พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกโดยมีเหตุอันควร: การเข้าเรือนโดยได้รับเชิญจากบุคคลใกล้ชิด แม้ผู้ปกครองไม่ยินยอม
จำเลยเข้าไปในเรือนของผู้เสียหายกลางคืนเวลา 1 นาฬิกาโดยบุตรีของผู้เสียหายซึ่งรักใคร่กับจำเลยมาก่อนนัดให้เข้าไปและพาขึ้นเรือนนั้น นับว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันควร แม้ว่าผู้เสียหายและภรรยาไม่อนุญาต ก็เป็นไปตามวิสัยของเรื่องเช่นนี้ที่ต้องปิดบัง ดังนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364ประกอบด้วยมาตรา 365(2)(3) (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากเรือน (อสังหาริมทรัพย์) ที่มิได้จดทะเบียนเป็นโมฆะ ทำให้สิทธิในเรือนยังคงเป็นของจำเลย
เมื่อจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ เรือนพิพาทย่อมมีสภาพติดอยู่กับดิน ไม่อาจเคลื่อนจากที่ได้ จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์
ตามสำเนาสัญญาขายฝากท้ายฟ้องโจทก์ โจทก์จำเลยมีเจตนาขายฝากเรือนพิพาทอย่างเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสัญญานั้นมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงตกเป็นโมฆะ
ตามสำเนาสัญญาขายฝากท้ายฟ้องโจทก์ โจทก์จำเลยมีเจตนาขายฝากเรือนพิพาทอย่างเป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสัญญานั้นมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนมือของเรือนเป็นเรือนหอและอำนาจยึดทรัพย์ การให้เงินค่าเรือนหอทำให้เรือนตกเป็นสินเดิมของจำเลย
เรือนพิพาทเดิมเป็นของผู้ร้องและปลูกอยู่ในที่ดินของผู้ร้องเมื่อจำเลยมาแต่งงานกับบุตรสาวของผู้ร้องฝ่ายผู้ร้องได้เรียกเอาเงินเป็นค่าเรือนหอและมอบเรือนนั้นให้เป็นที่อยู่อาศัยของคู่สมรสเรือนนั้นจึงเปลี่ยนมือจากผู้ร้องมาเป็นเรือนหออันเป็นสินเดิมของจำเลย กรณีมิใช่เรื่องซื้อขายหรือยกให้ไม่จำต้องมีการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 เรือนพิพาทเป็นของจำเลย ดังแบบอย่างฎีกาที่ 1693/2500
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารพยานไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
โจทก์ขอ และศาลสั่งให้เจ้าพนักงานศาลนำเอกสารพยานไปส่งกองวิทยาการ กรมตำรวจ เพื่อตรวจพิสูจน์ ค่าพาหนะและค่าป่วยการที่โจทก์เสียให้เจ้าพนักงานศาลนี้ นับเป็นค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161ซึ่งผู้แพ้คดีจะต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนจากการยืมสัมภาระ: การยืมใช้สิ้นเปลือง vs. การใช้สัมภาระของผู้อื่นทำสิ่งใหม่
สัมภาระจะต้องเป็นของบุคคลอื่นอยู่ในขณะที่ได้เอาสัมภาระนั้นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นใหม่ กรณีจึงจะต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1317
จำเลยยืมไม้และสังกระสีของผู้ร้องเพื่อปลูกเรือน ซึ่งอาจต้องเอามาบั่นทอนตัดตัดฟันแปรสภาพไปเป็นตัวเรือน และตามปกติ เมื่อยืมมาใช้เช่นนี้ ก็หมายความว่าเอาทรัพย์นั้น ๆ มาขาดทีเดียว ไม่ใช่จะเอาทรัพย์นั้นไปคืนอีก จึงถือว่าเป็นการยืมใช้สิ้นเปลือง กรรมสิทธิ์ในเรือนนั้นโอนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650.
จำเลยยืมไม้และสังกระสีของผู้ร้องเพื่อปลูกเรือน ซึ่งอาจต้องเอามาบั่นทอนตัดตัดฟันแปรสภาพไปเป็นตัวเรือน และตามปกติ เมื่อยืมมาใช้เช่นนี้ ก็หมายความว่าเอาทรัพย์นั้น ๆ มาขาดทีเดียว ไม่ใช่จะเอาทรัพย์นั้นไปคืนอีก จึงถือว่าเป็นการยืมใช้สิ้นเปลือง กรรมสิทธิ์ในเรือนนั้นโอนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินและเรือน การยกทรัพย์สินให้ผู้อื่น และการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
เมื่อคดีไม่มีประเด็นหรือไม่ได้นำสืบกันมาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ศาลจะยกคำให้การของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ในคดีก่อนมาฟังว่า เป็นที่บ้านที่สวนโดยคู่ความคดีนี้มิได้อ้างเป็นพยานและไม่ใช่พยานของศาลด้วย ไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่บ้านที่สวนมือเปล่าธรรมดา ที่ต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชน์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครอง เมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้เกิน 1 ปี แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จำทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับได้สิทธิครอบครองแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1101/2504)
การยกไม้ 3 ตันให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม่ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้ เรือนนั้นจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่บ้านที่สวนมือเปล่าธรรมดา ที่ต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชน์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครอง เมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้เกิน 1 ปี แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จำทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับได้สิทธิครอบครองแล้ว (อ้างฎีกาที่ 1101/2504)
การยกไม้ 3 ตันให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม่ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้ เรือนนั้นจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดิน-เรือน: สิทธิจากการยกให้และข้อตกลงการอยู่อาศัย
เมื่อคดีไม่มีประเด็นหรือไม่ได้นำสืบกันมาว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ ศาลจะยกคำให้การของผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินรายนี้ในคดีก่อนมาฟังว่า เป็นที่บ้าน ที่สวนโดยคู่ความคดีนี้มิได้อ้างเป็นพยาน และไม่ใช่พยานของศาลด้วย ไม่ได้
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่มือเปล่าธรรมดา ต้องบังคับกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครองเมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จะทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับก็ได้สิทธิครอบครองแล้ว
การยกไม้ 3 ต้น ให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม้ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้เรือนจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
ในกรณีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นที่มือเปล่าธรรมดา ต้องบังคับกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ยึดถือมีแต่สิทธิครอบครองเมื่อสละและโอนการครอบครองให้ผู้รับยกให้แล้ว ย่อมขาดสิทธิ แม้การยกให้จะทำไม่ถูกแบบตามมาตรา 525 ผู้รับก็ได้สิทธิครอบครองแล้ว
การยกไม้ 3 ต้น ให้เขาออกทุนปลูกเรือนขึ้นโดยตกลงกันให้เจ้าของไม้ได้อยู่อาศัยด้วยจนตลอดชีวิตนั้น เป็นเรื่องยกไม้ให้เขา ไม่ใช่ยกเรือนให้เรือนจึงเป็นของผู้ออกทุนปลูกสร้างฝ่ายเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นส่วนควบของเรือน: พิจารณาจากความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ร่วมกันและการแยกออกจากกันโดยไม่ทำให้เสียหาย
จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน 2 หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้ เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจเแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรง อย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหาย หรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1408/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบของเรือน: การพิจารณาความเป็นสาระสำคัญและการแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เสียหาย
จำเลยสร้างเรือนพิพาทขึ้นเพื่ออยู่กับครอบครัว โดยแยกจากผู้ร้อง ผู้ร้องมีเรือน 2 หลังแฝดอยู่แล้ว เรือนพิพาทปลูกติดกับนอกชานเรือนผู้ร้อง เอาเสาต้นสั้นเกาะจากนอกชาน ถ้าไม่อาศัยเสานอกชานบ้านเก่าด้วยจะปลูกไม่ได้ เช่นนี้เรือนรายพิพาทมิได้เป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของเรือนผู้ร้อง และอาจแยกจากกันได้โดยไม่ทำให้เรือนผู้ร้องเสียหายหรือเปลี่ยนรูปทรงอย่างใด เรือนพิพาทจึงมิใช่ส่วนควบของเรือนผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้ออ้างเรื่องสถานะทางกฎหมายของเรือน (อสังหาริมทรัพย์/สังหาริมทรัพย์) และขอบเขตการสืบพยานที่ต้องเป็นไปตามประเด็นที่ตั้งไว้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ได้ซื้อเรือนที่โจทก์นำยึดโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแล้ว ขอให้ถอนการยึด แต่จะขอสืบพยานว่าขัดข้องในการจดทะเบียน เพราะเจ้าของที่ดินไม่ยอม จึงได้จัดการที่จะรื้อถอนไปซึ่งเป็นการซื้อสังหาริมทรัพย์เพียงแต่ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือก็ใช้ได้เช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบพยานผิดไปจากที่ตั้งประเด็นวิวาทไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายฝากเรือนในที่เช่า สิทธิเช่าไม่ตกติดไปกับการขายฝาก
การขายฝากเรือนในที่เช่า แม้เรือนจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม เมื่อไม่มีข้อตกลงไว้เป็นอย่างอื่น สิทธิในการเช่าก็หาตกติดมากับการขายฝากเรือนด้วยไม่