คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนังสือรับสภาพหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 128 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้, ฟ้องซ้อน, การวินิจฉัยนอกฟ้อง, การโอนที่ดินตามสัญญาหย่า, และการต่อสู้คดีของจำเลยในฐานะอนาถา
จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ให้จำเลยรับผิดตามฟ้องโจทก์ทั้งที่ไม่มีข้อตกลงว่าหาก ป. ผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมดนั้นเมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เมื่อหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้เป็นมูลหนี้ที่ชอบมีผลบังคับได้ตามกฎหมายส่วนมูลหนี้จะเกิดจากการกู้ยืมหรือเกิดจากการขายที่ดินหาใช่ข้อสำคัญไม่ ข้อตกลงที่ ป. จะโอนที่ดินให้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาหย่ามิใช่เป็นการจะให้ที่ดินแก่โจทก์โดยตรงแต่เป็นการให้ที่เกิดจาก ข้อตกลงตามสัญญา แบ่งทรัพย์สินในการหย่าระหว่าง ป.กับโจทก์ดังนี้ข้อตกลงจะให้ที่ดินดังกล่าวย่อมสมบูรณ์มีผลผูกพันกันได้โดย ไม่ต้อง จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. รับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ ป. ทำไว้กับโจทก์ส่วนคดีแพ่งของศาลจังหวัดลพบุรีเป็นเรื่องโจทก์ฟ้อง ป. เป็นจำเลยให้ปฏิบัติตามหนังสือสัญญาหย่าที่ ป. ทำไว้กับโจทก์ดังนี้จำเลยในคดีนี้กับจำเลยในคดีดังกล่าวเป็นคนละคนข้อพิพาทก็เป็นคนละประเด็นกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึง ไม่เป็น ฟ้องซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ชอบด้วยกฎหมาย แม้เกิดจากการขายที่ดิน ไม่ใช่การกู้ยืม ศาลวินิจฉัยถูกต้อง ฟ้องไม่ซ้อน
จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำฟ้องโดยไม่มีข้อตกลงว่าหากป.ผิดนัดงวดหนึ่งถือว่าผิดนัดทั้งหมดเป็นการไม่ชอบเมื่อจำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ดังกล่าวไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองให้จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้แล้วจำเลยย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงได้ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยเพราะเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเป็นการไม่ชอบ โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ป.ทำไว้กับโจทก์แม้มูลหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้จะมิได้เกิดจากการกู้ยืมดังที่โจทก์กล่าวอ้างแต่เกิดจากการขายที่ดินดังที่จำเลยให้การก็ตามหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ก็เป็นมูลหนี้ที่ชอบมีผลบังคับกันได้ตามกฎหมายส่วนมูลหนี้จะเกิดจากการกู้ยืมหรือเกิดจากการขายที่ดินหาใช่ข้อสำคัญไม่ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้หาใช่การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกฟ้องดังที่จำเลยฎีกาไม่ ข้อตกลงที่ป.จะโอนที่ดินให้แก่โจทก์แต่มิได้มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นโมฆะจำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้วจึงมีประเด็นข้อนี้ในคดีแต่ในการชี้สองสถานศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้ซึ่งจำเลยได้แถลงโต้แย้งขอเพิ่มประเด็นข้อนี้ไว้แล้วที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อนี้โดยฟังว่าจำเลยไม่ได้ขอเพิ่มประเด็นข้อนี้ไว้จึงไม่ชอบศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่ใช่เป็นการจะให้ที่ดินแก่โจทก์โดยตรงแต่เป็นการจะให้ที่เกิดจากข้อตกลงตามสัญญาแบ่งทรัพย์สินในการหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันระหว่างป.กับโจทก์ข้อตกลงดังกล่าวย่อมสมบูรณ์มีผลผูกพันกันได้โดยไม่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของป.รับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่ป.ทำไว้กับโจทก์ส่วนอีกคดีเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องป.เป็นจำเลยให้ปฏิบัติตามหนังสือสัญญาหย่าที่ป.ทำไว้กับโจทก์แล้วป.ประพฤติผิดสัญญาดังนี้จำเลยในคดีนี้กับจำเลยในคดีดังกล่าวจึงเป็นคนละคนกันข้อพิพาทก็เป็นเรื่องคนละประเด็นกันฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็สั่งให้จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ได้ประกอบกับโจทก์ได้แก้อุทธรณ์ไว้แล้วที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7507/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ vs. สัญญา กู้ยืมเงิน: ประเด็นการคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา และการยกข้อกฎหมายที่ไม่เคยว่ากันในศาลชั้นต้น
อุทธรณ์จำเลยที่ว่าหนังสือรับสภาพหนี้มีลักษณะเป็นสัญญากู้ยืมเงินแม้จะระบุว่าเป็น"หนังสือรับสภาพหนี้"ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ.2475นั้นเมื่อคดีมีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดเพียงประเด็นเดียวว่าหนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18ต่อปีเป็นโมฆะหรือไม่ไม่มีประเด็นว่าหนังสือรับสภาพหนี้เป็นการกู้ยืมเงินหรือไม่กรณีจึงไม่มีปัญหาว่าการเรียกดอกเบี้ยตามหนังสือรับสภาพหนี้จะเกิดอัตราซึ่งฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ.2475อันจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่จะอุทธรณ์ได้แม้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อากรแสตมป์ใบมอบอำนาจ, หนังสือรับสภาพหนี้, เล็ตเตอร์ออฟเครดิต, อายุความหนี้
ใบมอบอำนาจให้บุคคลหลายคนกระทำการแทนมากกว่าครั้งเดียวจะต้องปิดอากรแสตมป์คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบอำนาจคนละ 30 บาท
หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นโดยยอมรับว่าตนเป็นหนี้เจ้าหนี้จริง เจ้าหนี้หาจำต้องมาเป็นคู่สัญญาหรือมอบอำนาจให้บุคคลใดมาเป็นคู่สัญญาแทนไม่
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ของบริษัท ส. ที่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ มิได้ฟ้องเรียกหนี้ตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตและจำเลยมิได้ปฏิเสธว่าบริษัท ส.มิได้เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว คดีไม่จำต้องอาศัยพยานหลักฐานอื่นอีก เล็ตเตอร์ออฟเครดิตจะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ ไม่ทำให้ผลการวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลง จึงไม่ต้องวินิจฉัยว่ารับฟังเล็ตเตอร์ออฟเครดิตเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่
หนี้ตามสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 164 เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ใช้บังคับได้แม้ไม่มีผู้มอบอำนาจ และอายุความเริ่มนับใหม่เมื่อมีหนังสือรับสภาพหนี้
หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นโดยยอมรับว่าตนเป็นหนี้เจ้าหนี้จริงเจ้าหนี้หาจำต้องมาเป็นคู่สัญญาหรือมอบอำนาจให้บุคคลใดมาเป็นคู่สัญญาแทนไม่ โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ของบริษัท ส. ที่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกหนี้ตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตและจำเลยมิได้ปฏิเสธว่าบริษัท ส. มิได้เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงนั้นแล้วคดีไม่จำต้องอาศัยพยานหลักฐานอื่นอีกเล็ตเตอร์ออฟเครดิตจะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ไม่ทำให้ผลการวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่ารับฟังเล็ตเตอร์ออฟเครดิตเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่หนี้ตามสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ10ปีตามมาตรา164เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ใช้บังคับได้แม้ไม่มีการมอบอำนาจ และอายุความหนี้เล็ตเตอร์ออฟเครดิต 10 ปี
หนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นโดยยอมรับว่าตนเป็นหนี้เจ้าหนี้จริงส่วนเจ้าหนี้หาจำเป็นต้องมาเป็นคู่สัญญาหรือมอบอำนาจให้บุคคลใดมาเป็นคู่สัญญาแทนไม่เมื่อหนังสือรับสภาพหนี้เป็นหนังสือที่บริษัทส.ทำขึ้นโดยยอมรับว่าตนเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงหนังสือรับสภาพหนี้จึงใช้บังคับได้โดยโจทก์ไม่จำต้องมอบอำนาจให้ล. เป็นคู่สัญญาแทน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ของบริษัทส. มิได้ฟ้องเรียกหนี้ตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิตจำเลยทั้งสองก็มิได้ปฏิเสธว่าบริษัทส. มิได้เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตกับโจทก์จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงนั้นแล้วคดีไม่จำต้องอาศัยพยานหลักฐานอื่นอีกเล็ตเตอร์ออฟเครดิตจะปิดอากรแสตมป์หรือไม่จึงไม่ทำให้ผลการวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงเมื่อบริษัทส. ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันและจำนองค้ำประกันหนี้จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์มิได้เป็นลูกจ้างของบริษัทส. ที่โจทก์ใช้เงินแทนบริษัทส. ไปก็เป็นการชำระตามข้อผูกพันในสัญญาที่บริษัทส. ขอให้โจทก์เปิดเล็ตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อสั่งซื้อสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นให้กรณีจึงมิใช่เรื่องที่ลูกจ้างเรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปก่อนแทนผู้ว่าจ้างจะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(8)เดิมมาใช้บังคับมิได้และหนี้ตามสัญญาเล็ตเตอร์ออฟเครดิตไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ10ปีตามมาตรา164เดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3373/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับผิดชอบหน้าที่โดยไม่มีมูลหนี้เดิม ไม่ถือเป็นหนังสือรับสภาพหนี้
จำเลยที่ 2 มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้จำเลยที่ 2 จะทำหนังสือยอมรับผิดชอบตามหน้าที่ไว้ ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เพราะไม่มีมูลหนี้เดิมอันเกิดจากการละเมิดที่จะให้รับสภาพหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ที่เกิดจากการไกล่เกลี่ยคดีอาญา มีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เช็คชำระหนี้ตามสัญญามีผลผูกพัน
แม้เอกสารที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ จะใช้ชื่อว่า หนังสือรับสภาพหนี้แต่การทำหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย และโจทก์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการศาลทหารกรุงเทพดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์และโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค เมื่อมีการไกล่เกลี่ย โจทก์และจำเลยตกลงในยอดหนี้ใหม่กันได้ จำเลยตกลงชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเช็ครวม 37 ฉบับ โจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาดังกล่าว กรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่า หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเพื่อที่จะระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ซึ่งโจทก์และจำเลยได้พิพาทกันจนมีการดำเนินคดีอาญาให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอม-ยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 เมื่อเช็คพิพาทที่นำมาฟ้องคดีนี้เป็นคดีที่จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ และเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงมิใช่การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอันเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้เปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ อายุความ 5 ปี เริ่มนับแต่วันผิดนัดชำระหนี้แต่ละงวด
เมื่อจำเลยทั้งสองทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์แล้วการที่จำเลยที่1นำเงินไปชำระให้โจทก์และโจทก์รับเงินดังกล่าวไว้แสดงว่าโจทก์เองก็ยอมตกลงด้วยตามหนังสือรับสภาพหนี้หนังสือรับสภาพหนี้จึงผูกพันโจทก์ หนังสือรับสภาพหนี้ได้กำหนดเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ใหม่โดยการผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ สิทธิเรียกร้องโจทก์จึงมีกำหนด อายุความ5ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/33การที่จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตั้งแต่งวดแรกที่ต้องเริ่มชำระตั้งแต่วันที่15มีนาคม2520โจทก์จึงอาจบังคับสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แต่ละงวดได้ตั้งแต่ครบกำหนดที่จำเลยทั้งสองต้องชำระหนี้ในงวดนั้นๆ สิทธิเรียกร้องในหนี้งวดใดที่พ้นอายุความ5ปีนับย้อนหลังแต่วันฟ้องขึ้นไปจึงเป็นอันขาดอายุความ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีในวันที่4พฤศจิกายน2535สิทธิเรียกร้องในหนี้งวดที่อยู่ภายในกำหนดอายุความ5ปีนับย้อนหลังแต่วันฟ้องที่ ไม่ขาดอายุความนั้นเมื่อคำนวณแล้วเป็นหนี้ไม่น้อยกว่าห้าหมื่นบาทโจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม ดอกเบี้ย 20% ถือเป็นค่าเสียหายที่ตกลงกันได้ ศาลมีอำนาจลดได้
หนังสือรับสภาพหนี้มิใช่สัญญากู้ยืมเงินข้อตกลงที่ว่าหากจำเลยทั้งสองผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ยอมให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ20ต่อปีจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯถือว่าเป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าให้คิดดอกเบี้ยเสมือนเป็นเบี้ยปรับซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้
of 13