คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อันตราย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5364/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้เป็นเจ้าของร่วม และองค์ประกอบความผิดฐานก่อให้เกิดอันตราย
บทบัญญัติ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 เป็นเหตุฉกรรจ์ของมาตรา 217 โดยมาตรา 218 บัญญัติให้ผู้กระทำผิดต่อทรัพย์ที่ระบุไว้ในมาตรา 218(1) ถึง (6) ต้องได้รับโทษหนักนั้นดังนั้น การกระทำอันมิได้เป็นความผิดตามมาตรา 217 แม้กระทำต่อทรัพย์ที่ระบุในมาตรา 218 ผู้กระทำย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าการวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นเป็นความผิด ไม่มีข้อความว่า"หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย" ก็เป็นความผิดแล้วจะตีความคำว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น" ให้รวมถึงทรัพย์ที่ผู้อื่นมีส่วนเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยมิได้ เพราะการตีความบทกฎหมายที่มีโทษทางอาญาจะต้องตีความโดยเคร่งครัด จะขยายความออกไปถึงกรณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในตัวบทโดยชัดแจ้งเพื่อให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยมิได้ เพราะขัดต่อหลักความรับผิดของบุคคลในทางอาญาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 คำฟ้องบรรยายว่า จำเลยวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยมิได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของบุคคลอื่น อันจะทำให้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 เป็นคำฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรานี้มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนข่มขู่จำเลยเข้าไปในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ปลุกปล้ำจำเลย จำเลยต่อสู้ปัดป้อง แต่สู้ไม่ได้เพราะผู้เสียหายเป็นชายมีรูปร่างสูงใหญ่ จำเลยจึงหลอกให้ผู้เสียหายวางอาวุธปืนโดยแกล้งทำเป็นสมยอม เมื่อผู้เสียหายวางอาวุธปืนไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินกลับขึ้นเตียง จำเลยจึงพลิกตัวไปหยิบอาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณทรวงอก แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เป็นการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราจำเลย อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อให้ตนเองพ้นจากอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองจากการข่มขืน: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนข่มขู่จำเลยเข้าไปในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ปลุกปล้ำจำเลย จำเลยต่อสู้ปัดป้อง แต่สู้ไม่ได้เพราะผู้เสียหายเป็นชายมีรูปร่างสูงใหญ่ จำเลยจึงหลอกให้ผู้เสียหายวางอาวุธปืนโดยแกล้งทำเป็นสมยอม เมื่อผู้เสียหายวางอาวุธปืนไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินกลับขึ้นเตียง จำเลยจึงพลิกตัวไปหยิบอาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณทรวงอก แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เป็นการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราจำเลย อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อให้ตนเองพ้นจากอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดทำร้ายร่างกาย: การลงโทษตามความร้ายแรงของผลกระทบ
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสนั้น ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติไว้ในหมวดเดียวกัน องค์ประกอบความผิดในส่วนการกระทำก็เป็นอย่างเดียวกันต่างกันตรงผลแห่งการกระทำเท่านั้น คือถ้าเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ก็เป็นความผิดตามมาตรา 297 มีผลให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษหนักขึ้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสเพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายของโจทก์ร่วมเท่านั้นแม้โจทก์จะไม่ได้อ้างมาตรา 295 เป็นบทลงโทษมาด้วย ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 295 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานยืนยันการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลรับฟังคำบอกเล่าของผู้ตายในภาวะอันตราย
ผู้ตายบอกกับภริยาว่า จำเลยเป็นผู้ทำร้ายตนในวันที่ 21ธันวาคม 2531 ในขณะที่มีอาการหนักขึ้นอันตรายรักษาไม่ทุเลาเนื่องจากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์ให้รับประทานยาแก้ปวดเพียงอย่างเดียวจนต้องหนีออกจากโรงพยาบาล แสดงถึงความหมดหวังในชีวิต ผู้ตายถึงแก่ความตายวันที่ 22 ธันวาคม 2531 คำบอกเล่าของผู้ตายดังกล่าวนับได้ว่าผู้ตายได้บอกเล่าในขณะตนเองอยู่ในภาวะเป็นอันตรายใกล้ตาย รับฟังประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์อื่นได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะเวลากลางคืนเป็นอันตรายร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปตามถนนในหมู่บ้านและทางสาธารณะในเวลากลางคืนนั้นนับว่าเป็นอันตรายต่อผู้อื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นกรณีที่ร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำต่อเนื่องแสดงเจตนาชิงทรัพย์
จำเลยทำร้ายและค้นเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยได้กระทำต่อเนื่องกันทั้งหลังจากได้ทรัพย์แล้วยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายอีกย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำการทั้งหมดเป็นอันเดียวกันมาแต่ต้นหาใช่เจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่แรกแล้วเกิดเจตนาลักทรัพย์ของผู้เสียหายขึ้นภายหลังจากที่ได้ทำร้ายผู้เสียหายไปแล้วไม่ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ มีความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายแก่กาย ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคสาม ฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีปรากฏในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพื่อจะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องว่า ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไร้สาระเพราะเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างย่อมไม่เกิดข้อกฎหมายอันจะเป็นสาระแก่คดีขึ้นได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาชิงทรัพย์ต่อเนื่องกับการทำร้ายร่างกาย ผู้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
จำเลยใช้สนับมือเป็นอาวุธทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กาย แล้วเข้าค้นเอาทรัพย์จากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต และจำเลยยังได้ปัสสาวะรดใส่ศีรษะผู้เสียหายและขู่ผู้เสียหายว่าถ้าบอกพ่อแม่จะฆ่าล้างโคตร การทำร้ายและการค้นเอาทรัพย์กระทำต่อเนื่องกันไป หลังจากได้ทรัพย์แล้วยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายอีก ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำการทั้งหมดเป็นอันเดียวกันมาแต่ต้น หาใช่เจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแต่แรกแล้วเกิดเจตนาลักทรัพย์ของผู้เสียหายขึ้นภายหลังไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม ฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีปรากฏในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพื่อจะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องว่าผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์นั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไร้สาระเพราะเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ย่อมไม่เกิดข้อกฎหมายอันจะเป็นสาระแก่คดีขึ้นได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4290/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานทุจริตและฝ่าฝืนระเบียบ แม้ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น หากมีโอกาสเกิดอันตรายร้ายแรงได้
โจทก์มีหน้าที่ควบคุมหม้อกำเนิดไอน้ำ หากเครื่องของหม้อกำเนิดไอน้ำเกิดขัดข้องขึ้น และไม่มีผู้ใดปิดเครื่องอาจทำให้พลังไอน้ำที่อยู่ในเครื่องดันให้หม้อน้ำระเบิด ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของจำเลยและชีวิตของลูกจ้างอื่นของจำเลยได้ เห็นได้ว่าการที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่ไปนั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงขึ้นได้ ฉะนั้นแม้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย จะไม่ได้ระบุว่าการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่และการละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีที่ร้ายแรง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6106/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันอันตรายจากอาวุธมีด
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนตบหน้า ร.ในบริเวณงาน แต่ก็เลิกกันไปแล้ว จำเลยเดินกลับบ้าน ผู้เสียหายเดินตามไปทันบนสะพานซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณงาน 500 เมตรถือได้ว่าเหตุการณ์ขาดตอนไปแล้ว ทั้งผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่ถูกจำเลยทำร้าย ผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลยจำเลยมีสิทธิป้องกันได้
ผู้เสียหายวิ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวจำเลยโดยถืออาวุธมีดปลายแหลมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็เป็นการกระทำเพื่อยับยั้งผู้เสียหายที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ จึงเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
of 15