คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจปกครองบุตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 65 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตร: ความผูกพันทางจิตใจและสวัสดิภาพของผู้เยาว์เป็นสำคัญ
บิดามิได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 เพียงแต่ไม่สามารถปกครองดูแลผู้เยาว์ให้ได้รับความผาสุก อันอาจเป็นเหตุให้สุขภาพจิตของผู้เยาว์เสื่อมลงเท่านั้นกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะถอนอำนาจปกครองของบิดา แต่ตามพฤติการณ์ของคดีได้ความว่าความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อผู้เยาว์จะแนบแน่นมากกว่าผู้เป็นบิดา แม้มารดาได้มีโอกาสปกครองดูแลผู้เยาว์บ้างเป็นครั้งคราวชั่วระยะเวลาอันสั้น ผู้เยาว์กลับประสงค์จะอยู่กับมารดา แสดงว่าผู้เยาว์ขาดความอบอุ่นทางจิตใจขณะอยู่กับบิดาเมื่อผู้เยาว์มีความผูกพันกับมารดามากกว่าบิดา การที่ผู้เยาว์อยู่กับมารดาจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้เยาว์ จึงเห็นสมควรให้การใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์อยู่กับมารดาฝ่ายเดียวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2601/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า: มารดาผู้มีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียวให้ความยินยอมรับบุตรบุญธรรมได้
การที่บิดามารดาจดทะเบียนหย่ากันโดยมีข้อตกลงให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของมารดานั้น มีผลทำให้มารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1520,1566(6) ฉะนั้น เมื่อมารดายินยอมให้บุตรผู้เยาว์ไปเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลภายนอกแล้วก็ชอบที่จะไปดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. 2522 ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้สั่งอนุญาตแทนบิดาซึ่งหมดอำนาจปกครองแล้วอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู: พิจารณาความเหมาะสมของผู้เลี้ยงดูและความเป็นอยู่ที่ดีของบุตร
โจทก์จำเลยต่างสามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตกแก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์
คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและความเหมาะสมในการเลี้ยงดู พิจารณาจากความอบอุ่นและการดูแลใกล้ชิดจากมารดา ค่าอุปการะเลี้ยงดูไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อทั้งโจทก์จำเลยต่างสามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้รับความอบอุ่นมากกว่า จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตก แก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในคดีนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้อีกไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3035/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูหลังหย่า โดยพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละฝ่าย
โจทก์จำเลยต่าง สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะ วันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้ รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอด เวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตก แก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อ กับบุตรผู้เยาว์ได้ตาม สมควรแล้วแต่ พฤติการณ์ คดีก่อนถึง ที่สุดโดย ศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ อีก ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า: พิจารณาพฤติการณ์แย่งบุตร, ความรักความห่วงใย และการดูแลการศึกษา
การที่โจทก์จำเลยตกลงหย่าขาดจากกัน แต่ตกลงเกี่ยวกับการปกครองบุตรชายผู้เยาว์ซึ่งอายุ 3 ปีไม่ได้ บุตรจึงอยู่ในความดูแล ของจำเลยต่อมาจำเลยสมรสใหม่ โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลถอนอำนาจปกครองบุตรจากจำเลยโดยให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว จำเลยฟ้องแย้งขอให้ถอนอำนาจปกครองบุตรจากโจทก์ ให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวนั้น เมื่อเหตุที่โจทก์ออกจากบ้านจำเลยไปก็โดยมีสาเหตุเกิดทะเลาะวิวาทกับจำเลย และก็ได้นำบุตรผู้เยาว์ไปด้วย หากแต่จำเลยเป็นฝ่ายไปเอาตัวผู้เยาว์กลับคืนมาเองโดยมีพฤติการณ์ในทำนองแย่งตัวผู้เยาว์กันอยู่ไปมาเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ทอดทิ้งผู้เยาว์ไปหาได้ไม่ ทั้งพฤติการณ์ที่โจทก์ติดต่อหาโรงเรียนมีชื่อ ให้ผู้เยาว์เข้าศึกษาเล่าเรียนได้ก็แสดงให้เห็นถึงความรักและห่วงใยในตัวผู้เยาว์ของโจทก์เป็นอย่างดี จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ใช้อำนาจปกครองเกี่ยวแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบหรือประพฤติชั่วร้ายแต่อย่างใด กรณีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ.มาตรา 1582 ที่จะถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์ของโจทก์ได้ จึงให้บุตรผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของโจทก์และจำเลย โดยต่างปกครองช่วงระยะเวลาต่างวาระกัน โดยทุกช่วงภาคการศึกษาประจำปีภาคแรก ให้อยู่ในความปกครองของโจทก์ ช่วงภาคการศึกษา ประจำภาคหลัง ให้อยู่ในความปกครองของจำเลยสลับกันไปเช่นนี้จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5554/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรและการกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูหลังหย่า โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบุตร
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งบุตรคืนมาอยู่ในความปกครองของโจทก์จำเลยฟ้องแย้งขอให้บุตรเปลี่ยนไปอยู่ในความปกครองของจำเลย โดยให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนับแต่วันฟ้องด้วยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและให้เปลี่ยนผู้ปกครองบุตรจากโจทก์เป็นจำเลย และให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามฟ้องแย้งแต่ไม่ได้ระบุว่าให้ชำระตั้งแต่เมื่อใด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ดังนี้ ถือเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมให้ครบถ้วน โดยให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่า และอำนาจคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกแทนบุตรผู้เยาว์
เมื่อผู้ตายหย่ากับผู้คัดค้านได้ตกลงกันให้ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรอยู่ในความอุปการะของผู้ตายตามบันทึกหลังทะเบียนการหย่าข้อตกลงนี้เป็นแต่เพียงการกำหนดภาระหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ระหว่างผู้ตายกับผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1522 มิใช่ข้อตกลงในเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตามมาตรา 1520 อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ภายหลังการหย่ายังอยู่กับผู้ตายและผู้คัดค้านซึ่งเป็นบิดามารดาเมื่อบิดาตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ย่อมตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1566 ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์และมีอำนาจยื่นคำร้องคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกแทนผู้เยาว์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจปกครองบุตรหลังหย่าและอำนาจคัดค้านการตั้งผู้จัดการมรดกของผู้เยาว์
เมื่อผู้ตายหย่ากับผู้คัดค้านได้ตกลงกันให้ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรอยู่ในความอุปการะของผู้ตายตามบันทึกหลังทะเบียนการหย่า ข้อตกลงนี้เป็นแต่เพียงการกำหนดภาระหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ระหว่างผู้ตายกับผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1522 มิใช่ข้อตกลงในเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ตามมาตรา 1520 อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ภายหลังการหย่ายังอยู่กับผู้ตายและผู้คัดค้านซึ่งเป็นบิดามารดา เมื่อบิดาตาย อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ย่อมตกอยู่แก่มารดาตามมาตรา1566 ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์และมีอำนาจยื่นคำร้องคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกแทนผู้เยาว์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ได้จดทะเบียนสมรส และอำนาจปกครองบุตร
บทบัญญัติมาตรา 1536 ซึ่งบัญญัติว่า เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภริยาชายหรือภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามี หมายถึงเด็กที่เกิดจากหญิงขณะที่เป็นภริยาชายโดยชายหญิงได้จดทะเบียนสมรสกันแล้ว จึงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เด็กนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายผู้เป็นสามีหรือเคยเป็นสามีในกรณีที่เด็กเกิดภายในสามร้อยสิบวันนับแต่การสมรสของชายหญิงที่จดทะเบียนสมรสได้สิ้นสุดลงตามกฎหมาย
of 7