คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แก้ไขคำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9716/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังสืบพยานต้องมีเหตุสมควร การไม่ได้รับเงินหรือการขาดความยินยอมไม่ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
ข้อเท็จจริงที่จำเลยขอแก้ไขคำให้การว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้เงินและสัญญากู้ดังกล่าวกับสัญญาจำนอง ทำขึ้นโดยปราศจากความยินยอมของภริยาจำเลยมิใช่ข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้อง
การไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้คงมีผลตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 650 ว่าสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ และการทำสัญญากู้เงินและสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่ง คงมีผลตามมาตรา 1480 ว่า นิติกรรมสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ อันอาจฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นได้เท่านั้น แต่หาได้ตกเป็นโมฆะจนถึงกับโจทก์ผู้ให้กู้ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ ส่วนเรื่องการบอกเลิกสัญญาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากที่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะไปดำเนินการตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับจำเลย การขอแก้ไขคำให้การในเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน อันจำเลยจะมีสิทธิขอแก้ไขคำให้การหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6214-6216/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การในคดีอาญาต้องมีเหตุอันควร ศาลมีอำนาจพิจารณาโทษและนับโทษตามคำขอ
ในคดีอาญานั้น แม้จำเลยจะให้การหรือไม่เป็นสิทธิของจำเลยก็ตาม แต่การขอแก้ไขคำให้การจำเลยสามารถกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 163 วรรคสอง เท่านั้น มิใช่เป็นไปตามอำเภอใจของจำเลยอีกทั้งเป็นดุลพินิจของศาลเห็นสมควรจึงอนุญาตให้แก้ไขได้ การที่จำเลยยื่นคำให้การใหม่โดยขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพและขอให้การใหม่เป็นปฏิเสธฟ้องของโจทก์ซึ่งมีผลเป็นการแก้ไขคำให้การเช่นนี้จึงเป็นกรณีที่ไม่มีเหตุอันควร คดีนี้มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ศาลไม่อนุญาตให้แก้ไขคำให้การแล้วจึงพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 วรรคหนึ่ง
โจทก์แยกฟ้องคดีเป็นสามสำนวนและมิได้ขอให้นับโทษติดต่อกันแม้จะรวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน ศาลพิพากษาให้นับโทษแต่ละสำนวนต่อกันจึงเป็นการเกินคำขอไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6186/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตแก้ไขคำให้การและคำพิพากษาเรื่องอำนาจฟ้องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งรับอุทธรณ์โดยตรง
โจทก์อุทธรณ์ทั้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเรื่องอำนาจฟ้องหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการวินิจฉัยก่อน แต่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อที่ว่า โจทก์นำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลโดยมิได้ผ่านขบวนการอนุญาโตตุลาการก็เพราะโจทก์พยายามจัดให้มีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทแล้ว แต่จำเลยไม่ประสงค์จะให้มีการเจรจา และอุทธรณ์ข้อที่ว่า จำเลยมีโอกาสยกข้อต่อสู้เรื่องข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการมาตั้งแต่ขณะยื่นคำให้การแล้ว คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยจึงฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 180 อุทธรณ์ทั้งสองข้อดังกล่าวเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6888/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาแก้ไขคำให้การ: ดุลพินิจและการนำสืบหลักฐาน
ป.วิ.พ.มาตรา 180 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การของตน หาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่จะต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไป เมื่อศาลพิจารณาคำร้องโจทก์จำเลยแล้วเมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องเป็นเรื่อง ๆ ไป
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การภายหลังการชี้สองสถานแม้จะอ้างเหตุว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า"จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด" โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยตามประเด็นดังกล่าว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6888/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำให้การหลังชี้สองสถาน: ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาเหตุสมควรประกอบกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180เป็นบทบัญญัติให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การของตน หาได้เป็นบทบัญญัติบังคับ ศาลที่จะต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไปเมื่อศาลพิจารณาคำร้องโจทก์จำเลยแล้วเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องเป็นเรื่อง ๆ ไป
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การภายหลังการชี้สองสถานแม้จะอ้างเหตุว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า"จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด" โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยตามประเด็นดังกล่าว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6888/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังชี้สองสถาน: ดุลพินิจศาลและประเด็นความสงบเรียบร้อย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ให้อำนาจโจทก์หรือจำเลยที่จะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องหรือคำให้การของตนหาได้เป็นบทบัญญัติบังคับศาลที่ต้องอนุญาตตามคำร้องของโจทก์จำเลยเสมอไปไม่ เมื่อตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยภายหลังการชี้สองสถานจะอ้างว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า "จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด" โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก็ต้องนำสืบถึงยอดหนี้และดอกเบี้ยที่โจทก์คิดจากจำเลยอยู่แล้ว และจำเลยก็สามารถสืบหักล้างว่าดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามกฎหมายที่โจทก์มีสิทธิคิดจากจำเลยมีเพียงใดได้ จึงไม่มีเหตุควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การตามคำร้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การที่ไม่เปลี่ยนแปลงประเด็นข้อพิพาทเดิม ไม่ส่งผลต่อคำวินิจฉัยศาล
คำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยเป็นการสรุปคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้ว ไม่มีการเพิ่มเติมประเด็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความขึ้นใหม่ให้แตกต่างไปจากคำให้การเดิม และไม่ติดใจบังคับตามฟ้องแย้งตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้หรือไม่ ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงหรือในที่สุดผลของคดีซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทตามที่จำเลยให้การต่อสู้แล้วเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำให้การที่ไม่เพิ่มเติมประเด็นใหม่ ไม่กระทบผลคดี ศาลมีอำนาจไม่อนุญาตได้
คำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยเป็นการสรุปคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้ว ไม่มีการเพิ่มเติมประเด็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความขึ้นใหม่ให้แตกต่างไปจากคำให้การเดิม และไม่ติดใจบังคับตามฟ้องแย้งตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้หรือไม่ ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงหรือในที่สุดผลของคดีซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทตามที่จำเลยให้การต่อสู้แล้วเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5473/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไขคำให้การที่ไม่เพิ่มประเด็นใหม่ ไม่กระทบผลคดี ศาลมีดุลพินิจไม่อนุญาตได้
คำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยในข้อที่เป็นการสรุปคำให้การที่แสดงโดยชัดแจ้งแล้วเท่านั้น ไม่มีการเพิ่มเติมประเด็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความขึ้นใหม่ให้แตกต่างไปจากคำให้การเดิม ส่วนคำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยในข้อที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องแย้งเท่ากับไม่ติดใจบังคับตามฟ้องแย้งตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งแล้วคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยที่ไม่ได้เพิ่มเติมประเด็นข้อพิพาทระหว่างคู่ความขึ้นใหม่แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้หรือไม่ก็ไม่ทำให้ข้อเท็จจริงหรือในที่สุดผลของคดีซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยตรงตามประเด็นข้อพิพาทตามที่จำเลยให้การต่อสู้แล้วเปลี่ยนแปลงไป ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังสืบพยานจำเลย: ศาลไม่อนุญาตหากทำให้การพิจารณาคดีไม่สิ้นสุด
จำเลยขอแก้ไขคำให้การเป็นครั้งที่สองหลังจากสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งหากอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้ตามขอการพิจารณาคดีในส่วนของจำเลยก็ไม่มีที่สิ้นสุด แม้จำเลยจะอ้างว่า คำให้การที่ขอแก้ไขนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็หามีผลลบล้างพยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบไปเสร็จสิ้นแล้วไม่ กรณีไม่มีเหตุอนุญาตให้แก้ไขคำให้การ
of 13