คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ห้ามฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4528/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาล: ห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ย่อมต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3534/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีไม่มีมูลฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแล้ว ห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายแม้จะเป็นการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตามคดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกา, อายุความมรดก, การครอบครองแทนทายาท
โจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินส่วนที่เป็นมรดกเนื้อที่ 119.45 ตารางวา ราคา1,000,000 บาท ให้แก่โจทก์ทั้งห้า แม้จะฟ้องรวมกัน มาโดยมิได้ระบุส่วนที่โจทก์แต่ละคนจะได้รับในคำฟ้องเดียวกันก็ตาม แต่สิทธิของโจทก์แต่ละคนที่จะได้รับมรดกมีจำนวนเพียง คนละ 23.89 ตารางวา ราคา 200,000 บาท ดังนั้น ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกันคือคนละ 200,000 บาทเพราะเป็นเรื่องที่โจทก์แต่ละคนสามารถใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แยกต่างหากจากกันได้ เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาของโจทก์แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยและ ล. เป็นทายาทของเจ้ามรดก จำเลยครอบครองที่ดินโดยเจตนายึดถือเพื่อตนไม่ได้ครอบครองแทน ล. ล. ไม่ได้ฟ้องเรียกมรดกส่วนของตนภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายเมื่อโจทก์ทั้งห้าซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจาก ล. นำคดีมาฟ้องคดีโจทก์ทั้งห้าจึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 ที่โจทก์ทั้งห้าฎีกาว่า จำเลยครอบครองที่ดินไว้แทนทายาทอื่นเพื่อรอแบ่งปันให้แก่ทายาทอื่นมิใช่เป็นการครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตนนั้นเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าคดีโจทก์ทั้งห้าไม่ขาดอายุความ จึงมีผลเป็นอย่างเดียวกับการฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8153/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก1 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน และลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้2 ปี นั้น ศาลอุทธรณ์ยังพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องโจทก์อยู่ เพียงแต่ลงโทษแตกต่างไปจากศาลชั้นต้นเท่านั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่พิพากษากลับ จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 219 ตรี โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6186/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 2 แสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้มีประเด็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
ประเด็นที่โจทก์จำเลยที่ 1 โต้เถียงกันในชั้นฎีกาตามฟ้องและฟ้องแย้งมีว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งหากที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและจำเลยที่ 1 มีอำนาจหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาตามกฎหมายถ้าโจทก์ชนะคดีย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทประโยชน์ที่โจทก์ได้ตามฟ้องหรือประโยชน์ที่จำเลยที่ 1ได้ตามฟ้องแย้งย่อมเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงเป็นการพิพาทกันด้วยเรื่องความเป็นเจ้าของแห่งที่พิพาท จึงเป็นคำขอหรือคดีมีทุนทรัพย์ แม้โจทก์จะมีคำขอด้วยว่า ให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนอาคารรุกล้ำออกไปจากที่พิพาทและห้ามเกี่ยวข้องก็ดีหรือจำเลยที่ 1 จะมีคำขอตามฟ้องแย้งด้วยว่า ให้โจทก์รื้อถอนส่วนของอาคารที่รุกล้ำและออกไปจากที่พิพาทก็ดี ก็เป็นเพียงผลต่อเนื่องในประเด็นหลักเรื่องที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเพราะเมื่อรับฟ้องได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยที่ 1ก็ต้องรื้อถอนอาคารออกไปในตัวหรือเมื่อรับฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามฟ้องแย้ง โจทก์ก็ต้องรื้อถอนบางส่วนของอาคารที่รุกล้ำและออกจากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินไปในตัว คำขอส่วนนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำขอที่ไม่มีทุนทรัพย์แยกต่างหากจากคำขอที่มีทุนทรัพย์ดังกล่าวและเมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาตามฟ้องหรือตามฟ้องแย้งเป็นจำนวนไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่นอกคำให้การ ถือเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ห้ามฎีกา
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ประกันภัยทั้งรถยนต์บรรทุกและรถพ่วงไว้แก่โจทก์ มีทุนประกันคันละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งเกินจากวงเงินที่โจทก์ที่ได้ชดใช้ให้แก่ผู้เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินแก่โจทก์นั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ ดังนั้นแม้จำเลยจะนำสืบต่อสู้คดีในทำนองดังกล่าว ก็เป็นการนำสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นข้อพิพาท รับฟังไม่ได้ แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์ที่พิพาทเกิน 200,000 บาท ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การคำนวณทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาโจทก์ทั้งสามจะนำค่าเสียหายในอนาคตสัปดาห์ละ2,000บาทนับแต่วันฟ้องจนถึงวันยื่นฎีกามาคำนวณด้วยไม่ได้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาตามฎีกาของโจทก์ทั้งสามคงมีจำนวน104,000บาทซึ่งมีจำนวนไม่เกิน200,000บาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา248วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาศาลฎีกาถึงที่สุด ห้ามยื่นฎีกาคัดค้านซ้ำ องค์คณะครบถ้วนแม้ผู้พิพากษาบางคนย้าย
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 20 วรรคสองบัญญัติไว้ว่า คดีใดซึ่งศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาแล้วคู่ความหามีสิทธิที่จะทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาคัดค้านคดีนั้นต่อไปอีกไม่ ดังนั้น คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีนี้จึงเป็นอันถึงที่สุดแล้ว จะร้องคัดค้านหรือขอให้เพิกถอนหาได้ไม่ ผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 2 คนที่ได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแล้วแต่ได้เกษียณอายุราชการ 1 คน และย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่น 1 คน ก่อนที่จะลงลายมือชื่อในคำพิพากษาดังบันทึกของประธานศาลฎีกาต่อท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวการที่องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาลงลายมือชื่อไว้ในต้นร่างคำพิพากษาย่อมแสดงแจ้งชัดแล้วว่าองค์คณะดังกล่าวมีความเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษานั้น เมื่อประธานศาลฎีกาจดแจ้งเหตุที่พิพากษาคนนั้นมิได้ลงลายมือชื่อโดยอ้างถึงการลงลายมือชื่อในต้นร่างคำพิพากษาเป็นสำคัญ จึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 วรรคสองถือได้ว่ามีการร่วมปรึกษาครบองค์คณะตามกฎหมายและเป็นคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษายกฟ้องศาลชั้นต้นและอุทธรณ์: กรณีห้ามฎีกาตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงมีคำสั่งให้งดไต่สวนมูลฟ้องและวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายแม้คดีนี้จะเป็นการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม คดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2563/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามเนื่องจากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นในความผิดพยายามฆ่าและโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ศาลเยาวชนและครอบครัวพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุก 7 ปี เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยฐานพาอาวุธไปในเมืองปรับ 100 บาท ยกฟ้องข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แสดงว่าความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นศาลอุทธรณ์พิพากษายืน มิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี จึงห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 124 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
of 16