พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นประมาท และผลกระทบต่อการบรรยายฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาข้อเท็จจริงในทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยทำให้คนตายโดยประมาทเมื่อโจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทมาในฟ้อง จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นเจตนาได้หลังอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นเจตนาหลังศาลชั้นต้นพิพากษา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 และศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดทำร้ายร่างกาย: การเปลี่ยนแปลงข้อหาในชั้นพิจารณา
โจทก์จำเลยถูกอัยการฟ้องหาว่า ต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันบนถนนหลวง ศาลฟังว่าเป็นการทำร้ายฝ่ายเดียวได้ชื่อว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้อง ดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องจำเลยในการกระทำคราวนั้นอีกว่าจำเลยทำร้ายโจทก์ฝ่ายเดียวถึงบาดเจ็บไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
(อ้างฎีกาที่2019/2492 ประชุมใหญ่)
(อ้างฎีกาที่2019/2492 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อัน พบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจ ๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงิน ค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่น ๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัส ดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากชิงทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยอื่นที่ไม่ฎีกา
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันชิงทรัพย์ จำเลยผู้เดียวฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายเท่านั้นดังนี้เป็นเหตุในลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ให้ได้รับผลดีตามคำพิพากษาด้วยได้
ฟ้องว่าชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายบาดเจ็บพิจารณาว่าทำร้ายร่างกาย ลงโทษได้
ฟ้องว่าชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายบาดเจ็บพิจารณาว่าทำร้ายร่างกาย ลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นลักทรัพย์ และการอุทธรณ์คำพิพากษา
โจทก์ฟ้องหาฐานปล้นทรัพย์ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากชิงทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย: ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษ
แก้มาก ศาลเดิมพิพากษาให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ตาม ม.300 จำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดฐานทำร้ายร่างกายต่าง ม.254 ให้จำคุก 6 เดือน ดังนี้เป็นแก้มาก คู่ความฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย และผลกระทบต่อโทษจำคุก
แก้มาก ศาลเดิมลงโทษจำเลยตาม ม.249-59 ให้จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตามมาตรา 251 จำคุก 5 ปีดังนี้ เป็นแก้มากเจตนาหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เทียบฎีกาที่ 95/2474
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากขาดหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างบาดแผลและการเสียชีวิต
ศาลเดิมลงโทษจำเลยตาม ม.251 ให้จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตามมาตรา 254 จำคุก + เดือนเป็นแก้ไขมา อ้างฎีกาที่ 524/2464 แล 968/2474