คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แจ้งเหตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 60 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5541/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบของผู้รับมอบอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลนัดพิจารณาคดี การไม่แจ้งเหตุจำเป็นในการไม่มาศาล
เมื่อคู่ความนำคดีมาสู่ศาลจึงมีหน้าที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาแสดงต่อศาล หากมีความจำเป็นจนมิอาจมาศาลได้ก็จำต้องแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุแห่งความจำเป็นดังกล่าว คดีนี้ผู้รับมอบอำนาจโจทก์มาศาลและได้กลับไปเพราะตรวจบัญชีนัดความของศาลในช่วงเช้าแล้วไม่พบรายชื่อคู่ความ โดยมิได้ตรวจดูบัญชีนัดความในช่วงบ่าย ทั้ง ๆ ที่คดีของโจทก์ได้นัดไว้ในช่วงบ่าย และมิได้ติดต่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ศาลแต่อย่างใดจึงเป็นความผิดพลาดของผู้รับมอบอำนาจโจทก์เอง ดังนี้จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6189/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินทำนา ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข พ.ร.บ.เช่าที่ดินฯ การบอกเลิกก่อนกำหนดและไม่แจ้งเหตุต่อ คชก.ตำบล ทำให้สัญญาเช่ายังมีผล
ตามบทบัญญัติในมาตรา26และมาตรา37แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524เห็นได้ว่าเมื่อสิ้นระยะเวลาการเช่านาตามมาตรา26วรรคหนึ่งแล้วถ้าผู้ให้เช่านามิได้บอกเลิกการเช่านาตามมาตรา37และผู้เช่านายังทำนาในที่นานั้นต่อไปให้ถือว่าได้มีการเช่านานั้นต่อไปอีกคราวละหกปีและการบอกเลิกการเช่านาต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา37โดยผู้ให้เช่านาต้องบอกเลิกเป็นหนังสือให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีก่อนจะครบกำหนดการเช่านาและผู้ให้เช่านาจะบอกเลิกการเช่านาได้ก็ด้วยเหตุตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา37 การเช่านาระหว่างโจทก์และจำเลยจะครบกำหนดในวันที่20ตุลาคม2532แต่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าเมื่อวันที่20กุมภาพันธ์2532การบอกเลิกการเช่านาดังกล่าวจึงเป็นการบอกเลิกก่อนครบกำหนดการเช่าเพียง8เดือนเท่านั้นและตามหนังสือบอกกล่าวก็มิได้ระบุเหตุแห่งการบอกเลิกการเช่านาไปยังคชก.ตำบลตามที่พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา37กำหนดไว้การบอกเลิกการเช่านาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายการเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกัน: ความรับผิดของผู้ค้ำประกันไม่มีเงื่อนไข แม้มีกำหนดเวลาแจ้งเหตุ
หนังสือค้ำประกันข้อ 2 ระบุว่า ธนาคาร (จำเลยที่ 3) รับรองว่าขณะใดที่ได้รับหนังสือแจ้งความจากโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญาและไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายในวงเงินที่ค้ำประกัน ไม่ว่าทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนใดก็ตามจำเลยที่ 3 ยอมชำระเงินแทนภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งความดังกล่าวเป็นต้นไป แต่โจทก์จะต้องแจ้งเหตุแห่งการปฏิบัติผิดสัญญาให้ธนาคารทราบภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่เหตุการณ์นั้น ๆ ได้เกิดขึ้น ข้อความดังกล่าวเป็นการค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์โดยไม่มีเงื่อนไข แม้ข้อความตอนท้ายระบุให้โจทก์แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบภายในกำหนด 15 วัน ก็เป็นเพียงกำหนดเวลาที่จะต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันรู้ตัวว่าจะต้องรับผิดเท่านั้น หาใช่เงื่อนไขจำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกันไม่ การที่จำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 3 ทราบถึงการปฏิบัติผิดสัญญาของจำเลยที่ 1 เกินกำหนด 15 วัน ย่อมไม่ทำให้จำเลยที่ 3 พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันโดยไม่มีเงื่อนไข: การแจ้งเหตุผิดสัญญาเกินกำหนดไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิด
หนังสือค้ำประกันข้อ2ระบุว่าธนาคาร(จำเลยที่3)รับรองว่าขณะใดที่ได้รับหนังสือแจ้งความจากโจทก์ว่าจำเลยที่1ปฏิบัติผิดสัญญาและไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายในวงเงินที่ค้ำประกันไม่ว่าทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนใดก็ตามจำเลยที่3ยอมชำระเงินแทนภายในกำหนด15วันนับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งความดังกล่าวเป็นต้นไปแต่โจทก์จะต้องแจ้งเหตุแห่งการปฏิบัติผิดสัญญาให้ธนาคารทราบภายในกำหนด15วันนับแต่วันที่เหตุการณ์นั้นๆได้เกิดขึ้นข้อความดังกล่าวเป็นการค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์โดยไม่มีเงื่อนไขแม้ข้อความตอนท้ายระบุให้โจทก์แจ้งให้จำเลยที่3ทราบภายในกำหนด15วันก็เป็นเพียงกำหนดเวลาที่จะต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันรู้ตัวว่าจะต้องรับผิดเท่านั้นหาใช่เงื่อนไขจำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกันไม่การที่จำเลยที่1แจ้งให้จำเลยที่3ทราบถึงการปฏิบัติผิดสัญญาของจำเลยที่1เกินกำหนด15วันย่อมไม่ทำให้จำเลยที่3พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกัน: การแจ้งเหตุผิดสัญญาเกินกำหนด 15 วัน ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันพ้นความรับผิด
หนังสือค้ำประกันข้อ2ระบุว่าธนาคาร(จำเลยที่3)รับรองว่าขณะใดที่ได้รับหนังสือแจ้งความจากโจทก์ว่าจำเลยที่1ปฏิบัติผิดสัญญาและไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ภายในวงเงินที่ค้ำประกันไม่ว่าทั้งหมดหรือเฉพาะส่วนใดก็ตามจำเลยที่3ยอมชำระเงินทดแทนภายในกำหนด15วันนับแต่วันได้รับหนังสือแจ้งความดังกล่าวเป็นต้นไปแต่โจทก์จะต้องแจ้งเหตุแห่งการปฏิบัติผิดสัญญาให้ธนาคารทราบภายในกำหนด15วันนับแต่วันที่เหตุการณ์นั้นๆได้เกิดขึ้นข้อความข้อดังกล่าวเป็นการค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์โดยไม่มีเงื่อนไขแม้ข้อความตอนท้ายระบุให้โจทก์แจ้งให้จำเลยที่3ทราบภายในกำหนด15วันก็เป็นเพียงกำหนดเวลาที่จะต้องแจ้งให้ผู้ค้ำประกันรู้ตัวว่าจะต้องรับผิดเท่านั้นหาใช่เงื่อนไขจำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกันไม่การที่จำเลยที่1แจ้งให้จำเลยที่3ทราบถึงการปฏิบัติผิดสัญญาของจำเลยที่1เกินกำหนด15วันย่อมไม่ทำให้จำเลยที่3พ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3412/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ทนายความมีนัดความอื่นสามารถขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องได้ หากไม่แจ้งถือว่าขาดนัด
แม้ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายความโจทก์จะมีนัดว่าความที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือรวม2เรื่องก็ตามทนายความโจทก์ก็มีทางแก้ไขโดยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีใดคดีหนึ่งซึ่งอาจทำได้ก่อนหรือในวันนัดพิจารณาโดยจะนำคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปยื่นเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปยื่นแทนก็ได้หรือในกรณีที่ไม่ต้องการเลื่อนคดีทนายโจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องหรือคำแถลงแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบได้ว่าทนายโจทก์มีนัดว่าความ2เรื่องคือที่ศาลชั้นต้นและศาลแขวงพระนครเหนือและทนายโจทก์ขอไปไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ศาลแขวงพระนครเหนือก่อนที่ย่อมจะทำได้การที่โจทก์ไม่ได้ขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบก่อนเช่นนี้เป็นกรณีโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาให้ศาลทราบก่อนจึงถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7520/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีภายหลังศาลยกคำร้องเดิม แม้มีเหตุสุดวิสัย ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยต้องแจ้งเหตุขัดข้องภายในเวลาที่กำหนด
แม้จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย เพราะเหตุฝ่ายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องไปแล้วก็ตาม แต่ตามคำร้องของจำเลยได้ยกข้ออ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษและเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีได้ภายในเวลานัดไต่สวนคำร้อง ซึ่งจำเลยชอบที่จะกระทำได้ และหากปรากฎว่าคดีมีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ยกคำร้องของผู้ร้องได้ตามมาตรา 27 และให้เลื่อนวันนัดไต่สวนคำร้องให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23และมาตรา 40 ได้ เหตุตามคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยอ้างเหตุในคำร้องขอเลื่อนคดีว่าทนายจำเลย เดินทางไปยังอำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2535 เพื่อเจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายที่ลูกความได้ขับรถยนต์ชนคนตายไม่อาจเดินทางกลับมาว่าความได้ทันเพราะรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะไปและกลับเครื่องยนต์เสีย เมื่อศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์2535 เวลา 13.30 นาฬิกา แม้ในวันเวลาดังกล่าว ทนายจำเลยจะไม่อาจเดินทางกลับมาว่าความได้ทันกำหนดนัดก็ตาม ตัวจำเลยซึ่งสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อศาลได้ก็ชอบที่จะมาศาลในวันนัดและแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบถึงเหตุขัดข้องจำเป็นต้องขอเลื่อนคดีภายในเวลาที่กำหนด ยิ่งปรากฎว่าศาลชั้นต้นรออยู่จนถึงเวลา 14.30 นาฬิกาตัวจำเลยก็มิได้มาศาลเพิ่งมาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังพ้นกำหนดเวลานัดพิจารณาและศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องไปแล้วนอกจากนั้นหากรถยนต์ที่ทนายจำเลยใช้เป็นยานพาหนะไปและกลับเครื่องยนต์เสียจริง ทนายจำเลยก็สามารถเดินทางโดยยานพาหนะอื่นได้กรณีจึงถือไม่ได้ว่าตามคำร้องของจำเลยมีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยจะยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีภายหลังเวลานัดไต่สวนคำร้องและหลังจากศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องไปแล้วหาได้ไม่คดีไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5076/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้และการพิจารณาใหม่คดีแรงงาน
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ของศาลแรงงานกลางจำเลยมอบอำนาจให้ พ. มาชี้แจงข้อเท็จจริงแก้ข้อกล่าวหาของโจทก์ แต่ พ. มีความจำเป็นต้องไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยจึงมอบให้ ส.ถือหนังสือมอบอำนาจและหนังสือของพ.ที่ขอเลื่อนการให้การมายื่นต่อศาลแรงงานกลาง เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ ศาลแรงงานกลางก็ชอบที่ดำเนินการไต่สวนเพื่อจะได้ทราบว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นจริงหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 41

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขับขี่รถชนที่ไม่หยุดช่วยเหลือและแจ้งเหตุ รวมถึงประเด็นการประมาท
เมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยซึ่งขับรถยนต์เฉี่ยวชนกับรถยนต์อื่นมิได้อยู่ในที่เกิดเหตุ และมิได้ไปแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในคืนเกิดเหตุ แม้จะอ้างว่าได้มอบให้ พ. เป็นคนคอยแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และในวันรุ่งขึ้นได้มาพบเจ้าพนักงานตำรวจแล้วก็ตามก็เป็นการไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับไว้จำเลยจึงมีความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 วรรคแรก160 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของโรงแรมต่อการสูญหายของรถยนต์ที่จอดไว้ในโรงแรม และการแจ้งเหตุทันที
คำว่า เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 หมายถึง เจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ถือกรรมสิทธิ์เก็บผลประโยชน์รายได้จากกิจการโรงแรม หาใช่บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนไม่ เมื่อรถยนต์หายไป โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของโรงแรมทราบทันที ถือได้ว่าโจทก์ได้แจ้งเหตุที่รถหายแก่เจ้าสำนักโรงแรมทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 676 แล้ว
of 6