คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เรียกร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแรงงาน: การเรียกร้องสิทธิจากการเลิกจ้างต้องทำในคราวเดียวกัน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยสาเหตุเนื่องจากจำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์และได้กล่าวฟ้องโดยอาศัยบทบัญญัติมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ซึ่งในการพิจารณาของศาลอาจบังคับให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือไม่รับกลับเข้าทำงาน โดยกำหนดให้นายจ้างชดใช้ค่าเสียหายให้ลูกจ้างแทนการกลับเข้าทำงานก็ได้ ดังนั้นเมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกร้องต่อจำเลยประการใดอันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวเนื่องกับการเลิกจ้างนั้น โจทก์ย่อมต้องใช้สิทธิเรียกร้องมาในคราวเดียวกันทั้งหมด การที่โจทก์มิได้เรียกร้องค่าจ้าง ค่าครองชีพ เงินช่วยเหลือบุตร สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินบำเหน็จ ค่าชดเชย และเงินประกันเสียในคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดไปแล้วแต่กลับมาเรียกร้องเป็นคดีหลัง ฟ้องโจทก์คดีหลังจึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินวางศาลชำระหนี้ตามคำพิพากษา: กรอบเวลา 5 ปีในการเรียกร้อง มิฉะนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิ์ได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิ์มิได้เรียกร้องเอาภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4251/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องกรณีลักทรัพย์และการรวมตัวของลูกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยหากไม่มีความเสียหาย
โจทก์เป็นผู้นำเรียกร้องให้จำเลยชี้แจงกรณีด.ลูกจ้างคนหนึ่งของจำเลยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ของจำเลย กับนัดแนะให้ลูกจ้างรวมตัวกันเพื่อกระทำการอย่างหนึ่ง เมื่อจำเลยให้ตำรวจชี้แจงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โจทก์ยังไม่พอใจได้นัดแนะให้ลูกจ้างคอยฟังรายละเอียดในตอนเย็นวันนั้น เมื่อการกระทำของโจทก์ดังกล่าวศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังไม่ได้รับความเสียหาย กรณีจึงยังไม่เข้าเหตุตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ว่าลูกจ้างได้ทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเสียหายซึ่งจำเลยถือเป็นเหตุที่ร้ายแรง ถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 และยังไม่เป็นความผิดอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าว จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องดอกเบี้ยจากเงินมรดกที่เคยฟ้องไปแล้ว ศาลยกฟ้อง
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของพ.ได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกบางส่วนไปฝากประจำไว้ที่ธนาคารในนามของกองมรดกโดยไม่แบ่งให้โจทก์ จนเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนโจทก์ทราบดีว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้นำเงินค่าขายที่ดินมรดกอันเป็นส่วนแบ่งของโจทก์ไปฝากธนาคาร ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนโจทก์ชอบ ที่จะเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบดอกเบี้ยของเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์เสียในคราวเดียวกันได้ แต่กลับมาฟ้องเรียกร้อง เป็นคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ร่วมประกันตัว จำเลยหลบหนี ศาลปรับ โจทก์ชำระแทน มีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ร่วม
โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันประกันตัวจำเลยในคดีอาญาแล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ ศาลได้บังคับคดีเอาที่ดินที่โจทก์นำมาประกันขายทอดตลาด ถือได้ว่าโจทก์ได้ชำระค่าปรับในนามของโจทก์กับจำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดคนละส่วนเท่าๆ กันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยสมัครใจของผู้ซื้อก่อนผิดสัญญา ทำให้ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทรัพย์สินที่ถมลงในที่ดิน
การที่โจทก์ใใช้ทราย ดินลูกรัง และดิน ถมลงในที่ดินที่โจทก์จะซื้อจากจำเลย โดยจำเลยรู้เห็นยินยอม อันเป็นการกระทำโดยสมัครใจของโจทก์ เพราะโจทก์เชื่อว่าตนจะไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ แม้จำเลยจะได้ทรัพย์ดังกล่าวมาในฐานลากมิควรได้ และจำเลยว่าถ้าโจทก์จะขุดเอาดินที่ถมในที่ดินก็ยอมให้ขุดเอาไปได้ก็ตาม แต่เมื่อต่อมาโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแก่โจทก์โดยชอบแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาทราย ดินลูกรัง และดินที่ถมไว้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้และการเรียกร้องค่าทรัพย์สิน: จำเลยสละสิทธิหักกลบลบหนี้ ทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าทรัพย์สินได้
เมื่อจำเลยแถลงไม่ขอเอาหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่โจทก์ทำให้ไว้และยังโต้เถียงกันอยู่มาหักกลบลบหนี้กับเงินค่าโคที่โจทก์ฟ้องเรียกร้องจากจำเลยในคดีนี้ จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะยึดเงินค่าโคของโจทก์ไว้ต่อไป โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาโคแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2937/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิดเดิมที่มิได้ฟ้องในคดีเดิม
เดิม ป. ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายสำหรับปี พ.ศ. 2511 คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและให้ใช้ค่าเสียหาย อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาปี 2516 แล้ว ป. ตาย โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในการละเมิดดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ถึงปี พ.ศ. 2516 ดังนี้ เมื่อการละเมิดตามฟ้องเกิดขึ้นและติดต่อกันมาตั้งแต่คดีเดิม ป. มีทางเรียกร้องในคดีเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่เรียกร้อง จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าจ้างจากสัญญาจ้างทำของ เริ่มนับแต่วันเลิกสัญญา
จำเลยจ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้ดำเนินคดีให้จำเลย สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ จำเลยผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 เมื่อเลิกจ้างแล้วจำเลยต้องใช้เงินให้โจทก์ตามควรค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามมาตรานี้เกิดขึ้นเมื่อเลิกสัญญากัน และมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของคนต่างด้าวในการฟ้องคดีที่ดิน แม้ไม่ได้กรรมสิทธิ์ แต่มีสิทธิเรียกร้อง
กฎหมายที่ดินมิได้ห้ามคนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยเด็ดขาด แม้ว่าโจทก์จะเป็นคนต่างด้าวก็มีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดิน โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของจำเลย แต่ยกฟ้องเพราะบังคับให้คืนเงินตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาได้ว่าที่ดินเป็นของจำเลย
of 6