คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุจำเป็น

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 112 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาอุทธรณ์ภาษี: เหตุจำเป็น, คำสั่งไม่อนุมัติ, สิทธิในการอุทธรณ์, ศาลภาษีอากรกลาง
กรณีที่ผู้รับการประเมินมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ย่อมมีสิทธิที่จะขอให้อธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาในการยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ออกไปได้หากอธิบดีกรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้รับการประเมินมีเหตุจำเป็นจนไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาการอุทธรณ์การประเมินได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา30แต่กลับสั่งไม่อนุมัติให้ขยายหรือเลื่อนกำหนดเวลาออกไปแก่ผู้รับการประเมินตามความจำเป็นแก่กรณีเป็นการขัดขวางมิให้ผู้รับการประเมินได้รับสิทธิในการพิจารณาอุทธรณ์จากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และสิทธิในการอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลคำสั่งของอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้รับการประเมินมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ศาลภาษีอากรกลางเพิกถอนคำสั่งอันไม่ชอบด้วยกฎหมายของอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวได้เพื่อให้ศาลภาษีอากรกลางแก้ไขคำสั่งของอธิบดีกรมสรรพากรเสียใหม่ให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของประมวลรัษฎากรมาตรา3อัฏฐต่อไปโดยถือว่าคำสั่งของอธิบดีกรมสรรพากรดังกล่าวเป็นคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรมิฉะนั้นผู้รับการประเมินย่อมไม่มีโอกาสที่จะได้รับสิทธิตามที่ประมวลรัษฎากรมาตรา3อัฎฐและมาตรา30บัญญัติไว้นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5215/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุจำเป็นในการใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตจากผู้มีนิสัยอันตราย
ผู้ตายมีนิสัยเป็นนักเลงอันธพาลใจคอดุร้ายวันเกิดเหตุผู้ตายได้กล่าวคำอาฆาตจำเลยกับบุตรจำเลยแล้วดื่มสุราก่อนมาหาจำเลยเมื่อผู้ตายเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลยจำเลยบอกให้ผู้ตายหยุดแต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดและเดินตรงเข้าหาจำเลยระยะห่างเพียง5วาพฤติการณ์ของผู้ตายส่อลักษณะอาการที่มุ่งร้ายต่อชีวิตของจำเลยและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยมีความชอบธรรมที่จะป้องกันภยันตรายได้ตามสมควรจำเลยอายุ68ปีอยู่ในวัยชราส่วนผู้ตายอายุ26ปีเป็นชายฉกรรจ์ในภาระเช่นจำเลยต้องประสบในขณะนั้นย่อมต้องเข้าใจว่าผู้ตายคงจะต้องมีอาวุธติดตัวมาและจะมาฆ่าจำเลยโอกาสไม่อำนวยให้จำเลยได้ตั้งสติไตร่ตรองได้ว่าผู้ตายมีอาวุธร้ายแรงแค่ไหนการที่จำเลยยิงปืนใส่ผู้ตายเพียง1นัดกระสุนปืนถูกผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตายนั้นถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2539 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทุพพลภาพถาวรและการแจ้งให้บริษัทประกันทราบ การพิสูจน์เหตุจำเป็นไม่ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร
คำว่า "ทุพพลภาพ" หมายถึง หย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติ โจทก์ประกอบอาชีพรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์และจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ โจทก์ย่อมต้องใช้การฟังเสียงเครื่องยนต์ประกอบในการซ่อมรถจักรยานยนต์ และต้องพูดคุยกับลูกค้าที่มาซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์ การที่ประสาทหูทั้งสองข้างของโจทก์เสีย ไม่ได้ยินเสียง โจทก์จึงหย่อนความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติโดยสิ้นเชิงตลอดไป ถือได้ว่าโจทก์ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงแล้ว
กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า "การบอกกล่าวเรียกร้องผู้เอาประกันต้องบอกกล่าวให้บริษัททราบถึงการทุพพลภาพดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 180 วัน นับแต่วันเริ่มทุพพลภาพ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันสมควรยังไม่อาจแจ้งให้บริษัททราบ" ตามข้อความดังกล่าวมิได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดว่า โจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 180 วัน นับแต่วันเริ่มทุพพลภาพทุกกรณี ในกรณีมีเหตุจำเป็นอันสมควร โจทก์อาจไม่ต้องปฏิบัติตามนั้นได้ โจทก์ไปติดต่อจำเลยด้วยตนเองแต่ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะโจทก์ใช้มือเขียนหนังสือไม่ได้ ซึ่งจำเลยก็ได้รับคำบอกกล่าวของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว แสดงว่าจำเลยไม่ติดใจที่จะให้โจทก์ต้องต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 180 วัน นับแต่วันเริ่มทุพพลภาพตามที่กำหนดไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2383/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุพพลภาพถาวรจากอุบัติเหตุและการแจ้งสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน โดยคำนึงถึงเหตุจำเป็น
คำว่า"ทุพพลภาพ"หมายถึงหย่อนกำลังความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติโจทก์ประกอบอาชีพรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์และจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์โจทก์ย่อมต้องใช้การฟังเสียงเครื่องยนต์ประกอบในการซ่อมรถจักรยานยนต์และต้องพูดคุยกับลูกค้าที่มาซื้ออะไหล่รถจักรยานยนต์การที่ประสาทหูทั้งสองข้างของโจทก์เสียไม่ได้ยินเสียงโจทก์จึงหย่อนความสามารถที่จะประกอบการงานตามปกติโดยสิ้นเชิงตลอดไปถือได้ว่าโจทก์ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงแล้ว กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า"การบอกกล่าวเรียกร้องผู้เอาประกันต้องบอกกล่าวให้บริษัททราบถึงการทุพพลภาพดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน180วันนับแต่วันเริ่มทุพพลภาพเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันสมควรยังไม่อาจแจ้งให้บริษัททราบ"ตามข้อความดังกล่าวมิได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดว่าโจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องบอกกล่าวให้จำเลยทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน180วันนับแต่วันเริ่มทุพพลภาพทุกกรณีในกรณีมีเหตุจำเป็นอันสมควรโจทก์อาจไม่ต้องปฏิบัติตามนั้นได้โจทก์ไปติดต่อจำเลยด้วยตนเองแต่ไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะโจทก์ใช้มือเขียนหนังสือไม่ได้ซึ่งจำเลยก็ได้รับคำบอกกล่าวของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วแสดงว่าจำเลยไม่ติดใจที่จะให้โจทก์ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน180วันนับแต่วันเริ่มทุพพลภาพตามที่กำหนดไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอทางจำเป็นต้องมีเหตุจำเป็นจริง ไม่ใช่เพียงเพื่อความสะดวก
ที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมรอบแต่มีทางที่โจทก์จะออกไปสู่ทางสาธารณะได้ 3 ทาง ทางแรกยาว 115 เมตรทางที่สองยาว 140.30 เมตร ทางที่สามยาว 115.50 เมตร โดยอาศัยผ่านที่ดินของผู้อื่น หากโจทก์จะทำทางผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะจะยาว84 เมตร ก็ใกล้กว่าทางอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โจทก์จะถือเหตุเพียงเพื่อความสะดวกของโจทก์เท่านั้นหาได้ไม่ เมื่อโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยไม่ต้องผ่านที่ดินของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอทำทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5076/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจและการไต่สวนเหตุจำเป็นในการไม่สามารถมาศาลได้ในคดีแรงงาน
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ของศาลแรงงานกลางจำเลยมอบอำนาจให้ พ. มาชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ แต่ พ.มีความจำเป็นต้องไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยจึงมอบให้ ส.ถือหนังสือมอบอำนาจและหนังสือของ พ. ที่ขอเลื่อนการให้การมายื่นต่อศาล-แรงงานกลาง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ ศาลแรงงานกลางก็ชอบที่ดำเนินการไต่สวนเพื่อจะได้ทราบว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นจริงหรือไม่ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดี: เหตุจำเป็นและเจตนาของผู้ร้องในการดำเนินคดี
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนทนายผู้ร้องมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แสดงว่าผู้ร้องยังใส่ใจในคดี เมื่อผู้ร้องขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกด้วยเหตุที่ผู้ร้องไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ได้ตามกำหนด ซึ่งแม้โจทก์จะแถลงคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้แถลงคัดค้านว่าข้ออ้างของผู้ร้องไม่ความจริง จึงนับได้ว่ามีเหตุจำเป็นแม้ผู้ร้องจะยื่นบัญชีระบุพยานไว้ แต่ศาลสั่งไม่รับก็ไม่เป็นเหตุที่จะถือว่าผู้ร้องประวิงคดีจึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัด, เหตุล่าช้า และเหตุจำเป็นที่ไม่อาจยื่นภายในกำหนด
คำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลและในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้าภายหลังครบกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยแล้วคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงเหตุที่ไม่อาจยื่นคำขอภายในสิบห้าวันดังกล่าว โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันจะทำให้ผู้ขอมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ที่ล่าช้า ต้องระบุเหตุจำเป็นที่ไม่อาจยื่นได้ทันเวลา
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งแต่เพียงเหตุที่จำเลยได้ขาดนัด และข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเท่านั้น ส่วนในกรณีที่ยื่นคำขอล่าช้า จำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งว่าจำเลยไม่อาจยื่นคำร้องภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันจะทำให้จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนการพิจารณาคดีเนื่องจากเหตุจำเป็น: การป่วยของทนายและผลกระทบต่อการนำสืบพยาน
แม้ปรากฏว่าคดีต้องมีการเลื่อนการพิจารณาหลายครั้ง แต่ก็เป็นเพราะเจ้าพนักงานที่ดินยังทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่เสร็จ โจทก์เพิ่งขอเลื่อนการพิจารณาครั้งแรกในวันที่ 10 พฤษภาคม 2532 เนื่องจากพยานโจทก์มีกิจธุระจำเป็นมาศาลไม่ได้ และขอเลื่อนการพิจารณาเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 24 พฤษภาคม2532 โดยอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย และได้ส่งใบรับรองแพทย์ต่อศาล ซึ่งทนายจำเลยทั้งสี่ไม่คัดค้าน และศาลชั้นต้นไม่ได้สงสัยว่าทนายโจทก์ไม่ป่วยจริง จึงต้องฟังว่าทนายโจทก์ป่วยตามที่อ้าง การป่วยเจ็บย่อมเป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ทั้งการที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ก็มีผลให้โจทก์ไม่มีโอกาสนำพยานเข้าสืบ ย่อมทำให้เสียความยุติธรรมได้ การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก
of 12