลในนั้นเป็นชายอายุเกิน 20 ปี แจ้งว่าบุคคลดังกล่าวไปธุระนอกบ้าน เป็นการระบุรายละเอียดถึงพฤติการณ์การนำส่งหมายได้ชัดแจ้งเพียงพอแล้ว การที่พนักงานเดินหมายมิได้ระบุสภาพลักษณะบ้านที่ส่งหมายว่าเป็นอย่างไรนั้น เป็นเพียงส่วนปลีกย่อยในการเขียนรายงานของพนักงานเดินหมายเท่านั้น มิใช่สาระสำคัญอันจะเป็นผลให้การส่งหมายกลายเป็นไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5058/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่พบผู้รับที่สำนักงานทนาย
พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้แก่ทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ณ สำนักทำการงานของทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 แล้ว แต่ไม่พบตัวทนายความและไม่มีผู้รับหมายไว้แทน โดยปรากฏว่าสำนักงานถูกปิดไว้และใส่กุญแจ พนักงานเดินหมายจึงปิดหมายนัดไว้ตามคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อปรากฏว่าสำนักทำการงานที่ทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทำงานอยู่นั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว ก่อนพนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปปิดไว้ เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ว่าได้ส่งหมายนัด ณ สำนักทำการงานของทนายจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทั้งไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งหมายนัดแก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยตรงแต่อย่างใด การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงยังไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทราบนัดของศาลแล้ว
of 8