คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แนวเขตที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์แนวเขตที่ดินโดยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่ง ศาลฎีกาเห็นชอบด้วยวิธีสอบแนวเขต
ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อหลังคาเรือนโจทก์ที่รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลย ระหว่างหลัก ย.409845 กับ หลัก ย.461688 ในชั้นบังคับคดี ได้ทำการขึงเชือกจากหลัก ย. 409845 ถึงหลักกลางไปยังหลัก ย. 415625 และทิ้งดิ่งจากชายคาเรือนโจทก์ ปรากฏว่า ชายคาเรือนของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลยดังนี้ การที่ศาลสอบด้วยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นการสอบแนวเขตถูกต้อง และชอบตามคำพิพากษาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์แนวเขตที่ดินโดยการขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องตามคำพิพากษา
ศาลพิพากษาให้โจทก์รื้อหลังคาเรือนโจทก์ที่รุกล้ำเข้าไปในแนวที่ดินของจำเลย ระหว่างหลัก ย.409845กับหลักย.461688 ในชั้นบังคับคดี ได้ทำการขึงเชือกจากหลักย.409845 ถึงหลักกลางไปยังหลัก ย.415625 และทิ้งดิ่งจากชายคาเรือนของโจทก์ ปรากฏว่าชายคาเรือนของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในแนวเขตที่ดินของจำเลย ดังนี้ การที่ศาลสอบด้วยวิธีขึงเชือกและทิ้งดิ่งเป็นการสอบแนวเขตถูกต้องและชอบตามคำพิพากษาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดแนวเขตที่ดินติดต่อกันริมน้ำ: เส้นตรงตั้งฉากจากจุดติดต่อ
ต้องวัดเส้นตรงจากตอนที่จดน้ำให้ได้มุมฉาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5566/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายบ้านจัดสรร: การชี้แนวเขตที่ดินเบื้องต้นไม่ถือเป็นเจตนาฉ้อโกงหากเนื้อที่ดินตามสัญญาถูกต้อง
จำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท อ. ประกอบกิจการก่อสร้างบ้านพร้อมจัดสรรที่ดินขายให้แก่ลูกค้า ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโดยมีเนื้อที่ โฉนดที่ดินและที่ตั้งตรงกับที่ดินพิพาท ทั้งรูปแผนที่ก็ตรงตามผังแสดงแนวเขตที่ดินของที่ดินทุกแปลง เพียงแต่ตอนนำชี้ก่อนที่จะตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขาย ได้ชี้แนวเขตที่ดินเพียงคร่าว ๆ ครั้นรังวัดแนวเขตชัดเจนแล้วปรากฏว่า ทิศทางและแนวเขตแตกต่างไปจากที่เจรจาตกลงกันตอนแรก ที่โจทก์และโจทก์ร่วมอ้างว่า การก่อสร้างกำแพงตามแนวเขตดังกล่าว ทำให้บดบังทัศนียภาพของท้องน้ำนั้น เมื่อดูจากภาพถ่ายก็ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของท้องน้ำได้อย่างชัดเจน พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ที่โจทก์ร่วมกับจำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านรวมราคากว่า 7,000,000 บาท แต่โจทก์ร่วมชำระเงินไปเพียง 400,000 บาท หลังจากรังวัดแล้ว เนื้อที่ดินทั้งหมดก็ยังเป็นไปตามสัญญาจะซื้อจะขาย การที่จำเลยชี้แนวเขตที่ดินในตอนแรกโดยที่ยังไม่มีการรังวัด เป็นการกะประมาณเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่พอที่จะฟังว่าจำเลยมีเจตนาหลอกลวงโจทก์ร่วมด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องสอดในคดีบังคับคดี และการบังคับคดีตามแนวเขตที่ดินที่ระบุในคำพิพากษา
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมที่ดินซึ่งตกเป็นภาระจำยอมและถูกบังคับคดีในคดีนี้ เมื่อการบังคับคดีมีปัญหาอันเนื่องจากโจทก์และจำเลยแปลความคำพิพากษาแตกต่างกันจำเลยและผู้ร้องเห็นว่าการบังคับคดีไม่ถูกต้องตามคำพิพากษาทำให้จำเลยและผู้ร้องเสียหาย ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9764/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงซื้อที่ดินและแนวเขตที่ดินมีผลผูกพัน แม้มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำ ผู้ซื้อมีสิทธิรื้อถอน
ในการซื้อที่ดินจากธนาคาร โจทก์ จำเลยและผู้เช่าอื่นมีข้อตกลงระหว่างกันว่า ผู้เช่าจะซื้อที่ดินส่วนที่มีห้องแถวที่ตนเช่าปลูกสร้างอยู่และที่ดินแต่ละแปลงให้แนวตัดตรงแนวโฉนดที่ดิน ถ้าห้องเช่าหรือสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวที่ดินของผู้เช่าอื่น ก็จะต้องรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำเมื่อผู้เช่าอื่นปลูกสร้างใหม่ ถ้ายังไม่มีการปลูกสร้างอาคารใหม่ก็ให้อยู่กันตามสภาพเดิมไปก่อน ข้อตกลงดังกล่าวใช้บังคับได้และมีผลผูกพันโจทก์และจำเลย เมื่อโจทก์และจำเลยได้ซื้อที่ดินโจทก์จะปลูกสร้างอาคารใหม่แทนห้องเช่าเดิมบนที่ดินที่ซื้อแต่มีสิ่งปลูกสร้างของจำเลยรุกล้ำเข้าไปที่ดินของโจทก์ โจทก์ได้บอกกล่าวจำเลยแล้วจำเลยจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงรื้อสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ และเมื่อมีข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเช่นนี้ จึงมิใช่กรณีที่ต้องนำ ป.พ.พ. มาตรา 1312 มาปรับใช้ในฐานะบทกฎหมายที่ใกล้เคียงยิ่งตามมาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4590/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินใหม่เกินแนวเขตเดิม การพิสูจน์แนวเขตที่ถูกต้อง และการยกฟ้องคดีละเมิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งต้องจัดการแบ่งมรดกที่ดินซึ่งเดิมมีเนื้อที่ 2 งาน 96 ตารางวา แต่เมื่อรังวัดใหม่พบว่าที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่จริงตามที่รังวัดได้คือ 1 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมแก้ไขเนื้อที่และจดทะเบียนโฉนดที่ดินให้โจทก์ และจำเลยที่ 2 คัดค้านการรังวัดที่ดิน เป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยที่ 1 เปลี่ยนแปลงเนื้อที่ในโฉนดที่ดินตามที่รังวัดได้จริง และขอให้จำเลยที่ 2 ถอนการคัดค้านการรังวัดที่ดิน ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อ 2 ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ จึงรวมถึงปัญหาตามประเด็นที่ว่าที่ดินที่รังวัดใหม่มีเนื้อที่เกินกว่าที่ระบุในโฉนดเป็นเขตคลองบางกระเทียมที่ตื้นเขินหรือเป็นของโจทก์หรือไม่อยู่ในตัว เพราะก่อนที่จะวินิจฉัยได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่จะต้องวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวเสียก่อน หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินที่รังวัดใหม่มีเนื้อที่เกินกว่าที่ระบุไว้ในโฉนดเป็นเขตคลองกระเทียมแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองก็ย่อมไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ และไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายเพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแล้วนั่นเอง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยถึงปัญหาว่า ที่ดินที่รังวัดใหม่มีเนื้อที่เกินกว่าที่ระบุในโฉนดเป็นเขตคลองบางกระเทียมตื้นเขินหรือของโจทก์ จึงไม่ได้เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น และเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับแนวเขตที่ดินโดยเจ้าของข้างเคียง สละกรรมสิทธิ์ที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้มาระวังแนวเขตที่ดินและลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่ดินไว้ในใบรับรองเขตติดต่อของเจ้าของที่ดินและเจ้าของที่ดินข้างเคียง อันเป็นการยอมรับว่าที่ดินพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์ แต่อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย แม้โจทก์จะเป็นของที่ดินพิพาทก็ต้องถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่จำเลยแล้ว การครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5488/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าพิสูจน์แนวเขตที่ดิน และผลผูกพันตามข้อตกลง หากมีส่วนหนึ่งรุกล้ำที่ดินโจทก์ จำเลยต้องรื้อถอนส่วนนั้น
โจทก์และจำเลยตกลงท้ากันว่าให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ ถ้าปรากฏว่าบ้านของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยยินยอมรื้อถอนบ้านออกไปและยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องให้โจทก์ หากบ้านของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินของกรมชลประทานโจทก์จะถอนฟ้อง คู่ความตกลงกันด้วยว่าให้ถือเอาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแผนที่พิพาทของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นยุติ คำท้าดังกล่าวมีความหมายว่า หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าบ้านของจำเลยแม้เพียงบางส่วนปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยจะต้องรื้อถอนบ้านเฉพาะส่วนที่ปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ออกไปซึ่งเท่ากับว่าจำเลยชนะคดีบางส่วนคือไม่ต้องรื้อถอนออกไปทั้งหมดทั้งหลังตามคำขอของโจทก์ เมื่อตามแผนที่พิพาทปรากฏว่าบ้านของจำเลยส่วนใหญ่ปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ ถือได้ว่าตรงกับคำท้าของโจทก์และจำเลยแล้ว ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาคดีไปได้เลยโดยไม่จำต้องสืบพยานคู่ความอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2563

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเมื่อมีเจตนาชัดเจน แม้ยังไม่ได้กำหนดแนวเขตที่ดินอย่างละเอียด
โจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงให้ที่ทับซ้อนส่วนที่ระบายด้วยสีเหลืองเป็นของจำเลย และส่วนที่ระบายด้วยสีชมพูเป็นของโจทก์ตามแผนที่แนบท้ายบันทึก แสดงให้เห็นว่า โจทก์และจำเลยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันโดยต่างฝ่ายต่างยอมสละที่ดินในส่วนของตนให้อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อจะระงับข้อพิพาทในการที่โฉนดที่ดินออกทับซ้อนกัน บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 แล้ว ส่วนการรังวัดสอบเขตเป็นเพียงขั้นตอนดำเนินการตามข้อตกลงเพื่อไปสู่การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในภายหลัง ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความยังไม่มีผลสมบูรณ์แต่อย่างใด โจทก์และจำเลยจึงต้องผูกพันกันตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวปัญหาว่าแนวเขตกว้างยาวของที่ดินแต่ละด้านควรมีขนาดเท่าใด เป็นรายละเอียดข้อเท็จจริงที่อาจรับฟังได้ในชั้นพิจารณา ทั้งจำเลยก็ให้การต่อสู้แต่เพียงว่า บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้เกี่ยวกับเนื้อความในเอกสารดังกล่าวที่ตกลงให้ที่ทับซ้อนส่วนที่ระบายด้วยสีเหลืองเป็นของจำเลยและส่วนที่ระบายด้วยสีชมพูเป็นของโจทก์ รวมทั้งไม่ได้ให้การแก้ต่างฟ้องโจทก์ที่ขอแบ่งที่ดินของจำเลยเนื้อที่ 2 งาน 70 ตารางวา คดีจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยในข้อนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 252 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 3