คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เขตที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงรังวัดที่ดินเพื่อตัดสินข้อพิพาท ศาลยึดตามผลรังวัดที่ตกลงกันไว้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วปักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักเขตตรงเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้พอดี ต้องถือว่าตรงนั้นเป็น เขตที่ดิน ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารขอรังวัดที่ดิน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เหตุผลคือไม่มีการยอมผ่อนผันเพื่อระงับข้อพิพาท
เอกสารมีข้อความว่า โจทก์จำเลยต่างแสดงความประสงค์ จะขอให้ช่างแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกไปรังวัดที่ดินของตนเพื่อให้ทราบเขตที่แน่นอนของโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายดังนี้ ไม่มีลักษณะที่จะระงับข้อพิพาทของคู่กรณีโดยต่างฝ่ายยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3138/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การระงับข้อพิพาทเขตที่ดินระหว่างวัดและบุคคลทั่วไป
โจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีมีข้อพิพาทกันเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์ที่ 2 กับที่ดินอันเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ซึ่งอยู่ติดต่อกันว่าอยู่ตรงที่ใด และที่ดินตรงนั้นจะเป็นของโจทก์ที่ 2 หรือของสำนักสงฆ์โจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงทำบันทึกข้อตกลงว่าให้ที่ดินตรงที่พิพาทกันนั้นตกเป็นของสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคี.ส่วนที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ขาดไปนั้น จำเลยที่ 1 ยินยอมให้รังวัดที่ดินส่วนของจำเลยที่ 1 ชดใช้โจทก์ที่ 2 จนครบข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนี้เป็นการผ่อนผันให้กันและกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 2 เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดหลุมส้วมใกล้เขตที่ดินผู้อื่น: สิทธิในการฟ้องร้องให้กลบหลุมและการใช้สิทธิโดยสุจริต
จำเลยขุดหลุมส้วมห่างเขตที่ดินโจทก์ 15 เซนติเมตร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 ไม่ว่าจะใช้ความระวังอย่างใด โจทก์ก็ขอให้กลบได้ไม่เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งเขตที่ดิน: การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นการละเมิด
จำเลยฟ้องโจทก์เรื่องที่ดินรุกล้ำเขตกันตามที่เชื่อว่าเป็นแนวเขตของจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้อง ไม่ปรากฏว่าจงใจกลั่นแกล้งฟ้องโจทก์เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสร้างส้วมใกล้เขตที่ดิน: ห้ามตามกฎหมาย แม้จะถูกสุขลักษณะ
ถังส้วมที่ใช้เป็นที่เก็บอุจจาระก็มีสภาพและลักษณะเช่นเดียวกับหลุมรับน้ำโสโครกนั่นเอง จึงรวมอยู่ในความหมายของคำว่า หลุมรับน้ำโสโครกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1342 ด้วย
เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอาคารไม่มีสิทธิจะสร้างหลุมส้วมใกล้แนวเขตที่ดินข้างเคียงภายในระยะสองเมตร ไม่ว่าจะสร้างให้แข็งแรงถูกสุขลักษณะอย่างไรก็ตาม เพราะเป็นการต้องห้ามโดยเด็ดขาดตามมาตรา 1342 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงปูโฉนดเป็นข้อแพ้ชนะ ศาลต้องวินิจฉัยตามผลการรังวัด หากผลไม่ชัดเจน ศาลไม่อาจวินิจฉัยตามข้อตกลงได้
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยตกลงกันต่างไม่ขอสืบพยานบุคคล โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินปูโฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยและให้ศาลชี้ขาดตัดสินไปตามผลแห่งการปูโฉนดคือถ้าที่ดินพิพาทที่ฝ่ายหนึ่งหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งบุกรุกอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น ดังนี้ ข้อตกลงที่คู่ความท้าเป็นข้อแพ้ชนะกันก็คือให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการปูโฉนดของทั้งสองฝ่ายและให้ศาลพิพากษาไปตามผลของการปูโฉนด คือที่ดินพิพาทอยู่ในโฉนดของฝ่ายใดก็ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น แต่ตามแผนที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินทำส่งให้ศาลนั้นไม่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของฝ่ายใด จึงยังถือไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการปูโฉนดแล้วดังที่โจทก์จำเลยตกลงท้ากัน ศาลจึงยังไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามข้อท้าของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยถือเอาข้อเท็จจริงอื่นซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อท้าของคู่ความมาวินิจฉัยนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความท้ากัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องเขตที่ดินและสิทธิในผลผลิต แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตที่เก็บไป ยังไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาชี้ขาดไปตามสัญญาประนีประนอมและคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างที่ดินของโจทก์และจำเลยจำเลยจะโต้เถียงว่าต้องแบ่งแนวเขตเป็นอย่างอื่นให้ผิดไปจากคำพิพากษาตามยอมหาได้ไม่
คดีแพ่งแดงที่ 295/2510 โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องที่ดินตรงที่ติดต่อกันในประเด็นที่ว่า มีอาณาเขตอยู่ตรงไหน จำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์หรือไม่ แต่ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 แล้วว่า ให้ถือแนวต้นมะม่วงทั้ง 12 ต้นเป็นแนวเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ต้นมะม่วงที่เป็นแนวเขตจึงเป็นของโจทก์ จำเลยเก็บผลมะม่วงนั้นไป ต้องชดใช้ค่าผลมะม่วงให้โจทก์ประเด็นในคดีนี้เป็นคนละประเด็นกับคดีแพ่งแดงที่ 295/2510 กรณีจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเขตที่ดินพิพาท: โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนหากอ้างว่าที่ดินอยู่ในโฉนดของตน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่พิพาทซึ่งอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดของโจทก์มีอาณาเขตติดกับที่ดินตามโฉนดของจำเลยจริง จำเลยไม่ได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ และว่าที่พิพาทเป็นที่ดินอยู่ในเขตโฉนดซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว ประเด็นจึงมีว่า ที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์หรือจำเลยเท่านั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน จำเลยมิได้ยอมรับว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของในโฉนด หรือต่อสู้ว่าจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ต่อโจทก์ โจทก์จะยกเอาข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 มาเป็นประโยชน์ในคดีนี้ว่าจำเลยมีหน้าที่นำสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายข้อนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ดังนี้ ย่อมไม่ได้
เมื่อศาลฟังว่า ที่พิพาทอยู่ในโฉนดของจำเลยทั้งสองมิได้ฟังว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งอยู่ในโฉนดของโจทก์ซึ่งเป็นวัด ไม่จำต้องหยิบยกเอาพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ใช้บังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนด ไม่ใช่ที่ดินในโฉนดของโจทก์ แม้จำเลยจะไม่ฟ้องแย้งด้วย ก็มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่แล้วว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์หรือของจำเลย ศาลย่อมวินิจฉัยไปตามประเด็นนั้นได้โดยไม่ต้องให้จำเลยฟ้องแย้ง คำวินิจฉัยของศาลที่เชื่อว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยพิพากษายกฟ้อง จึงเป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็น ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน: คำให้การที่อ้างกรรมสิทธิ์หรือครอบครองปรปักษ์ไม่ขัดแย้งกัน
เขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์และจำเลยอยู่ติดต่อกัน โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยรุกล้ำ จำเลยให้การว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลยหรือหากว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์ จำเลยก็ได้ครอบครองที่นั้นมาโดยปรปักษ์ เป็นคำให้การที่ใช้ได้ เพราะขณะจำเลยให้การยังไม่สามารถกำหนดได้โดยแน่ชัดว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของใครแน่ คำให้การของจำเลยจึงมีเหตุผลในการต่อสู้คดีและไม่มีนัยขัดกัน
of 7