พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4166/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการยื่นข้อเรียกร้องและหน้าที่ในการเจรจาตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ การปิดงานชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ปฏิบัติตาม
การยื่นข้อเรียกร้องต่ออีกฝ่ายหนึ่งตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 13 อาจเป็นการขอให้มีการกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งเดิมไม่มีอยู่หรือขอให้ยกเลิกข้อตกลงเกี่ยวกับ สภาพการจ้างที่มีและใช้บังคับอยู่เสียหรืออาจเรียกร้องให้แก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างคือเพิ่มหรือ ลด ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นก็ได้
สหภาพแรงงานโจทก์ได้รับข้อเรียกร้องของบริษัทจำเลยแล้วจะต้องแจ้งชื่อโจทก์หรือผู้แทนเป็นหนังสือให้จำเลย โดยมิชักช้าและจะต้องเริ่มเจรจากันภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับข้อเรียกร้องตามพระราชบัญญัติแรงงาน สัมพันธ์ ฯ มาตรา 16 แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจนจำเลยแจ้งข้อพิพาทแรงงานต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทโจทก์ก็ยัง คงไม่ยอมเข้าเจรจาด้วยจำเลยจึงมีสิทธิปิดงานได้
สหภาพแรงงานโจทก์ได้รับข้อเรียกร้องของบริษัทจำเลยแล้วจะต้องแจ้งชื่อโจทก์หรือผู้แทนเป็นหนังสือให้จำเลย โดยมิชักช้าและจะต้องเริ่มเจรจากันภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับข้อเรียกร้องตามพระราชบัญญัติแรงงาน สัมพันธ์ ฯ มาตรา 16 แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจนจำเลยแจ้งข้อพิพาทแรงงานต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทโจทก์ก็ยัง คงไม่ยอมเข้าเจรจาด้วยจำเลยจึงมีสิทธิปิดงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3556/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจหน้าที่นายทะเบียนแรงงานสัมพันธ์ และการแสดงความเห็นที่มิใช่คำสั่ง
จำเลยที่2เป็นนายทะเบียนตามพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งมีหน้าที่พิจารณาการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานสหพันธ์นายจ้างหรือสหพันธ์แรงงานกับสภาองค์การนายจ้างและสภาองค์การลูกจ้างตลอดจนหน้าที่อื่นๆอันเป็นการรับจดทะเบียนเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้การที่โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทยร้องเรียนต่อจำเลยที่2ว่าการประชุมใหญ่ของสภาองค์การลูกจ้างฯเป็นโมฆะและจำเลยที่2ได้มีหนังสือถึงโจทก์แสดงข้อเท็จจริงและความเห็นที่จำเลยที่2ตรวจสอบจากหลักฐานต่างๆโดยมิได้มีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องกระทำเช่นนั้นจึงมิใช่คำสั่งเรื่องการโมฆะมิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3389/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างแรงงานมีกำหนดระยะเวลาหลังผ่านทดลองงาน ไม่ขัดต่อกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และการเลิกจ้างไม่ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม
สัญญาจ้างแรงงานซึ่งจะถือว่าเป็นการขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ของนายจ้างหรือขัดต่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างอันจะทำให้ สัญญาจ้างไม่มีผลใช้บังคับ ได้แก่การทำสัญญาจ้าง ซึ่งมีข้อตกลง หรือเงื่อนไขผิดไปจากระเบียบข้อบังคับของ นายจ้างหรือข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพการจ้างซึ่งกำหนดไว้เพื่อ ประโยชน์ของลูกจ้าง ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ไม่มีข้อใดกำหนดหรือระบุเป็น ข้อห้ามว่ามิให้โจทก์ทำสัญญาจ้างลูกจ้างโดยกำหนดระยะเวลาจ้างไว้ การที่โจทก์จะจ้างพนักงานซึ่งผ่านพ้นการทดลองปฏิบัติงานมาแล้วเป็นพนักงานทั่วไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่ตกลงว่าจ้างกันอีกชั้นหนึ่ง โจทก์ย่อมมีอำนาจทำสัญญาจ้างลูกจ้างโดยตกลงกำหนดระยะเวลาการจ้าง ไว้แน่นอนได้ไม่เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 20
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ที่ไม่ถือเป็นการโยกย้ายตามมาตรา 31 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ หากเป็นการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่
โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยตำแหน่งนิติกร 4 แผนกการตลาดเมื่อปรากฏว่าหัวหน้าแผนกการตลาดเป็นพนักงานระดับ 5 ส่วนหัวหน้าคณะที่ปรึกษาเป็นพนักงานระดับ 6 คณะที่ปรึกษาเป็น ผู้ให้คำปรึกษาแก่จำเลยในเมื่อมีปัญหาจากทุกแผนก รวมทั้ง แผนกการตลาดนิติกร 4 ของคณะที่ปรึกษาจึงมีความสำคัญยิ่งกว่านิติกร 4 แผนกการตลาดการที่จำเลยออกคำสั่งแต่งตั้ง โจทก์เป็นนิติกร 4 คณะที่ปรึกษาจึงเป็นการเลื่อนตำแหน่ง หน้าที่การงานของโจทก์ให้สูงขึ้นถือไม่ได้ว่าเป็นการ โยกย้ายหน้าที่ตามความหมายของมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติ แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ .2518
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงาน: สัญญาจ้างสิ้นสุดแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตเลิกจ้างตามมาตรา 52 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
นายจ้างยื่นคำร้องขอเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าตามคำร้องเป็นเรื่องสัญญาจ้างแรงงานระหว่างผู้ร้องกับลูกจ้างสิ้นสุดลงก่อนแล้ว การสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยยังมิได้สืบพยานหรือมิได้วินิจฉัยตามประเด็นข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางยกเรื่องอำนาจฟ้องของผู้ร้องมาวินิจฉัยก่อนว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ใช่เหตุซึ่งจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52 ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำ ได้ ไม่ใช่เป็นกรณีที่ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่มีส่วนร่วมเตรียมข้อเรียกร้องถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
จำเลยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมการยื่นข้อเรียกร้องต่อโจทก์นายจ้าง โดยเข้าร่วมประชุมปรึกษากับลูกจ้างอื่น แม้จะไม่มีชื่อและลายมือชื่อของจำเลยในหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องที่ยื่นต่อโจทก์ ก็ถือได้ว่าจำเลยเป็นลูกจ้างที่ยื่นข้อเรียกร้องด้วย การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่มีส่วนร่วมในการยื่นข้อเรียกร้อง ถือเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
จำเลยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเตรียมการยื่นข้อเรียกร้องต่อโจทก์นายจ้าง โดยเข้าร่วมประชุมปรึกษากับลูกจ้างอื่นแม้จะไม่มีชื่อและลายมือชื่อของจำเลยในหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องที่ยื่นต่อโจทก์ ก็ถือได้ว่าจำเลยเป็นลูกจ้างที่ยื่นข้อเรียกร้องด้วย การที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518 มาตรา 121(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนชั้นพนักงาน: ข้อตกลงสภาพการจ้างมีผลเฉพาะปี และบทบัญญัติมาตรา 12 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ไม่ครอบคลุมข้อตกลงชั่วคราว
การเลื่อนชั้นพนักงานเป็นอำนาจของธนาคารจำเลยผู้เป็นนายจ้างที่จะพิจารณาตามที่เห็นสมควรแก่อัตราตำแหน่งที่มีอยู่ประกอบกับผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างและข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างในเรื่องนี้
ประกาศนโยบายการเลื่อนชั้นพนักงานขณะที่เป็นเพียงหนังสือของธนาคารจำเลยถึงผู้จัดการฝ่ายการพนักงานเพื่อให้ถือเป็นหลักปฏิบัติยังไม่เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแต่ต่อมาสหภาพแรงงานได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อธนาคารจำเลยและได้ตกลงยอมรับเอาประกาศนโยบายฉบับดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับดังนั้นประกาศนโยบายฉบับดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
ธนาคารจำเลยประกาศนโยบายการเลื่อนชั้นพนักงานเป็นปี ๆไป โดยแต่ละปีมีหลักเกณฑ์และแนวทางแตกต่างกันไปดังนี้จะนำประกาศนโยบายปีหนึ่งมาใช้บังคับในปีถัดไปหาได้ไม่
กรณีตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 12หมายถึง ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มีผลบังคับเป็นการทั่ว ๆ ไป มิใช่เป็นข้อตกลงที่มีเจตนาให้ใช้บังคับชั่วระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้เท่านั้น
ประกาศนโยบายการเลื่อนชั้นพนักงานขณะที่เป็นเพียงหนังสือของธนาคารจำเลยถึงผู้จัดการฝ่ายการพนักงานเพื่อให้ถือเป็นหลักปฏิบัติยังไม่เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแต่ต่อมาสหภาพแรงงานได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อธนาคารจำเลยและได้ตกลงยอมรับเอาประกาศนโยบายฉบับดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับดังนั้นประกาศนโยบายฉบับดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
ธนาคารจำเลยประกาศนโยบายการเลื่อนชั้นพนักงานเป็นปี ๆไป โดยแต่ละปีมีหลักเกณฑ์และแนวทางแตกต่างกันไปดังนี้จะนำประกาศนโยบายปีหนึ่งมาใช้บังคับในปีถัดไปหาได้ไม่
กรณีตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 12หมายถึง ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มีผลบังคับเป็นการทั่ว ๆ ไป มิใช่เป็นข้อตกลงที่มีเจตนาให้ใช้บังคับชั่วระยะเวลาหนึ่งที่กำหนดไว้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างต้องได้รับอนุญาตศาล แม้มีพฤติกรรมผิดตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
แม้กรรมการลูกจ้างจะกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯมาตรา 123 ก็ตาม แต่การที่นายจ้างจะเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างก็จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2856/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาใน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ และอำนาจขยายเวลาของรัฐมนตรี
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มิได้กำหนดวิธีการนับระยะเวลาไว้ จึงต้องนำวิธีการกำหนดนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 158 มาใช้บังคับคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้รับคำร้องของนายเกรียงศักดิ์ นพศรี ลูกจ้าง เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2524 จึงจะนับวันแรกที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้รับคำร้องรวมคำนวณด้วยไม่ได้กำหนดระยะเวลาเก้าสิบวันตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯมาตรา 125 จึงต้องเริ่มนับจาก วันที่ 28 พฤษภาคม 2524 และจะครบกำหนดเก้าสิบวันในวันที่ 25 สิงหาคม 2524
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 125 วรรคสองให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจในการขยายเวลาการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไว้อย่างกว้างขวาง ไม่มีข้อจำกัดหรือกำหนดวิธีการในการร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งอนุญาตไว้แต่อย่างใด เมื่อมีคำขออนุมัติขยายเวลาชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไปอีกสามสิบวัน นับแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2524 ถึงวันที่ 24 กันยายน 2524 ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งอนุมัติให้ขยายระยะเวลาตามคำขอนั้นแล้ว และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้มีคำสั่งก่อนครบกำหนดสามสิบวัน ตามที่ได้รับอนุมัติให้ขยายระยะเวลาออกไป คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 125 วรรคสองให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจในการขยายเวลาการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไว้อย่างกว้างขวาง ไม่มีข้อจำกัดหรือกำหนดวิธีการในการร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งอนุญาตไว้แต่อย่างใด เมื่อมีคำขออนุมัติขยายเวลาชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไปอีกสามสิบวัน นับแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2524 ถึงวันที่ 24 กันยายน 2524 ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งอนุมัติให้ขยายระยะเวลาตามคำขอนั้นแล้ว และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้มีคำสั่งก่อนครบกำหนดสามสิบวัน ตามที่ได้รับอนุมัติให้ขยายระยะเวลาออกไป คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย