คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หน่วงเหนี่ยวกักขัง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง: การกระทำเตรียมพร้อมใช้ปืนถือเป็นความผิดร่วม
จำเลยทั้งสามมีอาวุธปืนติดตัว ขึ้นไปบนสถานีตำรวจ จำเลยที่ 1 ขอให้ผู้เสียหายไปตรวจค้นบ้านบุคคลอื่น แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม จำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธปืนจี้บังคับไม่ยอมให้ผู้เสียหายออกจากห้องแล้วใช้มือล็อกคอและกอดปล้ำบังคับผู้เสียหายให้นั่งบนโซฟา โดยจำเลยที่ 2 ถืออาวุธปืนและจำเลยที่ 3 ยืนจับด้ามปืนสั้นที่เอว แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้ชักปืนออกมาก็ตามแต่การกระทำของจำเลยที่ 3 แสดงว่าจำเลยที่ 3 ได้เตรียมพร้อมที่จะใช้อาวุธปืนบังคับผู้เสียหายด้วยจำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยใช้อาวุธ แม้ไม่ได้ชักปืนแต่เตรียมพร้อมใช้ก็ถือเป็นความผิด
จำเลยทั้งสามมีอาวุธปืนติดตัวขึ้นไปบนสถานีตำรวจ จำเลยที่ 1ขอให้ผู้เสียหายไปตรวจค้นบ้านบุคคลอื่น แต่ผู้เสียหายไม่ยอมทำตามจำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธปืนจี้บังคับไม่ยอมให้ผู้เสียหายออกจากห้องแล้วใช้มือล็อกคอและกอดปล้ำบังคับผู้เสียหายให้นั่งบนโซฟาโดยจำเลยที่ 2 ถืออาวุธปืนสั้นและจำเลยที่ 3 ยืนจับด้ามปืนสั้นที่เอว แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ได้ชักปืนออกมาก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยที่ 3 แสดงว่าจำเลยที่ 3 ได้เตรียมพร้อมที่จะใช้อาวุธปืนบังคับผู้เสียหายด้วย จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 2 หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5255/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อบังคับชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก
จำเลยจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้เขียนจดหมายถึง พ.มารดาของโจทก์ร่วมให้โอนที่ดินที่จำนองเพื่อชำระหนี้แก่ ข. แม่ยายของจำเลยหรือจำเลยนั้นจำเลยมีเจตนาเพียงเพื่อบังคับให้มารดาโจทก์ร่วมชำระหนี้แก่แม่ยายจำเลยหรือจำเลย โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขยเชื่อว่ากระทำได้ ดังนั้น ประโยชน์ที่จำเลยเรียกร้องจึงไม่ใช่ค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (13) การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา 313

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5255/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อบังคับชำระหนี้ ไม่ถือเป็นค่าไถ่ตาม ป.อ.มาตรา 313
การที่จำเลยจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้เขียนจดหมายถึงมารดาโจทก์ร่วม ให้โอนที่ดินจำนองเพื่อชำระหนี้แก่แม่ยายจำเลยหรือจำเลยนั้น จำเลยมีเจตนาเพียงเพื่อจะบังคับให้มารดาโจทก์ร่วมชำระหนี้ โดยจำเลยเชื่อว่ากระทำได้ ดังนั้น ประโยชน์ที่จำเลยเรียกร้องเอาจึงไม่ใช่ค่าไถ่ ตาม ป.อ.มาตรา 1(13).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5255/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อบังคับให้โอนทรัพย์สิน ไม่ถือเป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์
จำเลยจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้เขียนจดหมายถึง พ. มารดาของโจทก์ร่วมให้โอนที่ดินที่จำนองเพื่อชำระหนี้แก่ ข. แม่ยายของจำเลยหรือจำเลยนั้น จำเลยมีเจตนาเพียงเพื่อบังคับให้มารดาโจทก์ร่วมชำระหนี้แก่แม่ยายจำเลยหรือจำเลยโดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขยเชื่อว่ากระทำได้ ดังนั้น ประโยชน์ที่จำเลยเรียกร้องจึงไม่ใช่ค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(13)การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา 313

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงาน การตรวจค้น การหน่วงเหนี่ยวกักขัง และการแจ้งความเท็จ
คำฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 การเพิ่มเติมเฉพาะบทมาตรา 200 ในคำขอท้ายฟ้อง จึงไม่มีผลทำให้ศาลลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้กรณีไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ จำเลยละเว้นไม่จับกุมผู้ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณจราจรแม้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่จำเลยมิได้กระทำไปโดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส.บอกจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจว่าโจทก์หยิบอาวุธปืนสั้นออกมาจากรถ การที่จำเลยตรวจค้นรถโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยมีเหตุอันสมควรที่จะตรวจค้น มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำให้โจทก์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้กำลังข่มขืนใจบังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์ และความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ศาลพิจารณาองค์ประกอบความผิด
จำเลยที่ 3 ตบตีบังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์ แต่โจทก์มิได้นำสืบว่าเมื่อผู้เยาว์ดมทินเนอร์แล้วจะเกิดผลอะไรที่เป็นเหตุไม่ให้ผู้เยาว์หลบหนีไปตามเจตนาของจำเลย และกรณีไม่ใช่เป็นเรื่องที่ศาลรู้เอง จึงลงโทษจำเลยที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 กับพวก ร่วมกันทำร้ายผู้เยาว์โดยเตะและตบศีรษะ บังคับให้ผู้เยาว์ดมทินเนอร์อันเป็นการบ่อนทำลายสุขภาพ การกระทำตามคำฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายข่มขืนใจให้ผู้เยาว์ต้องจำยอมตามนั้นคำฟ้องโจทก์จึงครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรกแม้โจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 310 ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 309 วรรคแรก อันเป็นบทมาตราที่ถูกต้องได้ และการกระทำดังกล่าวเป็นกรรมเดียวกับความผิดตามมาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, หน่วงเหนี่ยวกักขัง: ผู้เสียหายไม่เต็มใจ การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ยินยอมไปกับจำเลยกับพวกก็เพราะถูกจำเลยกับพวกหลอกลวงว่าจะไปส่ง แต่จำเลยกับพวกกลับพาไปในที่เกิดเหตุแล้วร่วมกันขู่เข็ญฉุดคร่าผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคท้าย
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรก แต่ความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยหลอกลวงและใช้กำลัง
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ยินยอมไปกับจำเลยกับพวกก็เพราะถูกจำเลยกับพวกหลอกลวงว่าจะไปส่ง แต่จำเลยกับพวกกลับพาไปในที่เกิดเหตุแล้วร่วมกันขู่เข็ญฉุดคร่าผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318วรรคท้าย
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรกแต่ความผิดตามมาตรา310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ค้าประเวณี
จำเลยที่ 3, ที่ 4 ร่วมกับพวกอีกหลายคนทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสี่ให้ค้าประเวณี ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคแรก กระทงหนึ่ง และผิดตาม มาตรา 283 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง
of 6