พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันหลังคดีอาญาถึงที่สุด โดยอาศัยบทบัญญัติกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย
การที่จะรื้อฟื้นเอาคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว มาเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรค 2 และมาตรา 3
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี ม.41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 ม.8,9 ต้องนำบทบัญญัติม.41 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี ม.41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 ม.8,9 ต้องนำบทบัญญัติม.41 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันหลังคำพิพากษาถึงที่สุด โดยอาศัยกฎหมายที่บัญญัติขึ้นใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย
การที่จะรื้อฟื้นเอาคำพิพากษาในคดีอาญาถึงที่สุดแล้วมาเปลี่ยนแปลงได้ จะต้องอาศัยอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 3
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี มาตรา41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วยซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 มาตรา8,9. ต้องนำบทบัญญัติ มาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 12 ถึง 16 ได้บัญญัติเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยไว้และได้มี มาตรา41 บัญญัติถึงเงื่อนไขในการที่จะกักกันไว้ด้วยซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 มาตรา8,9. ต้องนำบทบัญญัติ มาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่บัญญัติภายหลังเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการพิจารณาคำฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ให้รอการลงอาญา เป็นการแก้ มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการไม่ขัดขวางสิทธิในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ให้รอการลงอาญา เป็นการแก้มากไม่ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามมาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากลักทรัพย์เป็นรับของโจรในชั้นอุทธรณ์ ทำให้จำกัดสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และการพิจารณาการรอการลงอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 โดยให้จำคุก 2 ปี ปรับ 400 บาท ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี ปรับ 200 บาทโทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุก3 ปี ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนไม่รอการลงอาญา ดังนี้ ถือว่าแก้มากคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และผลกระทบต่อการรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 1 ปี ลดตาม กฎหมาย มาตรา 59หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือนแต่ให้รอการลงอาญาไว้ศาลอุทธรณ์แก้กำหนดโทษเป็น 3 ปีลดตาม มาตรา 59 เหลือ 2 ปี เช่นนี้เป็นการแก้มาก คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2486
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากพยายามชิงทรัพย์เป็นพยายามลักทรัพย์และการกำหนดโทษที่เหมาะสม
ฟ้องว่าพยายามชิงทรัพย์ ได้ความพยายามลักทรัพย์ ไม่เรียกว่าข้อเท็ดจิงต่างฟ้อง
สาลขั้นต้นลงโทสถานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 293-60 กับถานทำร้ายสาหัสตามมาตรา 256 รวมกะทงลงโทสจำคุก 2 ปี 6 เดือน โจทอุธรน์ขอไห้ลงโทสถานพยายามชิงทรัพย์สาลอุธรน์พิพากสาแก้ลงโทสตามมาตรา 294-60 จำคุก 1 ปี 6 เดือนได้
สาลขั้นต้นลงโทสถานพยายามลักทรัพย์ตามมาตรา 293-60 กับถานทำร้ายสาหัสตามมาตรา 256 รวมกะทงลงโทสจำคุก 2 ปี 6 เดือน โจทอุธรน์ขอไห้ลงโทสถานพยายามชิงทรัพย์สาลอุธรน์พิพากสาแก้ลงโทสตามมาตรา 294-60 จำคุก 1 ปี 6 เดือนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษทางอาญาจากศาลชั้นต้นสู่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา กรณีทำร้ายร่างกาย
สาลชั้นต้นลงโทสตาม ม.256 จำคุก 3 ปี สาลอุธรน์ลงโทสตาม ม.254 จำคุก 3 เดือนนับว่าแก้มาก ดีกาได้ทั้งปัญหาข้อเท็ดจิงและข้อกดหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสเป็นเพียงทำร้ายร่างกาย ศาลฎีกาตัดสินว่าฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปีตามกฏหมายอาญามาตรา 256 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีตามกฎหมายอาญามาตรา 254 ดังนี้เป็นการแก้น้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
บาดเจ็บถึงสาหัสหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง
อ้างฎีกาที่ 1264/2481
บาดเจ็บถึงสาหัสหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง
อ้างฎีกาที่ 1264/2481