พบผลลัพธ์ทั้งหมด 39 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทน: การมอบอำนาจรับเงินกู้ vs. การมอบอำนาจจ่ายเงินกู้
จำเลยมีหนังสือขอกู้เงินโจทก์และทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้มีชื่อเป็นตัวแทนมารับเงินจากโจทก์ ผู้มีชื่อนั้นได้รับเงินกู้จากโจทก์แล้วแต่มิได้นำไปมอบให้แก่จำเลย แม้ผู้มีชื่อนั้นจะรับรองต่อโจทก์ว่าจะนำเงินกู้ไปจ่ายให้แก่จำเลยก็ดี และจะจัดให้ผู้กู้ผู้ค้ำประกันลงชื่อในสัญญากู้สัญญาค้ำประกันก็ดี ก็มิใช่เป็นเรื่องโจทก์มอบอำนาจให้ไปจัดการ ผู้มีชื่อนั้นจึงหาใช่เป็นตัวแทนของโจทก์ไม่
การกู้เงินของจำเลยจากโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ยืมและตัวแทนซึ่งจำเลยมอบอำนาจให้มารับเงินกู้จากโจทก์ก็ได้รับเงินไปแล้ว ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นตัวการย่อมต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปภายในขอบอำนาจ แม้ตัวแทนจะมิได้นำเงินกู้ไปมอบให้แก่จำเลย โจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยได้
การกู้เงินของจำเลยจากโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ยืมและตัวแทนซึ่งจำเลยมอบอำนาจให้มารับเงินกู้จากโจทก์ก็ได้รับเงินไปแล้ว ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นตัวการย่อมต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำของตัวแทนซึ่งกระทำไปภายในขอบอำนาจ แม้ตัวแทนจะมิได้นำเงินกู้ไปมอบให้แก่จำเลย โจทก์ก็ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายอำนาจตัวแทนต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ สัญญาประนีประนอมยอมความจะผูกพันได้เมื่อตัวแทนมีอำนาจ
พนักงานบริษัทจำเลยอ้างว่าได้รับมอบหมายจากบริษัทจำเลยให้มาตกลงเรื่องค่าเสียหายกับโจทก์ และได้ทำข้อตกลงกับ โจทก์ในเรื่องค่าเสียหายที่บริษัทจำเลยจะชดใช้ให้โจทก์ ดังนี้พนักงานบริษัทจำเลยผู้นั้นอาจเป็นตัวแทนของบริษัทจำเลยได้โดยผลของการให้สัตยาบัน แต่บริษัทจำเลยมิได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของพนักงานบริษัทจำเลยดังกล่าว บริษัทจำเลยจึงใช้เอกสารข้อตกลงดังกล่าวมาผูกมัดโจทก์หาได้ไม่
เอกสารข้อตกลงระหว่างพนักงานบริษัทจำเลยกับโจทก์ แม้จะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม แต่การที่พนักงานบริษัทจำเลยไปอ้างว่าได้รับมอบหมายจากบริษัทจำเลยโดยไม่มีหลักฐานการมอบหมายเป็นหนังสือแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลย ข้อตกลงในเรื่องค่าเสียหายจึงไม่มีผลผูกพันทั้งโจทก์และบริษัทจำเลย
เอกสารข้อตกลงระหว่างพนักงานบริษัทจำเลยกับโจทก์ แม้จะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม แต่การที่พนักงานบริษัทจำเลยไปอ้างว่าได้รับมอบหมายจากบริษัทจำเลยโดยไม่มีหลักฐานการมอบหมายเป็นหนังสือแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการกระทำแทนบริษัทจำเลย ข้อตกลงในเรื่องค่าเสียหายจึงไม่มีผลผูกพันทั้งโจทก์และบริษัทจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนจำกัด การบังคับคดีตามคำพิพากษา และผลของการทำสัญญาเกินอำนาจมอบหมาย
โจทก์มอบอำนาจให้ตัวแทนฟ้องขับไล่จำเลย เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาท จำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน แต่โจทก์คัดค้านว่า ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจ และโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาลและโจทก์ปฏิเสธมาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาท จำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน แต่โจทก์คัดค้านว่า ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจ และโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาลและโจทก์ปฏิเสธมาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนจำกัด การบังคับคดีตามคำพิพากษา สัญญาเช่าที่ทำโดยตัวแทนเกินอำนาจ
โจทก์มอบอำนาจให้ตัวแทนฟ้องขับไล่จำเลย เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาทจำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน แต่โจทก์คัดค้านว่า ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจและโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาลและโจทก์ปฏิเสธมาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาทจำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาจำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน แต่โจทก์คัดค้านว่า ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจและโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาลและโจทก์ปฏิเสธมาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนจำกัด การบังคับคดีตามคำพิพากษา และผลของสัญญาที่ตัวแทนทำเกินอำนาจ
โจทก์มอบอำนาจให้ตัวแทนฟ้องขับไล่จำเลย. เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย. โจทก์ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นได้.
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาท.จำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย. เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา. จำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์. ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน. แต่โจทก์คัดค้านว่า. ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจ. และโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว. ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาล.และโจทก์ปฏิเสธ.มาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่.
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกที่พิพาท.จำเลยยื่นฎีกาแล้วแต่ถอนเสีย. เมื่อโจทก์ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา. จำเลยยื่นคำร้องว่าตัวแทนของโจทก์. ได้ตกลงทำสัญญาให้จำเลยเช่าตึกที่พิพาทอยู่ต่อไปจนกว่าจะรื้อถอน. แต่โจทก์คัดค้านว่า. ตัวแทนโจทก์ทำนอกเหนือจากหนังสือมอบอำนาจ. และโจทก์ได้ถอนตัวแทนก่อนวันที่จำเลยอ้างว่าทำสัญญาเช่าแล้ว. ดังนี้ จำเลยจะอ้างสัญญาซึ่งทำนอกศาล.และโจทก์ปฏิเสธ.มาเพื่อเป็นเหตุมิให้ศาลดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้สัญญาเช่าและการคืนเงินมัดจำเมื่อผู้รับเหมาไม่สามารถก่อสร้างได้ และขอบเขตอำนาจของตัวแทน
ชาวตลาดกับโจทก์ตั้งจำเลยที่ 2, 3, 4 กับ บ. เป็นตัวแทน ให้มีอำนาจตกลงกับ ส. และจำเลยที่ 1เกี่ยวกับการก่อสร้างและการเช่า โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาโดยวางเงินมัดจำช่วยค่าก่อสร้างแล้ว แม้จะปรากฏว่าผู้เช่าห้องบางรายมิได้วางเงินตามข้อสัญญา ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาด้วยหาได้ไม่ เพราะต้องถือว่าชาวตลาดที่ลงชื่อในหนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ 2, 3 และ 4กับ บ. เป็นตัวแทน ไม่ได้เป็นตัวการร่วมกัน จำเลยที่ 2, 3 และ 4 กับ บ. มีอำนาจทำหน้าที่เป็นตัวแทนชาวตลาดแต่ละคนนั้นแยกเป็นรายๆกัน
จำเลยรับเหมาปลูกสร้างตึกแถว โจทก์ประสงค์จะเช่าโดยยอมเสียเงินกินเปล่า จึงได้วางเงินมัดจำช่วยค่าก่อสร้าง แต่จำเลยก่อสร้างตึกแถวไม่ได้ เพราะกำลังเป็นความกับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินจากกรมศาสนาและเป็นผู้จ้างจำเลยปลูกสร้าง ดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่อยู่ในฐานะที่จะทำการชำระหนี้ฝ่ายตนตอบแทนโจทก์ได้ ถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ยังไม่ออกไปจากห้องเช่าเดิมเป็นความผิดของโจทก์ จำเลยจะริบมัดจำของโจทก์ไว้ไม่ได้
จำเลยไม่สามารถทำการก่อสร้างตลาดได้เพราะกรมการศาสนาบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกสร้างตลาดกับ ส. กรณีจึงเข้ามาตรา 378(3) จำเลยจึงต้องคืนมัดจำให้โจทก์
จำเลยเป็นตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป ไม่มีการมอบอำนาจโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801 จึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้เป็นการผูกพันชาวตลาด.ซึ่งเป็นตัวการไม่ให้เรียกคืนเงินมัดจำได้
จำเลยรับเหมาปลูกสร้างตึกแถว โจทก์ประสงค์จะเช่าโดยยอมเสียเงินกินเปล่า จึงได้วางเงินมัดจำช่วยค่าก่อสร้าง แต่จำเลยก่อสร้างตึกแถวไม่ได้ เพราะกำลังเป็นความกับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินจากกรมศาสนาและเป็นผู้จ้างจำเลยปลูกสร้าง ดังนี้ ถือว่าจำเลยไม่อยู่ในฐานะที่จะทำการชำระหนี้ฝ่ายตนตอบแทนโจทก์ได้ ถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ยังไม่ออกไปจากห้องเช่าเดิมเป็นความผิดของโจทก์ จำเลยจะริบมัดจำของโจทก์ไว้ไม่ได้
จำเลยไม่สามารถทำการก่อสร้างตลาดได้เพราะกรมการศาสนาบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินที่ปลูกสร้างตลาดกับ ส. กรณีจึงเข้ามาตรา 378(3) จำเลยจึงต้องคืนมัดจำให้โจทก์
จำเลยเป็นตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป ไม่มีการมอบอำนาจโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801 จึงไม่มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้เป็นการผูกพันชาวตลาด.ซึ่งเป็นตัวการไม่ให้เรียกคืนเงินมัดจำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าซื้อรถ - สัญญาเช่าซื้อต่างจากซื้อขาย - สุจริตไม่สมบูรณ์ - อำนาจตัวแทนไม่ชัดเจน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 เป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีซื้อขาย จะนำมาอนุโลมใช้บังคับแก่กรณีเช่าซื้อไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าที่มีคำมั่นว่าจะขายเพิ่มเข้ามาด้วยเท่านั้น ไม่มีลักษณะเหมือนสัญญาซื้อขาย
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนจำนอง: ความประมาทเลินเล่อของผู้มอบอำนาจและการรับผิดต่อบุคคลที่สาม
จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้ ล. เอาที่ดินของจำเลยไปจำนองไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนข้อความในใบมอบอำนาจให้ ล. กรอกเอาเอง ต่อมา ล. กรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจว่า ล. เป็นผู้มีอำนาจจำนอง และจำนองโจทก์ไว้เป็นเงิน 200,000 บาท ดังนี้ หาทำให้การตั้งตัวแทนเป็นโมฆะไม่ แต่เป็นเรื่องที่ ล.ทำเกินอำนาจของตนซึ่ง ล. จะต้องรับผิดต่อจำเลยเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่ทางปฏิบัติของจำเลยทำให้โจทก์เชื่อว่าการที่ ล. จำนองโจทก์ถึง 200,000 บาทนั้น อยู่ในอำนาจของล. เพราะถ้าจำเลยจะให้บุคคลอื่นรู้ว่า ล. มีอำนาจจำนองได้เพียง 60,000 บาท ก็ชอบที่จะเขียนจำนวนเงินที่จะจำนองลงในหนังสือมอบอำนาจให้ปรากฏชัด การที่จำเลยละเลย ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับจำนองโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนและการรับผิดในตั๋วแลกเงิน แม้ตัวแทนปฏิบัติเกินอำนาจก็ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นความรับผิด
เพียงแต่ตัวแทนไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดอำนาจของตัวการบางอย่าง จำเลยจะอ้างมาปฏิเสธความรับผิดของตน (ในคดีนี้) ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัด แต่ตามสำนวนไม่ปรากฎหลักฐานการเป็นบริษัทจำกัดที่ชอบด้วยกฎหมายและตามคำให้การจำเลยมิได้ต่อสู้ในข้อนี้ไว้ ดังนี้จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องแสดงหลักฐานการเป็นบริษัทจำกัดของโจทก์.
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นบริษัทจำกัด แต่ตามสำนวนไม่ปรากฎหลักฐานการเป็นบริษัทจำกัดที่ชอบด้วยกฎหมายและตามคำให้การจำเลยมิได้ต่อสู้ในข้อนี้ไว้ ดังนี้จึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องแสดงหลักฐานการเป็นบริษัทจำกัดของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทน: สัญญาที่เปิดโอกาสให้ตกลงราคาได้ย่อมผูกพันตัวการ แม้มีข้อตกลงภายในจำกัดอำนาจ
ข้อความในหนังสือสัญญามอบอำนาจให้ตัวแทนตกลงลดราคาที่จะขายทรัพย์สินได้ก่อนลงนามในสัญญา ตัวการขอเพิ่มข้อความว่าจะลดราคาเกินร้อยละ 10 ต้องให้ตัวการยินยอมก่อนตัวแทนว่าข้อความในสัญญานั้นจะแก้ไม่ได้ และได้พูดว่าถ้าจะลดราคาลงเกินกว่าร้อยละ 10 ตัวแทนจะบอกให้ตัวการทราบก่อน ตัวการก็ลงนามในสัญญาโดยไม่มีการแก้ไขข้อความอย่างใด กับมีพฤติการณ์แสดงว่าถ้าลดราคาเพียงร้อยละ 10 ไม่มีทางจะขายทรัพย์สินได้สำเร็จดังนี้ไม่พอถือว่าได้มีข้อจำกัดอำนาจของตัวแทนในการที่จะลดราคาขายลงเกินกว่าร้อยละ 10
กรรมการบริษัทจำกัดลงชื่อในหนังสือ โดยไม่มีตราของบริษัทประทับ ผิดข้อบังคับของบริษัท แต่บริษัทได้เชิดกรรมการผู้นั้นออกเป็นตัวแทนตลอดมาตั้งแต่แรกและต่อจากนั้นไปอีก การกระทำของกรรมการผู้นั้นย่อมผูกพันบริษัทได้
กรรมการบริษัทจำกัดลงชื่อในหนังสือ โดยไม่มีตราของบริษัทประทับ ผิดข้อบังคับของบริษัท แต่บริษัทได้เชิดกรรมการผู้นั้นออกเป็นตัวแทนตลอดมาตั้งแต่แรกและต่อจากนั้นไปอีก การกระทำของกรรมการผู้นั้นย่อมผูกพันบริษัทได้