คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เอกสารเท็จ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 50 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2083/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกายกฟ้องอาญา: การแจ้งข้อผิดพลาดบัญชีและการทำเอกสารไม่เป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157, 162 จำเลยอื่นจึงไม่มีความผิดตามฟ้องด้วย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีงบดุลร้านสหกรณ์ ห. ได้แจ้งต่อที่ประชุมกรรมการร้านสหกรณ์ว่าโจทก์ทำเงินขาดบัญชี และทำสินค้าขาดหายไปก็เนื่องจากจำเลยทั้งสามตรวจพบข้อผิดพลาดของบัญชีร้านสหกรณ์ดังกล่าว จึงไม่เป็นการกระทำโดยมิชอบอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 นั้น เอกสารที่โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมกันทำเป็นความเท็จให้พนักงานอัยการเป็นหลักฐานดำเนินคดีกับโจทก์เป็นเพียงรายการสินค้าที่ระบุว่าสินค้าขาดหายไปเท่านั้น และไม่มีจำเลยคนใดซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเอกสารและรับรองเอกสารดังกล่าว แล้วพิพากษายืน ดังนี้ เป็นการพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยร่วมกันทำเอกสารขึ้นตามหน้าที่ของจำเลยเพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสารดังกล่าวอันเป็นความเท็จพฤติการณ์ต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำโดยมิชอบ และมีมูลที่ศาลจะรับพิจารณาต่อไปเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5581/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานลงชื่อรับรองเอกสารเท็จ รู้ว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 และ 157
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกำนันและนายทะเบียนตำบลรู้ว่า ห. ซึ่งเป็นลูกบ้านของตนอยู่บ้านเลขที่ 249 มิใช่บ้านเลขที่ 363 เมื่อจำเลยที่ 1 มาแจ้งขอย้ายชื่อ ห. จากทะเบียนบ้านเลขที่ 159 ไปอยู่บ้านเลขที่ 363 จำเลยที่ 3 ย่อมรู้ได้ทันทีว่าข้อความในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 เป็นเท็จ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะนายทะเบียนตำบลในเอกสารดังกล่าว จึงเป็นการลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จ จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 แจ้งย้ายที่อยู่ของ ห. ซึ่งจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และยังรับแจ้งในฐานะนายทะเบียนตำบลเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1), 157
ในฟ้องเดียวกันโจทก์อาจบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกรอกข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 และบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความใน เอกสารและร่วมกันปลอมลายมือชื่อ ห. โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและ ประชาชนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5581/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานลงชื่อรับรองเอกสารเท็จ รู้ว่าข้อมูลไม่เป็นความจริง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1) และ 157
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกำนันและนายทะเบียนตำบลรู้ว่าห. ซึ่งเป็นลูกบ้านของตนอยู่บ้านเลขที่ 249 มิใช่บ้านเลขที่ 363 เมื่อจำเลยที่ 1 มาแจ้งขอย้ายชื่อ ห. จากทะเบียนบ้านเลขที่ 159 ไปอยู่บ้านเลขที่ 363 จำเลยที่ 3ย่อมรู้ได้ทันทีว่าข้อความในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17เป็นเท็จ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะนายทะเบียนตำบลในเอกสารดังกล่าว จึงเป็นการลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับรองเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 แจ้งย้ายที่อยู่ของ ห. ซึ่งจำเลยที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และยังรับแจ้งในฐานะนายทะเบียนตำบล เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1),157 ในฟ้องเดียวกันโจทก์อาจบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกรอกข้อความอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 และบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความในเอกสารร่วมกันปลอมลายมือชื่อ ห. โดยอาศัยโอกาสที่จำเลยที่ 3 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3572/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่รับรองเอกสารเท็จเกี่ยวกับไม้ผิดกฎหมาย แม้ไม่ได้เป็นกรรมการตามคำสั่ง แต่ลงชื่อในฐานะกรรมการ ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสาร และมีเจตนา
แม้ทางอำเภอจะมีคำสั่งแต่งตั้งป่าไม้อำเภอและที่ดินอำเภอเป็นกรรมการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์ โดยให้ป่าไม้อำเภอเป็นเลขานุการคณะกรรมการมิได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1 ซึ่งรับราชการเป็นพนักงานป่าไม้ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานที่ดินอำเภอประจำอำเภอนั้นเป็นกรรมการก็ตามการที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ลงชื่อรับรองการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์อันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จ และจำเลยที่ 1 ลงชื่อในฐานะกรรมการและเลขานุการ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะกรรมการ นายอำเภอก็ยึดถือเอาเอกสารนี้เป็นหลักในการพิจารณาออกหนังสือรับรองให้ราษฎรตลอดมา จำเลยที่ 1 ที่ 3 ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสารที่ตนลงชื่อนั้น จะอ้างว่าลงชื่อโดยขาดเจตนากระทำผิดไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นปลัดอำเภอได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าวอันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จเช่นเดียวกัน การรับรองดังกล่าวต้องอาศัยการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วน จะอ้างว่าลงชื่อรับรองโดยไม่ได้ตรวจสอบเพราะมีงานอื่นมาก ไม่มีเจตนากระทำผิดไม่ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3572/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่รับรองเอกสารเท็จเกี่ยวกับการตรวจสอบไม้ แม้ไม่มีอำนาจแต่งตั้ง ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสารที่ลงชื่อ จึงฟังไม่ได้ว่าขาดเจตนา
แม้ทางอำเภอจะมีคำสั่งแต่งตั้งป่าไม้อำเภอและที่ดินอำเภอเป็นกรรมการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์โดยให้ป่าไม้อำเภอเป็นเลขานุการคณะกรรมการมิได้แต่งตั้งจำเลยที่1ซึ่งรับราชการเป็นพนักงานป่าไม้2และจำเลยที่3ซึ่งรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานที่ดินอำเภอประจำอำเภอนั้นเป็นกรรมการก็ตามการที่จำเลยที่1และจำเลยที่3ลงชื่อรับรองการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์อันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จและจำเลยที่1ลงชื่อในฐานะกรรมการและเลขานุการจำเลยที่3ลงชื่อในฐานะกรรมการนายอำเภอก็ยึดถือเอาเอกสารนี้เป็นหลักในการพิจารณาออกหนังสือรับรองให้ราษฎรตลอดมาจำเลยที่1ที่3ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสารที่ตนลงชื่อนั้นจะอ้างว่าลงชื่อโดยขาดเจตนากระทำผิดไม่ได้ส่วนจำเลยที่2เป็นปลัดอำเภอได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าวอันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จเช่นเดียวกันการรับรองดังกล่าวต้องอาศัยการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วนจะอ้างว่าลงชื่อรับรองโดยไม่ได้ตรวจสอบเพราะมีงานอื่นมากไม่มีเจตนากระทำผิดไม่ได้การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา162.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ, ทำเอกสารเท็จ, และเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
จำเลยเป็นปลัดเทศบาลและเป็นเลขานุการสภาเทศบาล จำเลยไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ประธานสภาเทศบาลจึงแต่งตั้งให้ ส.รองปลัดเทศบาลทำหน้าที่เลขานุการสภาเทศบาลแทนจำเลยจำเลยได้ใช้ให้แก้ไขรายงานการประชุมที่ ส. ทำขึ้น โดยจำเลยไม่มีอำนาจแก้ไขได้โดยพลการ เพื่อจะให้ผู้เกี่ยวข้องหลงเชื่อว่าสภาเทศบาลมีมติตามที่จำเลยได้แก้ไข โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265ประกอบด้วยมาตรา 84 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารดังกล่าว จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 161 อีกบทหนึ่งเมื่อจำเลยนำเอกสารปลอมนั้นไปอ้างในการขออนุมัติต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 อีกกระทงหนึ่ง
จำเลยในฐานะเลขานุการสภาเทศบาลเป็นผู้มีหน้าที่ทำรายงานการประชุมของสภาเทศบาล จำเลยทำรายงานการประชุมขึ้นตามอำนาจหน้าที่ของตนและลงลายมือชื่อตัวเองเป็นผู้ทำ มิได้ทำในนามของบุคคลอื่น เอกสารนั้นจึงเป็นเอกสารที่แท้จริงที่จำเลยทำขึ้นแม้ข้อความในเอกสารจะไม่เป็นความจริง ก็ไม่ทำให้เป็นเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 แต่เป็นการทำเอกสารอันเป็นความเท็จตามมาตรา 162 เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษตามมาตรา 162 จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คำว่า 'เพื่อ' ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถือว่าเป็นเจตนาพิเศษ การที่จำเลยแก้ไขมติของสภาเทศบาลในรายงานการประชุมโดยไม่มีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาล หากเป็นการกระทำไปเพราะความเข้าใจผิดพลาดเกี่ยวกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยจำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639-640/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานแจ้งย้ายเข้าโดยไม่มีการย้ายจริง เป็นการทำเอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่ทุจริต ถือเป็นกรรมเดียวกัน
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งผู้ช่วยนายทะเบียนท้องถิ่น รับแจ้งย้ายบุคคลเข้าอยู่ในบ้านอันเป็นการทำเอกสารเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและจำเลยได้ย้ายบุคคลดังกล่าวไปอยู่ที่อื่นในการกระทำคราวเดียวกันกับที่จำเลยกรอกรายการย้ายเข้า จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการทำเอกสารเท็จรับรองวัสดุไม่ตรงสเปคราชการ, ปฏิบัติหน้าที่มิชอบทำให้รัฐเสียหาย
ข้าราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้าง และเป็นผู้ควบคุมงาน การที่จำเลยทั้งสี่ทำบันทึกเสนออธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขว่าบริษัทผู้รับจ้างได้หล่อเสาโทรเลขถูกต้องตามสัญญาจ้างโดยทราบดีว่าความจริงใช้เหล็กมีขนาดเล็กกว่าสัญญาจ้าง ปูนซีเมนต์มีคุณภาพต่ำกว่าที่ระบุไว้ในสัญญา ทำให้เสาโทรเลขที่ใช้วัสดุไม่ตรงตามสัญญาทำให้มีความมั่นคงแข็งแรงลดน้อยลง และทำให้บริษัทผู้รับจ้างได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง จึงเป็นการทำเอกสารเท็จตามมาตรา 162 และเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการตามมาตรา 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116-1118/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานลงชื่อรับรองเอกสารเท็จเกี่ยวกับการตรวจรับรถยนต์ แม้ไม่มีเจตนาทุจริตหรือความเสียหาย
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่เป็นกรรมการตรวจรับรถยนต์ ซึ่งเทศบาลซื้อ ได้ลงชื่อในใบตรวจรับพัสดุซึ่งมีข้อความว่าคณะกรรมการได้ตรวจรับรถยนต์แล้ว เห็นว่ามีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ทั้งราคาก็เป็นไปตามราคาในท้องตลาด และได้ส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่แผนกช่างรับไว้เป็นการถูกต้องแล้ว ซึ่งความจริงไม่มีการกระทำดังกล่าวเลย เพราะผู้ขายยังไม่ได้นำรถมาส่งมอบการที่จำเลยยังไม่ได้ตรวจรับและส่งมอบแต่ลงชื่อรับรองเป็นหลักฐานว่าได้กระทำการดังกล่าว จึงเป็นการรับรองเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162(1)และการที่จำเลยรับรองเป็นหลักฐานว่ารถที่ตรวจรับมอบนี้มีปริมาณคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ทั้งราคาก็เป็นไปตามราคาในท้องตลาด และได้ส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่แผนกช่างรับไว้เป็นการถูกต้องแล้วนั้น เป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริง อันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 162(4) ด้วย แม้การรับรองเป็นหลักฐานเช่นนี้ จำเลยจะกระทำไปโดยไม่ทุจริต ไม่เกิดความเสียหายก็เป็นผิดตามมาตราดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารเท็จที่ยื่นต่อศาลไม่ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญ หากข้อความในเอกสารนั้นไม่กระทบต่อการเรียกร้องค่าจ้าง
แต่เดิมจำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องเรียกมรดก ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญายอมกับอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วจ่ายค่าจ้างว่าความไม่ครบตามสัญญา โจทก์จึงฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าจ้างว่าความ จำเลยได้นำเอกสารใบมอบอำนาจซึ่งจำเลยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นตัวแทนในการว่าจ้างว่าความ หากไม่ได้รับความยินยอมจากตัวแทนก็ไม่ผูกมัดจำเลยแสดงต่อศาล ศาลพิพากษาว่าทรัพย์มรดกที่ฟ้องเรียกนั้นมีราคาเพียง 1 ล้าน โจทก์ได้ปฏิบัติงานไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยได้รับมรดกเพียง 2 แสนบาท ได้จ่ายค่าจ้างทนายเป็นเงิน 27,000 บาท พอสมควรแก่การปฏิบัติงานแล้ว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีอาญาในคดีนี้ว่าจำเลยแสดงพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 ศาลฎีกาเห็นว่าใบมอบอำนาจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง
of 5