พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดฟังคำสั่งล้มละลายที่ไม่ชอบ และการรับรองการทราบคำสั่งภายหลัง
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาที่แน่นอนจึงไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้แก่จำเลยที่ 1 ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ได้ การส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 26 มีนาคม 2534 ให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาล จึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่า จำเลยที่ 1ได้ทราบคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันดังกล่าว แต่ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 รับว่าได้ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่1 กรกฎาคม 2534 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งเดิม โดยให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ทราบหรือได้ฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2534 จึงชอบแล้วไม่มีเหตุต้องดำเนินกระบวนพิจารณาแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 มาฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดใหม่ การอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาให้คู่ความฟังนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายเป็นรายบุคคลไป หากเป็นการอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาให้คู่ความรายใดฟังเป็นการไม่ชอบก็มีผลเฉพาะคู่ความรายนั้น ๆ ไม่มีผลถึงการอ่านให้คู่ความรายอื่นที่ได้ฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาโดยชอบแล้ว สิทธิในการอุทธรณ์เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายไป จำเลยที่ 2 และที่ 3 มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง จะถือตามสิทธิอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์จำนวน 1,336,580 บาท พร้อมดอกเบี้ยและโจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยทั้งสามให้ชำระหนี้แล้ว 2 ครั้งซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ทั้งจำเลยทั้งสามร่วมกันแถลงยอมรับในวันสืบพยานจำเลยว่าจำเลยทั้งสามเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องและเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพฤติการณ์ที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องจริง ไม่ติดใจสืบพยานจำเลยอีกต่อไป หากถึงวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาจำเลยทั้งสามไม่สามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ก็ให้ศาลพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไป และเมื่อถึงวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา จำเลยทั้งสามมิได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามที่ได้แถลงต่อศาลชั้นต้น ดังนี้ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดฟังคำสั่งล้มละลายที่ไม่ชอบ และสิทธิอุทธรณ์ของลูกหนี้ร่วม
จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาที่แน่นอน จึงไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลยที่ 1 ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นส่งหมายแจ้งวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยวิธีปิดประกาศที่หน้าศาลจึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อจำเลยที่ 1ไม่มาศาล ย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันนัดดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1 ยอมรับตามคำร้องว่าได้ทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2534 ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งเดิมแต่ให้ถือว่าจำเลยที่ 1ทราบหรือฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2534จึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุต้องดำเนินกระบวนพิจารณาแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 มาฟังคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดใหม่ การที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ภายในวันที่ 9 สิงหาคม 2534 นั้น มีผลเฉพาะจำเลยที่ 1เพราะการอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาให้คู่ความรายใดฟังนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายเป็นรายบุคคลไป ไม่มีผลถึงการอ่านให้คู่ความรายอื่นที่ได้ฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาโดยชอบแล้ว สิทธิในการอุทธรณ์เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละรายไป จำเลยที่ 2และที่ 3 มิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดนับแต่วันที่ทราบคำสั่งจะถือตามสิทธิอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและแจ้งวันนัดพิจารณาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยย้ายที่อยู่และไม่สามารถส่งโดยตรงได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วน ผู้จัดการตามหนังสือรับรองและสำเนาทะเบียนบ้านระบุว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 7 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 1ยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่และจำเลยที่ 3 ก็ยังไม่ได้แจ้งย้ายไปอยู่ที่อื่น ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนา ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ตามที่จดทะเบียนไว้และจำเลยที่ 3 มีภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในสำเนาทะเบียนบ้านการที่โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 1และที่ 3 ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว สำหรับจำเลยที่ 2 ครั้งแรกโจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนา คำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 100/20 หมู่ที่ 8ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม แต่ส่งให้ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 2 ได้ขายไปแล้ว โจทก์ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยที่ 2 แจ้งย้ายออกไปอยู่บ้านเลขที่ 30/5 ตำบลสะเต็งอำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา แต่เมื่อโจทก์ไปขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน ปรากฏว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว ในการไต่สวนจำเลยที่ 2 อ้างสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งระบุว่า จำเลยที่ 2 ย้ายจากบ้านเลขที่ 100/20 แต่เจ้าหน้าที่ทะเบียน ก็มาเบิกความว่าไม่มีบ้านเลขที่ตามเอกสารหมาย ล.1 นั้น ในทะเบียนราษฎร ถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏภูมิลำเนา เป็นกรณีที่การส่งคำคู่ความหรือเอกสารไม่สามารถกระทำได้โดย วิธีธรรมดา การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ประกาศโฆษณาทาง หนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย วันนัดพิจารณานัดแรกโจทก์ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตพร้อมมีคำสั่งให้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 2 ทราบที่หน้าศาลและออกหมายนัดแจ้งจำเลยที่ 1 ที่ 3 ทราบโดยวิธีปิดหมาย เมื่อถึงวันนัดจำเลยทั้งสามไม่มาศาล จึงถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5049/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาคดีใหม่ หากโจทก์ไม่ทราบวันนัด ศาลต้องไต่สวนพยานหลักฐาน
การที่ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดโดยโจทก์ไม่ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์นั้น กรณีไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคสอง ประกอบมาตรา 181.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุป่วยของทนายโจทก์ไม่ใช่เหตุสมควรขอพิจารณาคดีใหม่ แม้จะแจ้งวันนัดโจทก์ไม่ได้
โจทก์และทนายโจทก์ไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่ได้ขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นยกฟ้องปรากฏว่าอาการป่วยของทนายโจทก์สามารถแจ้งวันนัดให้โจทก์ทราบหรือทำคำร้องเลื่อนคดีมอบให้ผู้อื่นมายื่นต่อศาลได้ดังนี้ มิใช่เหตุสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3728/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยขาดนัด ก็ต้องส่งหมายนัดให้จำเลยทราบ
การที่ศาลให้เลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ไปหลังจากที่มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ก็ต้องแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเพื่อจะได้มาระวังประโยชน์ของตน เมื่อปรากฏว่าในชั้นส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยนั้นเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่า จำเลยไปทำกิจธุระในต่างจังหวัด แสดงว่าไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบวันนัดของศาลแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3728/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพยานหลังขาดนัด - การส่งหมายนัดโดยวิธีปิดประกาศไม่ชอบ หากส่งหมายไปยังภูมิลำเนาได้
การที่ศาลให้เลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ไปหลังจากที่มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ก็ต้องแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเพื่อจะได้มาระวังประโยชน์ของตน เมื่อปรากฏว่าในชั้นส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยนั้นเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่าจำเลยไปทำธุรกิจในต่างจังหวัดแสดงว่าไม่ใช่กรณีที่ไม่สามารถส่งหมายนัดให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นปิดประกาศที่หน้าศาลแทนการส่งหมายนัดให้จำเลยทราบโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ทราบวันนัดของศาลแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379-2380/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาที่ถูกต้อง และขอบเขตความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
จำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาที่แน่นอน การส่งหมายแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาจึงต้อง แจ้งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 4 ไม่ทราบวันนัดศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ถือ ว่าจำเลยที่ 4 ได้ ทราบคำพิพากษานั้นเสียได้ โดย ให้ถือ ว่าจำเลยที่ 4 ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาและให้ถือ ว่าได้ ฟังคำพิพากษาในวันนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องขอให้แจ้งวันนัดและพิพากษาใหม่ของจำเลยที่ 4 ได้
ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ ของจำเลยที่ 3 ซึ่ง เดิน ด้วย กำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดิน ด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้ บังคับไม่ได้
ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ ของจำเลยที่ 3 ซึ่ง เดิน ด้วย กำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดิน ด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้ บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379-2380/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาที่ชอบด้วยกฎหมาย และความรับผิดของนายจ้าง/ผู้รับประกันภัยในคดีละเมิด
จำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาที่แน่นอน การส่งหมายแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาจึงต้องแจ้งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 4 ไม่ทราบวันนัด ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ถือว่าจำเลยที่ 4 ได้ทราบคำพิพากษานั้นเสียได้ โดยให้ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาและให้ถือว่าได้ฟังคำพิพากษาในวันนัดพร้อมเพื่อพิจารณา คำร้องขอให้แจ้งวันนัดและพิพากษาใหม่ของจำเลยที่ 4 ได้.
ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้บังคับไม่ได้.
ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379-2380/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีและการรับผิดในความเสียหายจากยานพาหนะ
จำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาที่แน่นอน การส่งหมายแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาจึงต้อง แจ้งไปยังภูมิลำเนาของจำเลยที่ 4 การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจึงเป็นการแจ้งวันนัดที่ไม่ชอบ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยที่ 4 ไม่ทราบวันนัดศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้ถือ ว่าจำเลยที่ 4 ได้ ทราบคำพิพากษานั้นเสียได้ โดย ให้ถือ ว่าจำเลยที่ 4 ยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาและให้ถือ ว่าได้ ฟังคำพิพากษาในวันนัดพร้อมเพื่อพิจารณาคำร้องขอให้แจ้งวันนัดและพิพากษาใหม่ของจำเลยที่ 4 ได้ ผู้ตายโดยสารมาในรถยนต์ ของจำเลยที่ 3 ซึ่ง เดิน ด้วย กำลังเครื่องจักรกลเช่นเดียวกับรถยนต์ ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ความเสียหายมิได้เกิดจากยานพาหนะที่เดิน ด้วยกำลังเครื่องจักรกลของจำเลยที่ 3 แต่ ฝ่ายเดียว จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 อันว่าด้วยหน้าที่นำสืบมาใช้ บังคับไม่ได้.