พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็คเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็ค และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้สลักหลังเช็คให้ชำระเงินตามเช็คพิพาท แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็ค เพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายไว้ จำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คยังคงเป็นผู้เสียหาย แม้จะมอบเช็คให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ ช. ไปอย่างใดโจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้ทรงเช็คยังเป็นผู้เสียหาย แม้จะให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ ช. ไปแต่อย่างใด โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค กรณีเช็คขีดคร่อมและการมอบหมายให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
ช. มายืมเงินจากโจทก์แล้วมอบเช็คสองฉบับซึ่งมีจำหน่ายเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ แต่เช็คทั้งสองฉบับเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายแก่ผู้ซื้อ โจทก์ไม่มีเงินฝากในธนาคาร จึงนำเช็คดังกล่าวไปให้ ก. เพื่อเข้าบัญชีของ ก. เพื่อเรียกเก็บเงิน ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คพิพาทสองฉบับนั้น หากเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเช็ค: การต่อสู้เรื่องผู้ทรงโดยชอบ/เจตนาทุจริตในการเรียกเก็บเงิน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายชำระหนี้ค่าเช่าและค่าซื้อกรรมสิทธิ์ภาพยนตร์ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทำสัญญาซื้อกากฟิล์มภาพยนตร์จาก ล. และ พ. บุคคลทั้งสองมอบให้บริษัท น. ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการเป็นตัวแทนนำฟิล์มภาพยนตร์ดังกล่าวมอบให้จำเลย และรับมอบเช็คของจำเลยไว้ โจทก์สมคบกับ ล. และ พ. ไม่นำกากฟิล์มภาพยนตร์ส่งจำเลยให้ครบ และนำกากฟิล์มไปจำนำต่อบุคคลอื่น ให้บุคคลอื่นฉายหาประโยชน์ทำให้โจทก์เสียหายแสดงว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คที่โจทก์ฟ้องไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระ และโจทก์กับ ล. และ พ. คบคิดกันไม่สุจริต นำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยนั้นเองจึงมีประเด็นที่จะต้องนำสืบพยานกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารประมาทเลินเล่อเรียกเก็บเช็คเข้าบัญชีบุคคลอื่น แม้สุจริตแต่เจ้าของเช็คมีสิทธิเรียกร้อง
ชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY เป็นชื่อที่ตัวโจทก์ขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์เพื่อใช้ในการประกอบพาณิชยกิจและนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้แล้วโจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อนั้นโดยชอบเมื่อเช็คที่พิพาทระบุชื่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบ ก. เป็นแต่ผู้ทำการแทนร้านและเซ็นสัญญาในนามของร้านไม่ใช่ผู้มีชื่อที่ระบุในเช็คก. จึงไม่ใช่ผู้ทรงเมื่อโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของธนาคารจำเลย จึงมีอำนาจฟ้อง
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อมพร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทนแต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก.เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อแม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริงแต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็คธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000
เช็คพิพาทระบุชื่อ SALWEENINDENTINGAGENCY ซึ่งเป็นชื่อโจทก์จดทะเบียนต่อนายทะเบียนพาณิชย์แล้วเป็นผู้ถือและขีดคร่อมพร้อมทั้งเขียนคำสั่งว่า ACCOUNTPAYEEONLY คือเป็นทำนองห้ามเปลี่ยนมือ ปรากฏว่าโจทก์ถอน ก. จากการเป็นตัวแทนเสียแล้ว ก.ไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของตนได้ถึงแม้ว่าธนาคารจำเลยเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตไม่ทราบเรื่องการบอกเลิกการเป็นตัวแทนแต่การที่ธนาคารจำเลยนำเช็คเข้าบัญชีของ ก.เท่ากับเป็นการนำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีส่วนตัวของ ก. โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นทางให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ได้เป็นทางปฏิบัติที่ธนาคารทั้งหลายไม่พึงกระทำถือว่าธนาคารจำเลยประมาทเลินเล่อแม้ธนาคารจำเลยจะสุจริตจริงแต่เมื่อ ก. ไม่มีสิทธิในเช็คธนาคารจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้น กรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1000
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเกินอัตราเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอโดยชอบให้จัดทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้ราษฎร ซึ่งก็ได้จัดทำให้โดยชอบด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่ทำชอบไม่ตลอดโดยในระหว่างนั้นได้เรียกเงินเกินอัตราที่กำหนดไว้ตามกฎหมายจากราษฎรที่นำโคกระบือมาทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณเพื่อประโยชน์ตนเสีย โดยไม่ปรากฏว่าได้ข่มขืนใจหรือจูใจราษฎรเหล่านั้นแต่อย่างใด ทั้งไม่ปราฏกว่าเป็นการเรียกเงินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง เช่นนี้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 149 แต่ผิดตามมาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเกินอัตราเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่ทุจริต
จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอโดยชอบให้จัดทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้ราษฎร ซึ่งก็ได้จัดทำให้โดยชอบด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่ทำชอบไม่ตลอดโดยในระหว่างนั้นได้เรียกเงินเกินอัตราที่กำหนดไว้ตามกฎหมายจากราษฎรที่นำโคกระบือมาทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณเพื่อประโยชน์ตนเสียโดยไม่ปรากฏว่าได้ข่มขืนใจหรือจูงใจราษฎรเหล่านั้นแต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าเป็นการเรียกเงินเพื่อกระทำการไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง เช่นนี้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 149 แต่ผิดตามมาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจำกัดสิทธิใช้ทางสาธารณะและการเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ได้รับอนุญาตจากทางการจังหวัดเชียงใหม่ให้ซ่อมสะพานและงานดินในถนนสายจากอำเภอแม่แตงถึงอำเภอพร้าวซึ่งเป็นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยเฉพาะ จำเลยได้ทำสัญญาจะช่วยเหลือในการซ่อมสะพานและถนน โดยถืออัตรา 12,000 บาทต่อรถยนต์ของจำเลย 1 คันซึ่งเดินรับส่งคนโดยสารในถนนสายนั้นดังนี้ โจทก์หามีอำนาจเรียกเก็บจากจำเลยตามสัญญาได้ไม่ เพราะเอกชนไม่มีอำนาจปิดกั้นทางหลวงไม่ว่าประเภทใด มิให้บุคคลหรือยวดยานสัญจรไปมา แม้แต่ทางหลวงสัมปทานตามพระราชบัญญติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ.2473 มาตรา 30 และสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเรียกเก็บเงินเกินหน้าที่ และการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของผู้อื่น
เสมียนวิสามัญในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงลอยหาบเร่ส่งต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นเจ้าพนักงานท่านใช้ให้มีหน้าที่เก็บทรัพย์อันต้องส่งต่อรัฐบาล เมื่อเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ จึงได้ชื่อว่าเรียกเก็บเงินหรือทรัพย์ที่ไม่ควรจะเก็บตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 135 ส่วนความผิดตามมาตรา 136 นั้น พนักงานผู้กระทำผิดจะต้องใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง และต้องบังคับให้เขาให้ หรือให้เขา +ทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ +ควรจะได้ตาม ก.ม. ให้แก่ตัวเองหรือแก่ผู้อื่น การบังคับให้เขา+ทรัพย์ โดยอ้างว่าผู้อื่นให้มาเอา โดยการอาศัยอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของผู้อื่น ไม่ใช่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ทั้งเงินที่ +เอานั้นก็อ้างว่าจะไปส่งต่อองค์+ รัฐบาล ไม่ใช่ตัวเอาเองหรือให้+อื่นดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตามมาตรา 136 +ฎีกาโจทก์กล่าววันในฟ้องและจำนวนเงินผิด +เพราะการพลั้งเผลอยังไม่พอจะเป็นเหตุ +ฎีกาโจทก์ ศาลต้องถือเอาฟ้องเดิม +โจทก์เป็นประมาณ