คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าหนี้เสียเปรียบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดินที่เป็นทรัพย์สินของเจ้าหนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อตามสัญญาจะซื้อขาย
ทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนของตนให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว กลับเอาที่นี้ไปทำนิติกรรมยกให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หา อันเป็นทางให้ผู้ซื้อผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ผู้ซื้อชอบที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการยกให้นั้นได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดินหลังทำสัญญาจะขาย มีผลทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
ทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดเฉพาะส่วนของตนให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำไว้แล้ว กลับเอาที่นี้ไปทำนิติกรรมยกให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หา อันเป็นทางให้ผู้ซื้อผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ผู้ซื้อชอบที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการยกให้นั้นได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันและการเพิกถอนการซื้อขายเมื่อลูกหนี้ผิดนัด คดีนี้ใช้ ม.237 มิใช่ ม.118
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ผู้ค้ำประกันต้องชำระแทนจึงถือว่าผู้ค้ำประกันตกเป็นลูกหนี้ตั้งแต่ลูกหนี้ผิดนัดนั้นเป็นต้นไป ถ้าผู้ค้ำประกันโอนทรัพย์ของตนไปภายหลังระยะเวลานี้เป็นทางทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบแล้วเจ้าหนี้อาจขอให้เพิกถอนได้การสมยอมกันโอนขายทรัพย์ไปโดยปราศจากเจตนาลวงระหว่างคู่กรณี แต่เป็นทางทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบต้องบังคับตาม ม. 237 มิใช่ 118

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินสมยอมเจ้าหนี้เสียเปรียบ โมฆะ แม้ไม่ได้ฟ้องเพิกถอน
ภริยารู้แล้วว่าสามีจะถูกฟ้องเรื่องหนี้สิน จึงโอนสินบริคณห์ให้แก่บุตร์ของตนอันเกิดด้วยสามีเดิมไปดังนี้ ต้องถือว่าการโอนเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมกระทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
โจทก์ยึดทรัพย์จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้องๆ ขัดทรัพย์ว่าเป็นของตน โจทก์แถลงว่าการโอนนั้นทำโดยสมยอมใช้ไม่ได้ดังนี้ ศาลมีอำนาจที่จะชี้ขาดปัญหานี้ได้โดยโจทก์มิต้องไปฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนนั้นก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยเสน่หาและการเพิกถอนได้เมื่อเจ้าหนี้เสียเปรียบ
บิดายอมให้บุตร์นำเจ้าพนักงานรังวัดใส่ชื่อบุตร์เป็นเจ้าของที่ดินบุตร์ยังหาได้ที่เป็นสิทธิไม่เพราะเป็นแต่เพียงแสดงความตั้งใจจะยกให้เท่านั้น อ้างฎีกาที่ 200/2463 ที่ 369/2468 ที่ 641/2469 ป.พ.พ.ม.112-237 บิดายอมให้บุตร์นำเจ้าพนักงานรังวัดใส่ชื่อบุตร์เป็นเจ้าของที่แล้วเจ้าพนักงานก็ได้ออกใบไต่สวนแลโฉนดให้บุตร์ ถือว่าเป็นการที่บิดายกที่ดินให้บุตร์โดยเสน่หานิติกรรมที่ลูกหนี้ทำให้โดยเสน่หา แม้ลูกหนี้ฝ่ายเดียวเป็นผู้รู้ว่าเป็นทางทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบเจ้าหนี้ก็ชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ วิธีพิจารณาแพ่ง
ร้องขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016-1018/2477

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉล: ต้องพิสูจน์ว่าผู้ได้ลาภงอกรู้ถึงข้อตกลงที่เป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
การฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉลตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๓๗ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า "เจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่ความข้อนี้ท่านมิให้บังคับ ถ้าปรากฏว่าในขณะทำนิติกรรมนั้น บุคคลซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้นมิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย..."แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าขณะที่ทำนิติกรรมจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทนั้น จำเลยที่ ๓รู้ว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ที่ให้สิทธิโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทคืน ดังนี้ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้องมาในคำฟ้อง ยังไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ฉบับลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามคำขอบังคับของโจทก์ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ได้ ทั้งนี้ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ ๓ มิได้ให้การต่อสู้ในเหตุนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๖ ประกอบมาตรา ๑๔๒ (๕)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ภาษีอากรเป็นการฉ้อฉล แม้มีการผ่อนชำระหนี้
จำเลยที่ 1 รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 มีหนี้ค่าภาษีอากรที่ค้างชำระแก่กรมสรรพากรโจทก์ แม้จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์ทุกเดือน และในระหว่างผ่อนชำระโจทก์จะไม่ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ที่ดินแก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบไม่อาจบังคับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1 ได้ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์อีกต่อไป เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินที่โจทก์จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ การที่โจทก์จะไม่ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์นั้นไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใดอันจะเป็นทางให้โจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบหากเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ค่าภาษีอากรต่อไป การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ที่ดินแก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการฉ้อฉล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ภาษีอากรเป็นการฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 รู้อยู่แล้วว่ามีหนี้ค่าภาษีอากรค้างชำระแก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์ทุกเดือน และในระหว่างผ่อนชำระโจทก์จะไม่ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ที่ดินแก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบไม่อาจบังคับชำระหนี้ได้ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นที่โจทก์จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ การที่โจทก์ยังไม่ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่ผ่อนชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์นั้น ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 สามารถทำนิติกรรมใดอันจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ การที่จำเลยที่ 1 จดทะเบียนให้ที่ดินแก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการฉ้อฉล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6026/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากเจ้าหนี้เสียเปรียบจากข้อมูลที่ผู้ซื้อทราบก่อน และการผิดสัญญาของผู้ขาย
ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและอาคารพิพาทไม่ได้มีข้อสัญญาห้ามมิให้นำสินค้าของโจทก์คือถังแก๊สหุงต้มเข้าไปในอาคารพิพาท อาคารพิพาทเป็นอาคารพาณิชย์โจทก์ซื้อมาเพื่อทำการค้า การขายแก๊สหุงต้มเป็นอาชีพสุจริตไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่เหมือนกับการขายยาเสพติด แม้การขนย้ายถังแก๊สหุงต้มเข้าไปในอาคารพิพาทจะไม่ได้แจ้งต่อทางราชการ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้เพราะเป็นคนละส่วนกับสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและอาคารพิพาท จำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่โจทก์ตามสัญญา จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องเสียค่าปรับให้โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท
หลังจากโจทก์โอนขายอาคารพาณิชย์ของตนให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในอาคารพิพาท และจำเลยที่ 2 รู้ว่าโจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและอาคารพิพาทกับจำเลยที่ 1 ก่อนที่จำเลยที่ 1 จะโอนขายที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่ตน จำเลยที่ 2 รู้ถึงความจริงข้อนี้อันเป็นทางให้โจทก์ต้องเสียเปรียบ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จึงมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและอาคารพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 237 แม้โจทก์จะไม่ใช่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 ก็ตาม
of 3