พบผลลัพธ์ทั้งหมด 87 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส vs. มรดก: การแบ่งทรัพย์สินหลังชำระหนี้กองมรดก และสิทธิของทายาท
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้ว่า เมื่อชำระหนี้กองมรดกแล้วหากมีทรัพย์มรดกเหลืออยู่โจทก์จะมีส่วนได้เพียงใด ดังนั้นการที่ศาลจะคำนวณส่วนแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์จำเลยได้ก็จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรสระหว่างจำเลยกับเจ้ามรดกเสียก่อนซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้วินิจฉัยว่าทรัพย์พิพาททั้งหมดเป็นสินสมรสระหว่างเจ้ามรดกกับจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ทรัพย์พิพาทบางส่วนเป็นสินส่วนตัวของเจ้ามรดกจึงเป็นเรื่องที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
ทรัพย์มรดกของผู้ตายยังไม่ได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทเจ้าหนี้กองมรดกอาจบังคับชำระหนี้เต็มจำนวนจากกองมรดกได้เมื่อจำเลยได้ชำระหนี้ที่กองมรดกจะต้องชำระไปก็ต้องหักออกจากกองมรดกใช้ให้จำเลยก่อน ทรัพย์มรดกส่วนที่เหลือจึงจะแบ่งปันให้ทายาทได้
ทรัพย์มรดกของผู้ตายยังไม่ได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทเจ้าหนี้กองมรดกอาจบังคับชำระหนี้เต็มจำนวนจากกองมรดกได้เมื่อจำเลยได้ชำระหนี้ที่กองมรดกจะต้องชำระไปก็ต้องหักออกจากกองมรดกใช้ให้จำเลยก่อน ทรัพย์มรดกส่วนที่เหลือจึงจะแบ่งปันให้ทายาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกโดยเจ้าของร่วม: การยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดไม่ใช่การบังคับคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยขอแบ่งทรัพย์มรดก ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ต่อมาการแบ่งทรัพย์บางรายการไม่อาจตกลงกันได้ โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินแบ่งกันตามส่วน การยึดทรัพย์ในกรณีนี้มิใช่เป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หากแต่เป็นการร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างโจทก์จำเลยผู้เป็นเจ้าของรวมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคสองฉะนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกโดยเจ้าของรวม การยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดไม่ใช่การบังคับคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยขอแบ่งทรัพย์มรดก ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ ต่อมาการแบ่งทรัพย์บางรายการไม่อาจตกลงกันได้ โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินแบ่งกันตามส่วน การยึดทรัพย์ในกรณีนี้มิใช่เป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหากแต่เป็นการร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการแบ่งทรัพย์สินกันระหว่างโจทก์จำเลยผู้เป็นเจ้าของรวมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคสองฉะนั้นผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกและคิดค่าธรรมเนียมการขายโดยวิธีประมูล: เกณฑ์การคำนวณจากราคาทรัพย์สินทั้งหมด
การคิดค่าธรรมเนียมการขายโดยวิธีประมูลระหว่างคู่ความว่าเป็นจำนวนเท่าใดนั้น จะต้องคิดจากราคาทรัพย์สินทั้งหมดที่ขายได้โดยไม่ยกเว้นให้แก่ส่วนนอกที่พิพาท ส่วนคู่ความฝ่ายใดจะต้องรับผิดเพื่อค่าฤชาธรรมเนียมที่คิดไว้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คิดหักค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจากทรัพย์ส่วนที่มิได้เป็นทรัพย์พิพาทจึงถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174-2175/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกโดยหนังสือสัญญา ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวมหรือกงสี
หนังสือสัญญามีข้อความว่า "อำแดงยิ้ม ยายผู้รักษาทรัพย์สมบัตรของจีนตืออากรบุตรเชย อำแดงเป้อบุตรสายได้ทำหนังสือบริคณห์สัญญาแบ่งทรัพย์สมบัติของจีนอากรตือบุตรเชย อำแดงเป้อบุตรสาวให้แก่จีนกิมฮะ จีนกิมติด อำแดงหลี อำแดงแดง จีนกิมฮก จีนกิมจู อำแดงเปียก หลานๆ ได้เห็นชอบและยินยอมพร้อมใจกันตามที่อำแพงยิ้ม ยายได้แบ่งปันทรัพย์นั้นจึงให้ถ้อยคำทำหนังสือบริคนห์สัญญาไว้ต่อกันมีข้อความดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
ข้อ 1. เดิมจีนตืออากร อำแดงเป้อได้อยู่กินเป็นสามีภริยาได้ประกอบการทำมาหากินด้วยกัน มีทรัพย์สมบัติหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งเป็นอวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์ ครั้งมา ณ วินฯ 12 1 ค่ำปีกุน เอกศก อำแดงเป้อตาย ณ วันที่ 24 ค่ำ เอกศก จีนตืออากรตาย บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรและของอำแดงเป้อนั้น อำแดงยิ้มได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ทั้งสิ้น บัดนี้ อำแดงยิ้มจะได้เอาทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้นั้นออกแจกปันให้แก่บุตรจีนตืออากร อำแดงเป้อซึ่งเป็นหลานอำแดงยิ้มเป็นส่วนส่วนดังนี้
ข้อ 2. คือแบ่งปันให้จีนกิมฮะเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่ง จีนกิมติดเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่น อำแดงหลีเงินตราห้าร้อยชั่ง อำแดงแดงเงินตราห้าร้อยชั่ง จีนกิมฮกเงินตราห้าร้อยชั่ง จีนกิมจูเงินตราห้าร้อยชั่ง อำแดงเปียกเงินตราห้าร้อยชั่ง รวมเป็นเงินที่ได้แบ่งปันนี้เป็นเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่ง
ข้อ 3. บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากร อำแดงเป้อ นอกจากเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งได้แบ่งปันนี้ ยังมีอยู่คือ บ้านเรือน สวน นา สิ่งของทองรูปประพรรณ สารกรมธรรมทาษลูกหนี้ สะวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์ อำแดงยิ้ม ได้แบ่งปันให้กับอำแดงหลีบุตรจีนตืออากร อำแดงเป้อทั้งสิ้น แต่ส่วนทองคำเนื้อแปด ให้แบ่งปันกันแก่อำแดงแดง หนักแปดสิบแปดบาท อำแดงเปียกหนักแปดสิบแปดบาท กับเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งจะได้แบ่งปันกันนั้น อำแดงยิ้มยายมอบให้ให้อำแดงหลีหลานเป็นผู้เก็บรักษาไว้สืบต่อไป
ข้อ 4. จีนกิมฮะ จีนกิมติด อำแดงหลี อำแดงแดง จีนกิมฮก จีนกิมจู อำแดงเปียกซึ่งเป็นผู้จะได้รับหุ้นส่วนนั้น ได้เห็นชอบยินยอมที่อำแดงยิ้มยายแบ่งปันตั้งแต่วันทำหนังสือบริคณห์สัญญาฉบับนี้แล้ว ผู้ซึ่งจะได้รับหุ้นส่วนนั้นเมื่อได้รับเงินตราวันใด ให้ทำหนังสือสำคัญซึ่งเป็นหลักฐาน ให้แก่อำแดงหลีซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์
ข้อ 5. ตั้งแต่วันที่ได้ทำหนังสือบริคนสัญญาแบ่งปันฉบับนี้ อำแดงยิ้มยายผู้แบ่งปัน จีนกิมฮะ จีนกิมติด อำแดงหลี อำแดงแดง จีนกิมฮก จีนกิมจู อำแดงเปียกต้องนับถือหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นหลักฐาน ถ้าผู้ใดกระทำผิดข้อสัญญาฉบับนี้ก็ให้ฟ้องร้องยังโรงศาล ให้พิจารณาตามบริคนสัญญานี้เทอญ ข้าพเจ้าจดหมายลงชื่อไว้เป็นสำคัญ"
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นเรื่องการแบ่งปันทรัพย์มรดกของ ต. และป. ผู้วายชนม์ให้แก่บุตรซึ่งเป็นทายาท ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวมหรือกงสี
คำว่า "ผู้จะได้รับหุ้นส่วน" หมายถึง "ผู้จะได้รับส่วนแบ่ง" นั่นเอง กรณีหาใช่ผู้เป็นหุ้นส่วนนำเงินมาเข้าหุ้นกันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร อันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นไม่
ข้อ 1. เดิมจีนตืออากร อำแดงเป้อได้อยู่กินเป็นสามีภริยาได้ประกอบการทำมาหากินด้วยกัน มีทรัพย์สมบัติหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งเป็นอวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์ ครั้งมา ณ วินฯ 12 1 ค่ำปีกุน เอกศก อำแดงเป้อตาย ณ วันที่ 24 ค่ำ เอกศก จีนตืออากรตาย บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรและของอำแดงเป้อนั้น อำแดงยิ้มได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ทั้งสิ้น บัดนี้ อำแดงยิ้มจะได้เอาทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้นั้นออกแจกปันให้แก่บุตรจีนตืออากร อำแดงเป้อซึ่งเป็นหลานอำแดงยิ้มเป็นส่วนส่วนดังนี้
ข้อ 2. คือแบ่งปันให้จีนกิมฮะเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่ง จีนกิมติดเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่น อำแดงหลีเงินตราห้าร้อยชั่ง อำแดงแดงเงินตราห้าร้อยชั่ง จีนกิมฮกเงินตราห้าร้อยชั่ง จีนกิมจูเงินตราห้าร้อยชั่ง อำแดงเปียกเงินตราห้าร้อยชั่ง รวมเป็นเงินที่ได้แบ่งปันนี้เป็นเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่ง
ข้อ 3. บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากร อำแดงเป้อ นอกจากเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งได้แบ่งปันนี้ ยังมีอยู่คือ บ้านเรือน สวน นา สิ่งของทองรูปประพรรณ สารกรมธรรมทาษลูกหนี้ สะวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์ อำแดงยิ้ม ได้แบ่งปันให้กับอำแดงหลีบุตรจีนตืออากร อำแดงเป้อทั้งสิ้น แต่ส่วนทองคำเนื้อแปด ให้แบ่งปันกันแก่อำแดงแดง หนักแปดสิบแปดบาท อำแดงเปียกหนักแปดสิบแปดบาท กับเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งจะได้แบ่งปันกันนั้น อำแดงยิ้มยายมอบให้ให้อำแดงหลีหลานเป็นผู้เก็บรักษาไว้สืบต่อไป
ข้อ 4. จีนกิมฮะ จีนกิมติด อำแดงหลี อำแดงแดง จีนกิมฮก จีนกิมจู อำแดงเปียกซึ่งเป็นผู้จะได้รับหุ้นส่วนนั้น ได้เห็นชอบยินยอมที่อำแดงยิ้มยายแบ่งปันตั้งแต่วันทำหนังสือบริคณห์สัญญาฉบับนี้แล้ว ผู้ซึ่งจะได้รับหุ้นส่วนนั้นเมื่อได้รับเงินตราวันใด ให้ทำหนังสือสำคัญซึ่งเป็นหลักฐาน ให้แก่อำแดงหลีซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์
ข้อ 5. ตั้งแต่วันที่ได้ทำหนังสือบริคนสัญญาแบ่งปันฉบับนี้ อำแดงยิ้มยายผู้แบ่งปัน จีนกิมฮะ จีนกิมติด อำแดงหลี อำแดงแดง จีนกิมฮก จีนกิมจู อำแดงเปียกต้องนับถือหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นหลักฐาน ถ้าผู้ใดกระทำผิดข้อสัญญาฉบับนี้ก็ให้ฟ้องร้องยังโรงศาล ให้พิจารณาตามบริคนสัญญานี้เทอญ ข้าพเจ้าจดหมายลงชื่อไว้เป็นสำคัญ"
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นเรื่องการแบ่งปันทรัพย์มรดกของ ต. และป. ผู้วายชนม์ให้แก่บุตรซึ่งเป็นทายาท ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวมหรือกงสี
คำว่า "ผู้จะได้รับหุ้นส่วน" หมายถึง "ผู้จะได้รับส่วนแบ่ง" นั่นเอง กรณีหาใช่ผู้เป็นหุ้นส่วนนำเงินมาเข้าหุ้นกันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร อันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174-2175/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์มรดกและการตีความสัญญา ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวม
หนังสือสัญญามีข้อความว่า "อำแดงยิ้มยายผู้รักษาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรบุตรเขยอำแดงเป้อบุตรสาวได้ทำหนังสือบริคนห์สัญญาแบ่งทรัพย์สมบัติของจีนอากรตือบุตรเขยอำแดงเป้อบุตรสาวให้แก่จีนกิมฮะจีนกิมติดอำแดงหลีอำแดงแดงจีนกิมฮกจีนกิมจูอำแดงเปียกหลาน ๆ ได้เห็นชอบและยินยอมพร้อมใจกันตามที่อำแดงยิ้มยายได้แบ่งปันทรัพย์นั้นจึงให้ถ้อยคำทำหนังสือบริคนห์สัญญาไว้ต่อกันมีข้อความดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
ข้อ 1. เดิมจีนตืออากรอำแดงเป้อได้อยู่กินเป็นสามีภริยาได้ประกอบการทำมาหากินด้วยกัน มีทรัพย์สมบัติหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งเป็นสวิญญาณกะทรัพย์อวิญญาณกะทรัพย์ครั้นมาณวันแรม 12 ค่ำ เดือน 1 ค่ำปีกุนเอกศกอำแดงเป้อตายณวันที่ขึ้น2ค่ำเดือน4เอกศกจีนตืออากรตาย บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรและของอำแดงเป้อนั้นอำแดงยิ้มได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ทั้งสิ้น บัดนี้ อำแดงยิ้มจะได้เอาทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้นั้นออกแจกปันให้แก่บุตรจีนตืออากรอำแดงเป้อซึ่งเป็นหลานอำแดงยิ้มเป็นส่วนส่วนดังนี้
ข้อ 2. คือแบ่งปันให้จีนกิมฮะเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่งจีนกิมติดเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่ง อำแดงหลีเงินตราห้าร้อยชั่งอำแดงแดงเงินตราห้าร้อยชั่งจีนกิมฮกเงินตราห้าร้อยชั่งจีนกิมจูเงินตราห้าร้อยชั่งอำแดงเปียกเงินตราห้าร้อยชั่งรวมเป็นเงินที่ได้แบ่งปันนี้เป็นเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่ง
ข้อ 3. บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรอำแดงเป้อ นอกจากเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งได้แบ่งปันนี้ ยังมีอยู่คือ บ้านเรือนสวน นา สิ่งของ ทองรูปพรรณสารกรมธรรมทาษลูกหนี้สวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์อำแดงยิ้มได้แบ่งปันให้กับอำแดงหลีบุตรจีนตืออากรอำแดงเป้อทั้งสิ้นแต่ส่วนทองคำเนื้อแปดให้แบ่งปันกันแก่อำแดงแดงหนักแปดสิบแปดบาทอำแดงเปียกหนักแปดสิบแปดบาทกับเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งจะได้แบ่งปันกันนั้นอำแดงยิ้มยายมอบให้อำแดงหลีหลานเป็นผู้เก็บรักษาไว้สืบไป
ข้อ 4. จีนกิมฮะจีนกิมติดอำแดงหลีอำแดงแดงจีนกิมฮกจีนกิมจู อำแดงเปียกซึ่งเป็นผู้จะได้รับหุ้นส่วนนั้นได้เห็นชอบยินยอมตามที่อำแดงยิ้มยายแบ่งปันตั้งแต่วันทำหนังสือบริคนห์สัญญาฉบับนี้แล้วผู้ซึ่งจะได้รับหุ้นส่วนนั้นเมื่อได้รับเงินตราวันใด ให้ทำหนังสือสำคัญซึ่งเป็นหลักถานให้แก่อำแดงหลีซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์
ข้อ 5. ตั้งแต่วันที่ได้ทำหนังสือบริคนห์สัญญาแบ่งปันฉบับนี้ อำแดงยิ้มยายผู้แบ่งปันจีนกิมฮะจีนกิมติดอำแดงหลีอำแดงแดงจีนกิมฮก จีนกิมจูอำแดงเปียกต้องนับถือหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นหลักถานถ้าผู้ใดกระทำผิดข้อสัญญาฉบับนี้ก็ให้ฟ้องร้องยังโรงศาลให้พิจารณาตามบริคนห์สัญญาฉบับนี้เทอญ ข้าพเจ้าจดหมายลงชื่อไว้เป็นสำคัญ"
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นเรื่องการแบ่งปันทรัพย์มรดกของ ต.และป. ผู้วายชนม์ให้แก่บุตรซึ่งเป็นทายาท ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวมหรือกงสี
คำว่า "ผู้จะได้รับหุ้นส่วน" หมายถึง"ผู้จะได้รับส่วนแบ่ง" นั่นเองกรณีหาใช่ผู้เป็นหุ้นส่วนนำเงินมาเข้าหุ้นกันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร อันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นไม่
ข้อ 1. เดิมจีนตืออากรอำแดงเป้อได้อยู่กินเป็นสามีภริยาได้ประกอบการทำมาหากินด้วยกัน มีทรัพย์สมบัติหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งเป็นสวิญญาณกะทรัพย์อวิญญาณกะทรัพย์ครั้นมาณวันแรม 12 ค่ำ เดือน 1 ค่ำปีกุนเอกศกอำแดงเป้อตายณวันที่ขึ้น2ค่ำเดือน4เอกศกจีนตืออากรตาย บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรและของอำแดงเป้อนั้นอำแดงยิ้มได้เป็นผู้เก็บรักษาไว้ทั้งสิ้น บัดนี้ อำแดงยิ้มจะได้เอาทรัพย์ที่เก็บรักษาไว้นั้นออกแจกปันให้แก่บุตรจีนตืออากรอำแดงเป้อซึ่งเป็นหลานอำแดงยิ้มเป็นส่วนส่วนดังนี้
ข้อ 2. คือแบ่งปันให้จีนกิมฮะเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่งจีนกิมติดเงินตราสี่ร้อยสี่สิบชั่ง อำแดงหลีเงินตราห้าร้อยชั่งอำแดงแดงเงินตราห้าร้อยชั่งจีนกิมฮกเงินตราห้าร้อยชั่งจีนกิมจูเงินตราห้าร้อยชั่งอำแดงเปียกเงินตราห้าร้อยชั่งรวมเป็นเงินที่ได้แบ่งปันนี้เป็นเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่ง
ข้อ 3. บันดาทรัพย์สมบัติของจีนตืออากรอำแดงเป้อ นอกจากเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งได้แบ่งปันนี้ ยังมีอยู่คือ บ้านเรือนสวน นา สิ่งของ ทองรูปพรรณสารกรมธรรมทาษลูกหนี้สวิญญาณกะทรัพย์ อวิญญาณกะทรัพย์อำแดงยิ้มได้แบ่งปันให้กับอำแดงหลีบุตรจีนตืออากรอำแดงเป้อทั้งสิ้นแต่ส่วนทองคำเนื้อแปดให้แบ่งปันกันแก่อำแดงแดงหนักแปดสิบแปดบาทอำแดงเปียกหนักแปดสิบแปดบาทกับเงินตราสามพันสามร้อยแปดสิบชั่งซึ่งจะได้แบ่งปันกันนั้นอำแดงยิ้มยายมอบให้อำแดงหลีหลานเป็นผู้เก็บรักษาไว้สืบไป
ข้อ 4. จีนกิมฮะจีนกิมติดอำแดงหลีอำแดงแดงจีนกิมฮกจีนกิมจู อำแดงเปียกซึ่งเป็นผู้จะได้รับหุ้นส่วนนั้นได้เห็นชอบยินยอมตามที่อำแดงยิ้มยายแบ่งปันตั้งแต่วันทำหนังสือบริคนห์สัญญาฉบับนี้แล้วผู้ซึ่งจะได้รับหุ้นส่วนนั้นเมื่อได้รับเงินตราวันใด ให้ทำหนังสือสำคัญซึ่งเป็นหลักถานให้แก่อำแดงหลีซึ่งเป็นผู้รักษาทรัพย์
ข้อ 5. ตั้งแต่วันที่ได้ทำหนังสือบริคนห์สัญญาแบ่งปันฉบับนี้ อำแดงยิ้มยายผู้แบ่งปันจีนกิมฮะจีนกิมติดอำแดงหลีอำแดงแดงจีนกิมฮก จีนกิมจูอำแดงเปียกต้องนับถือหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นหลักถานถ้าผู้ใดกระทำผิดข้อสัญญาฉบับนี้ก็ให้ฟ้องร้องยังโรงศาลให้พิจารณาตามบริคนห์สัญญาฉบับนี้เทอญ ข้าพเจ้าจดหมายลงชื่อไว้เป็นสำคัญ"
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นเรื่องการแบ่งปันทรัพย์มรดกของ ต.และป. ผู้วายชนม์ให้แก่บุตรซึ่งเป็นทายาท ไม่ใช่การจัดตั้งกองทรัพย์รวมหรือกงสี
คำว่า "ผู้จะได้รับหุ้นส่วน" หมายถึง"ผู้จะได้รับส่วนแบ่ง" นั่นเองกรณีหาใช่ผู้เป็นหุ้นส่วนนำเงินมาเข้าหุ้นกันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร อันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาเรื่องแบ่งทรัพย์มรดก จำเลยต้องปฏิบัติตามลำดับในคำพิพากษา
แม้ศาลจะมีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดเกี่ยวกับที่ดินมรดกว่าให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกแก่โจทก์ทั้งสามคนละ 1 ใน 4 ส่วนหรือให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดินแก่โจทก์ส่วนละ 1,250 บาท หรือมิฉะนั้นให้ขายที่ดินทั้งแปลงเอาเงินมาแบ่งกันตามส่วนก็ตาม ในการบังคับคดีจำเลยจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้ตามลำดับของคำพิพากษาทั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถจะแบ่งที่ดินมรดกให้แก่โจทก์ทั้งสามตามคำพิพากษาได้ ดังนี้ จำเลยจะเลือกวิธีการนำเงินค่าที่ดินมาชำระให้โจทก์ส่วนละ 1,250 บาท โดยโจทก์ไม่ตกลงด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและผลผูกพันต่อสินสมรส: กรณีแบ่งทรัพย์มรดก
คดีก่อน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ให้แบ่งมรดก คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วยนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้อน เพราะจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยในคดีนี้ก็ด้วยการที่ศาลชั้นต้นเรียกให้เข้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)
ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2 ได้ทำพินัยกรรมยกสินสมรสส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาท ต่อมาจำเลยที่ 2 และทายาทอื่น ๆ ได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์ทั้งหมดรวมทั้งสิ้นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาทรวมทั้งตัวของจำเลยที่ 2 ด้วยโดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ กำหนดส่วนที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าทายาทของผู้ตายไม่ถือว่าจะต้องแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรม แต่หากต่างตกลงแบ่งกันตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันได้แก่กัน ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ และแต่ละฝ่ายจึงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้น และถือว่าจำเลยที่ 2 ยอมตกลงด้วยในฐานะที่เป็นภรรยาของผู้ตายและฐานะเป็นทายาทด้วย สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ยกสินสมรสส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดสำหรับการยกให้
ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2 ได้ทำพินัยกรรมยกสินสมรสส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาท ต่อมาจำเลยที่ 2 และทายาทอื่น ๆ ได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์ทั้งหมดรวมทั้งสิ้นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาทรวมทั้งตัวของจำเลยที่ 2 ด้วยโดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ กำหนดส่วนที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าทายาทของผู้ตายไม่ถือว่าจะต้องแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรม แต่หากต่างตกลงแบ่งกันตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันได้แก่กัน ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ และแต่ละฝ่ายจึงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้น และถือว่าจำเลยที่ 2 ยอมตกลงด้วยในฐานะที่เป็นภรรยาของผู้ตายและฐานะเป็นทายาทด้วย สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ยกสินสมรสส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดสำหรับการยกให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกแบ่งทรัพย์ช้าไม่ได้ละเมิด หากมีเหตุผลอันควรจากหนี้สินและข้อพิพาท
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกตามพินัยกรรมของ ท. ผู้ตายจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งตามข้อกำหนดพินัยกรรมได้กำหนดหน้าที่ของจำเลยให้จัดแบ่งทรัพย์มรดกโดยเร็ว การที่จำเลยโอนทรัพย์มรดกของ ท. ให้โจทก์เมื่อ 2เมษายน2516หลังจากที่ท. ตายเป็นเวลา 5 ปีเศษเป็นเพราะมรดกมีหนี้สินเกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก และมีทรัพย์นอกพินัยกรรมบางอย่างรวมอยู่ด้วยจำเลยจำต้องยื่นคำร้องต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเสียก่อนในระหว่างจำเลยยื่นคำร้องจำเลยถูกทายาทและบุคคลภายนอกฟ้องอีก 4 คดี คดีหลังสุดได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อ 21 พฤศจิกายน2515 จำเลยต้องเสียเวลาต่อสู้คดีก็เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของกองมรดก นอกจากนี้ปรากฏว่าที่ดินตาม น.ส.3 ที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ กับที่ดินมรดกบางแปลงมีหลักฐานไม่ตรงทะเบียนจำเลยต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง จึงจัดการโอนได้เป็นที่เรียบร้อย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อถ่วงเวลาแบ่งมรดกล่าช้าทำให้โจทก์เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3019/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อนหรือไม่? ศาลฎีกาชี้ว่าคดีเดิมและคดีใหม่มีมูลเหตุต่างกัน การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาเช่าถือเป็นคนละเรื่องกับคดีขอแบ่งทรัพย์
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ขอแบ่งห้องพิพาทกึ่งหนึ่งอ้างว่า เป็นหุ้นส่วนกัน คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์มาฟ้องคดีนี้โดยกล่าวว่าห้องพิพาทเป็นทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 มีผู้จะเช่าตึกพิพาทโดยให้เงินล่วงหน้า 100,000 บาท ค่าเช่าเดือนละ 150 บาท จำเลยจะให้เช่าโดยไม่ยอมแบ่งเงินล่วงหน้าและค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์เสนอขอรับส่วนแบ่งผู้เช่าจึงระงับการเช่าไปภายหลังจำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 เข้าอยู่ในห้องพิพาทเป็นเหตุให้เสื่อมประโยชน์ของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินล่วงหน้าในการเข้าอยู่ในห้องพิพาท 50,000 บาท กับผลประโยชน์ที่โจทก์ควรจะได้เดือนละ75 บาท ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องในคดีหลังนี้ต่างกับคดีก่อน คดีก่อนโจทก์ขอแบ่งตึกพิพาทอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ควรจะได้ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่เอาตึกพิพาทไปให้จำเลยที่ 2 อยู่ ซึ่งเป็นมูลกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนและโจทก์ไม่อาจขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ทั้งคดีหลังนี้ยังมีข้อหาและคำขอบังคับเอากับจำเลยที่ 2 อีกส่วนหนึ่งด้วย จึงไม่ใช่คำฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีก่อนไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1)