คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ใบตราส่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2527/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการในใบตราส่ง ไม่ผูกพันให้ต้องเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตฯ ก่อนฟ้องคดี
ตามใบตราส่งระบุแต่เพียงว่าข้อพิพาทใดๆตามใบตราส่งคู่กรณีต้องผูกพันตนตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่มีข้อความบังคับว่าคู่กรณีจำต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดก่อนจึงจะฟ้องคดีต่อศาลได้ฟ้องของโจทก์ไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530มาตรา10โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขนส่งกับการส่งมอบสินค้าโดยไม่มีใบตราส่ง ไม่เข้าข่ายอายุความตามมาตรา 624
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 ถือว่าใบตราส่งเป็นหลักฐานสำคัญในสัญญารับขน การที่บริษัท ช. รับสินค้าจากบริษัทท.ตัวแทนของจำเลยที่1โดยมิได้มีใบตราส่งมาแสดงบริษัทช.จะต้องให้ประกันตามควร ซึ่งหมายถึงการค้ำประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ ที่บริษัท ช. ทำหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกรณีส่งมอบของโดยไม่มีใบตราส่งนั้น เป็นเพียงหนังสือที่บริษัท ช.ยอมชดใช้ค่าเสียหายในกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามหนังสือดังกล่าวไม่ใช่เป็นการให้ประกันตามควรตามความหมายของมาตรา 615 การที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัท ช. ไปโดยที่บริษัทดังกล่าวไม่มีใบตราส่งมาแสดง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าและกฎหมายในการส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัท ช. เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าสินค้า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกค่าของที่มิได้รับชำระเนื่องจากการกระทำอันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1มิใช่ฟ้องให้รับผิดเนื่องจากของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีรับขนสินค้า, ประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าไม่มีใบตราส่ง, ไม่ขาดอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสินค้าเกลือและให้จำเลยที่ 1 รับขนไปส่งให้แก่บริษัทช.เมืองมะละกาประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อสินค้าเกลือที่จำเลยที่ 1 รับขนไปถึงเมืองมะละกาแล้ว จำเลยที่ 1 โดยพลการหรือโดยความประมาทเลินเล่อ ส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัทช. โดยไม่มีใบตราส่งมาแสดงแทนที่จะส่งมอบสินค้านั้นคืนให้โจทก์เพื่อคิดค่าระวางและค่าเสียหายกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าโดยไม่ถูกต้องแล้ว บริษัทช. ไม่เคยชำระราคาสินค้าให้แก่โจทก์การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 43,102 เหรียญมาเลเซียแก่โจทก์ ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมปรากฏว่านอกจากนั้นโจทก์มิได้อ้างในคำฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบสินค้าที่ขนส่งในฐานะเป็นผู้รับตราส่ง แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองใบตราส่งอย่างไรก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงใบตราส่ง แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ในการรับขนสินค้าเกลือของโจทก์ทางทะเลไปยังเมืองท่ามะละกาประเทศมาเลเซียเพื่อส่งให้แก่บริษัทช. แต่จำเลยที่ 1กระทำโดยพลการหรือประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัท โดยบริษัทช. ไม่มีใบตราส่งมาแสดง โจทก์มิได้ฟ้องโดยอ้างสิทธิในฐานะผู้ทรงใบตราส่งโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 ถือว่าใบตราส่งเป็นหลักฐานสำคัญในสัญญารับขน การที่บริษัทช.รับสินค้าจากบริษัทท.ตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยมิได้มีใบตราส่งมาแสดง บริษัทช.จะต้องให้ประกันตามควรเป็นหลักประกันที่เชื่อถือได้ ซึ่งหมายถึงการค้ำประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ ที่บริษัทช. ทำหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกรณีส่งของโดยไม่มีใบตราส่งนั้น ก็เป็นเพียงหนังสือที่บริษัทช. ยอมชดใช้ค่าเสียหายในกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามหนังสือดังกล่าวโดยไม่มีหลักประกันอันใดให้ไว้เลย จึงไม่ใช่เป็นการให้ประกันตามควรตามความหมายของมาตรา 615 การที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทช. ไปโดยที่บริษัทดังกล่าวไม่มีใบตราส่งมาแสดง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าและกฎหมายในการส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทช. เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าสินค้า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า บริษัทช. ได้รับของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อน และได้ชำระค่าระวางพาหนะเสร็จแล้ว จึงเป็นผลให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1 สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 623 นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ถือได้ว่าเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกค่าของที่มิได้รับชำระเนื่องจากการกระทำอันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 มิใช่ฟ้องให้รับผิดเนื่องจากของสูญหายหรือบุบสลายหรือชักช้า จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3787/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อหลังใบตราส่งถือเป็นการตกลงยกเว้น/จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่ง
การที่ผู้ส่งสินค้าลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญไว้ในใบตราส่งด้านหลังซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขและความรับผิดไว้ นอกจากจะเป็นการโอนสิทธิตราสารให้แก่ผู้รับตราส่งแล้ว ยังถือว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดแล้วหากเกิดความเสียหายขึ้นแก่สินค้า ผู้รับขนย่อมต้องรับผิดตามเงื่อนไขที่จำกัดความรับผิดไว้เท่านั้น โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่อาจฟ้องจำเลยผู้รับขนให้รับผิดตามมูลค่าของความเสียหายที่เกิดแก่สินค้าได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3077/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ออกใบตราส่ง เมื่อสินค้าส่งออกโดยมิได้เสียภาษี เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต
โจทก์ส่งของออกนอกราชอาณาจักรโดยมิได้เสียภาษีอันเป็นการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27เป็นเหตุให้จำเลยผู้ขนส่งไม่อาจออกใบตราส่งให้โจทก์ได้การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่ออกใบตราส่งให้จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจองระวางเรือผูกพันจนกว่าจะออกใบตราส่ง แม้จะเปลี่ยนเรือขนส่ง
โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลยเพื่อขนข้าวสารของโจทก์ไปต่างประเทศ โจทก์ขนข้าวสารบางส่วนขึ้นเรือแล้วต่อมาจำเลยสั่งระงับและสั่งให้ขนลงจากเรือทั้งหมด ในสัญญาใบจองระวางเรือมีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่งจะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่งจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง แสดงว่าสัญญาใบจองระวางเรือผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่งดังนั้น เมื่อยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือใช้บังคับ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1768/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาใบจองระวางเรือ: ความผูกพันจนกว่าจะออกใบตราส่ง และความรับผิดของผู้ขนส่ง
โจทก์ทำสัญญาใบจองระวางเรือกับจำเลยเพื่อขนข้าวสารของโจทก์ ไปต่างประเทศ โจทก์ขนข้าวสารบางส่วนขึ้นเรือแล้วต่อมาจำเลย สั่งระงับและสั่งให้ขนลงจากเรือทั้งหมด ในสัญญาใบจองระวางเรือ มีข้อความว่าใบตราส่งซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่ใช้อยู่ตามปกติของผู้ขนส่ง จะถูกนำมาใช้ ข้อกำหนดเงื่อนไขและข้อยกเว้นทั้งปวงของใบตราส่ง จะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์เฉพาะในระหว่างช่วงเวลานี้จนกว่าจะออกใบตราส่ง แสดงว่าสัญญาใบจอง ระวางเรือผูกพันโจทก์จำเลยจนกว่าจะมีการออกใบตราส่ง ดังนั้นเมื่อยังไม่มีการออกใบตราส่งให้โจทก์ผู้ส่งจึงอยู่ในระยะเวลาที่สัญญาใบจองระวางเรือใช้บังคับ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับขนทางทะเล: ข้อจำกัดความรับผิดในใบตราส่งเป็นโมฆะ หากไม่มีการตกลงชัดเจน และการใช้กฎหมายต่างประเทศต้องยกขึ้นว่ากันตั้งแต่ต้น
จำเลยเพิ่งมาอ้างในชั้นฎีกาว่า การที่จะพิจารณาว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามสัญญาขนส่งพิพาทให้โจทก์หรือไม่เพียงใด ต้องบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางทะเลของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากคู่สัญญาขนส่งคือผู้ส่งและผู้ขนส่งได้ตกลงไว้เช่นนั้นตามมาตรา 13 ของพ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พุทธศักราช 2481 ข้อต่อสู้ดังกล่าวจำเลยหาได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้เพราะถือว่ามิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ตามป.วิ.พ. มาตรา 249
ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีกฎหมายว่าด้วย การรับขนทางทะเลและไม่ปรากฏว่า มีจารีตประเพณีว่าด้วยการนี้จึงต้องใช้ ป.พ.พ.บรรพ 3ลักษณะ 8 เรื่องรับขน ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับแก่คดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 4 วรรค 3
ข้อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดที่เขียนไว้ด้านหลังใบตราส่งนั้นหากไม่ปรากฏว่าผู้ส่งได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งย่อมเป็นโมฆะตามป.พ.พ. มาตรา 625.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลเมื่อสินค้าสูญหาย และข้อยกเว้นความรับผิดตามใบตราส่ง
บริษัท น. เป็นผู้ขนส่งสินค้าให้แก่ห้าง ศ. จากประเทศบราซิลและบริษัท น. ว่าจ้างบริษัท ป. ให้รับขนสินค้าจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อเรือมาถึงประเทศไทย จำเลยที่ 2 ตัวแทนบริษัท ป. แจ้งให้ห้าง ศ.ทราบจัดการให้เรือเทียบท่า หาคนขนถ่ายสินค้า ออกใบส่งมอบสินค้าให้จำเลยที่ 1 ผู้รับตราส่ง จำเลยที่ 1 จะต้องโอนสินค้าให้ห้าง ศ.จึงจะไปเบิกสินค้าจากโกดังของการท่าเรือฯ ได้ การขนส่งสินค้าดังกล่าวเป็นวิธีดำเนินการค้าอันทำให้ได้รับบำเหน็จทางการค้าตามปกติของตน จึงเป็นการดำเนินงานในลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้า และเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลเมื่อสินค้าเกิดเสียหายขึ้น ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2643/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนออกใบตราส่งไม่ตรงตามข้อตกลง ทำให้เจ้าของเรือต้องรับผิดชอบ สัญญาเช่าเรือ
โจทก์ได้ติดต่อที่จะแต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนรับส่งสินค้าทางทะเลขอให้ส่งตัวแทนไปเจรจาข้อปลีกย่อย เมื่อโจทก์และตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้เจรจาตกลงกันแล้วจำเลยที่ 1 ได้มีจดหมายยืนยันรายละเอียดที่ได้เจรจากันไปให้โจทก์ทราบ และตัวแทนโจทก์ก็ได้มีจดหมายยืนยันมายังจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกัน และว่าจะส่งหนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการตามมาภายหลัง เมื่อเรือของโจทก์เดินทางมารับสินค้าเป็นลำแรก จำเลยที่ 1 ก็ได้ทำหน้าที่ตามที่ตกลงกันไว้และแสดงต่อทางราชการว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนและจำเลยที่ 1 รับเป็นตัวแทนของโจทก์ในการรับส่งสินค้าทางทะเลแล้ว แม้โจทก์จะยังมิได้มีหนังสือแต่งตั้งจำเลยที่ 1 อย่างเป็นทางการก็ไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะมิใช่กรณีที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้ต้องทำเป็นหนังสือ
สัญญาเช่าเรือขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างโจทก์กับเจ้าของเรือ กำหนดให้เจ้าของเรือรับผิดเช่นเดียวกับโจทก์ผู้เช่า สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้าตามที่ปรากฏในใบตราส่งที่กัปตันเรือเป็นผู้ลงชื่อในใบตราส่ง แต่ถ้าโจทก์จะให้กัปตันเรือมอบอำนาจให้โจทก์หรือตัวแทนโจทก์ลงชื่อในใบตราส่งแทนกัปตันเรือก็ได้ ทั้งนี้ต้องออกใบตราส่งให้มีข้อความตรงกับใบรับขั้นต้น กัปตันเรือได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ลงชื่อในใบตราส่ง โดยมีข้อกำหนดว่าจะต้องออกใบตราส่งให้มีข้อความตรงกับใบรับขั้นต้น หาไม่แล้วเจ้าของเรือจะไม่รับผิดชอบจำเลยที่ 1 รู้อยู่แล้ว่าสินค้ามันสำปะหลังที่จำเลยที่ 2 มาจ้างขนส่งนั้นยังไม่แห้งสนิทดังที่หมายเหตุไว้ในใบรับขั้นต้นแต่กลับออกใบตราส่งให้จำเลยที่ 2 ไปโดยไม่หมายเหตุความบกพร่องไว้ให้ตรงกับใบรับขั้นต้น เป็นเหตุให้ธนาคารจ่ายเงินค่าสินค้ามันสำปะหลังให้จำเลยที่ 2 ไปตามใบตราส่งที่ไม่มีหมายเหตุความบกพร่อง ต่อมามันสำปะหลังไปถึงผู้รับตราส่งปรากฏว่าชื้นขึ้นราและมีกลิ่น คุณภาพได้เสื่อมลงราคาตกไปประมาณครึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้รับตราส่งได้รับความเสียหายจึงได้ฟ้องให้เจ้าของเรือรับผิด เจ้าของเรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับตราส่งแล้วจึงได้ไล่เบี้ยเอากับโจทก์ที่ออกใบตราส่งไม่ตรงตามสัญญาเช่าเรือ โจทก์ต้องใช้ค่าเสียหายแก่เจ้างของเรือไปตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จึงต้องถือว่าความเสียหายที่โจทก์ได้รับเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนโจทก์ในการที่ออกใบตราส่งให้แก่จำเลยที่ 2 ไม่ตรงกับใบรับขั้นต้นตามที่ได้รับมอบหมายจากกัปตันเรือ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อให้โจทก์เสียหาย จึงพิพากษายกฟ้องโดยมิได้วินิจฉัยปัญหาที่ว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้ยกปัญหาเรื่องคดีโจทก์ขาดอายุความตั้งประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นในชั้นอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ เมื่อจำเลยที่ 1 ฎีกาเรื่องอายุความขึ้นมาจึงต้องถือว่าปัญหาเรื่องอายุความมิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 4