คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ชำระหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา การบังคับชำระหนี้ทางศาล และค่าเสียหายจากการไม่มีทางออก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 213 เมื่อศาลได้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษาถ้าจำเลยได้เอาที่พิพาทนั้นไปจำนองเป็นประกันหนี้แก่บุคคลที่สามไว้ก่อนศาลมีคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องจัดการให้สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าหากจำเลยไม่ปรารถนาจัดการหรือไม่สามารถจัดการให้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทกลับคืนมาสู่จำเลยโดยสมบูรณ์เพื่อทำนิติกรรมเป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้บุคคลที่สามกระทำการอันนั้นโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายให้ เพราะกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทได้ตกเป็นประกันหนี้โดยการจำนองโดยชอบแก่บุคคลที่สามแล้วบุคคลที่สามจะต้องเสียหายโดยไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยแต่อย่างใดเมื่อเป็นดังนี้ จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 215 ซึ่งได้บัญญัติว่า'เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นก็ได้'ความเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้นี้ เป็นความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์จำต้องไปซื้อที่ดินของบุคคลอื่นเพื่อทำเป็นทางเดินออกถึงทางสาธารณะก็เป็นการสืบแสดงถึงความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ของจำเลยให้ต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้นั้นที่เรียกว่าความเสียหายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องจ่ายเงินไปแล้วโดยจริงจังแต่อย่างใดการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นอาจคำนวณเอาได้ แม้ยังไม่ได้จ่ายเงินไป เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นจำนวนเงินอันอาจคำนวณเป็นค่าสินไหมทดแทนได้แล้ว ศาลก็สั่งบังคับให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันมีผลผูกพันเมื่อจำเลยแพ้คดีและไม่ชำระหนี้ แม้เจ้าหนี้ยังไม่ขอบังคับคดี
ผู้ค้ำประกันจำเลยตามคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์โดยมีข้อสัญญาค้ำประกันว่าถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ผู้ค้ำประกันยอมชำระให้โจทก์แทนจำเลยจนครบนั้นแม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีและในระหว่างฎีกาโจทก์จะมิได้ขอให้บังคับคดีเอาแก่จำเลยจนศาลฎีกาพิพากษาแล้วจึงบังคับก็ตาม ก็ไม่ถือว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ผ่อนเวลาให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิดไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่มีเงื่อนไขโอนที่ดินเป็นสิทธิ: ศาลไม่อนุมัติการบังคับโอน หากผู้กู้ไม่ชำระหนี้
กู้เงินกันแล้วมอบที่ดินให้ผู้ให้กู้ครอบครองโดยมีเงื่อนไขว่าถ้าไม่ชำระเงินกู้ภายใน 1 ปี ผู้กู้ยอมโอนที่ให้เป็นสิทธิแก่ผู้ให้กู้ ดังนี้ เป็นเรื่องตาม ป.ม. แพ่งฯมาตรา 656 วรรค 2 ซึ่งผู้ให้กู้จะเอาที่ดินซึ่งผู้กู้ได้มอบให้ไว้ เพื่อได้ตกลงกันไว้หาได้ไม่เพราะกฎหมายให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาห้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์นั้น ฉะนั้นผู้ให้กู้จะฟ้องขอให้บังคับผู้กู้จัดการโอนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ได้และในกรณีเช่นนี้จะถือว่า ผู้ให้กู้ใด้สละสิทธิครองครองที่ดินที่มอบให้ไว้ก็ไม่ได้ เพราะยังจะต้องดำเนินการในเรื่องที่จะยอมโอนต่อไปอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2488 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองจากการกู้ยืมเงินและที่ดินทำต่างดอกเบี้ย หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้ได้สิทธิครอบครอง
ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เอาที่ไม่มีหนังสือสำคัญมอบทำต่างดอกเบี้ย จำเลยไม่ใช้เงินตามสัญญา โจทก์ได้ใช้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบมาเกิน 1 ปีแล้วจึงขอบังคับจำเลยทำสัญญาขายหรือใช้ราคา ดังนี้ฟ้องเป็นการกล่าวพฤตติการณ์ที่เป็นจริง จึงไม่ขัดกับคำขอบังคับท้ายฟ้อง ศาลรับตัดสินตามคำขอได้.
ทำสัญญากันเองมีข้อความว่า "เงินที่กู้จะใช้ใน 1 ปีนับแต่วันทำสัญญาที่นาเป็นกรรมสิทธินั้น" แปลว่าเมื่อพ้น 1 ปีแล้วไม่ชำระเงินก็ให้ที่นาเป็นกรรมสิทธิแก่เจ้าหนี้ เมื่อครบ 1 ปี ลูกหนี้ไม่ชำระเงินก็ถือว่าเจ้าหนี้ได้สิทธิครอบครองในที่ดิน อ้างฎีกาที่ 859/81
ในกรณีที่ลูกหนี้มอบที่ดินมือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ยและยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ชำระเงินภายในกำหนดนั้นเมื่อที่หลุดเป็นสิทธิแล้วเจ้าหนี้มาฟ้องขอให้โอนหรือใช้ราคา ศาลย่อมไม่บังคับให้โอน แต่บังคับไว้ด้วยว่าถ้าจำเลยไปโอนขายแก่คนอื่นก็ให้จำเลยใช้ราคา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างดอกเบี้ย: การหลุดกรรมสิทธิ์ที่ดินเมื่อไม่ชำระหนี้ และสิทธิของเจ้าหนี้
ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เอาที่ไม่มีหนังสือสำคัญมอบทำต่างดอกเบี้ยจำเลยไม่ใช้เงินตามสัญญา โจทก์ได้ใช้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบมาเกิน 1 ปีแล้วจึงขอบังคับจำเลยทำสัญญาขายหรือใช้ราคาดังนี้ ฟ้องเป็นการกล่าวพฤติการณ์ที่เป็นจริง จึงไม่ขัดกับคำขอบังคับท้ายฟ้อง ศาลรับตัดสินตามคำขอได้
ทำสัญญากันเองมีข้อความว่า'เงินที่กู้จะใช้ใน 1 ปีนับแต่วันทำสัญญาที่นาเป็นกรรมสิทธิ์นั้น 'แปลว่า เมื่อพ้น 1 ปีแล้ว ไม่ชำระเงินก็ให้ที่นาเป็นกรรมสิทธิ์แก่เจ้าหนี้ เมื่อครบ 1 ปีลูกหนี้ไม่ชำระเงินก็ถือว่าเจ้าหนี้ได้สิทธิครอบครองในที่ดิน อ้างฎีกาที่859/81
ในกรณีที่ลูกหนี้มอบที่ดินมือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ยและยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ชำระเงินภายในกำหนดนั้นเมื่อที่หลุดเป็นสิทธิแล้วเจ้าหนี้มาฟ้องขอให้โอนหรือใช้ราคา ศาลย่อมไม่บังคับให้โอนแต่บังคับไว้ด้วยว่าถ้าจำเลยไปโอนขายแก่คนอื่นก็ให้จำเลยใช้ราคา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9753/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแฟรนไชส์เป็นสัญญาต่างตอบแทน หากฝ่ายหนึ่งไม่ชำระหนี้ อีกฝ่ายก็มีสิทธิไม่ชำระหนี้ และไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา
สัญญาแฟรนไชส์มีข้อตกลงที่ให้โจทก์นำเงินมาลงทุนประกอบการร้านแฟมิลี่มาร์ทโดยใช้เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการของจำเลย โจทก์เป็นผู้ประกอบการร้านแฟมิลี่มาร์ทและรับผิดชอบต่อลูกจ้างของตนในฐานะนายจ้าง โดยโจทก์จะต้องโอนเงินรายได้จากการขายสินค้าให้จำเลยและจำเลยจะจ่ายเงินปันผลกำไรประจำเดือนและเงินส่วนแบ่งกำไรสะสมให้โจทก์ สัญญาแฟรนไชส์ระหว่างโจทก์และจำเลยจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 369
โจทก์ผิดสัญญาไม่ส่งเงินรายได้จากการขายให้จำเลย โดยที่สัญญาแฟรนไชส์ที่โจทก์ทำกับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาแก่จำเลยก่อน โจทก์จะมาขอให้จำเลยส่งร้านให้โจทก์เข้าครอบครองไม่ได้ เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบร้าน โจทก์จะอ้างเป็นเหตุบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเรียกร้องในสัญญาจะซื้อจะขาย และการบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้โอนสิทธิไม่ชำระหนี้
การที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายโครงการ ก. ให้แก่จำเลยที่ 2 โดยในข้อ 7.2 มีข้อความว่า จำเลยที่ 2 ตกลงและยอมรับโอนไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยที่ 1 มีต่อลูกค้าเฉพาะรายที่ได้จองหรือซื้อที่ดินและ/หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในโครงการแต่ยังมิได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวนั้นจากจำเลยที่ 1 เป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 แต่ยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ได้ทราบถึงการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 แล้วมิได้โต้แย้งคัดค้าน ทั้งยังมีหนังสือแจ้งให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่โจทก์ทำกับจำเลยที่ 1 อีกด้วย จึงต้องถือว่าโจทก์ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นหนังสือและยอมให้จำเลยที่ 2 ผูกพันตนในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแทนจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 จึงต้องรับโอนไปซึ่งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่มีต่อโจทก์แทนจำเลยที่ 1 โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 2 ได้ การที่โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายโดยไม่ยอมเข้าทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับจำเลยที่ 2 เป็นการใช้สิทธิที่มีอยู่ตามปกติหาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายเลิกกันจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องคืนเงินที่จำเลยที่ 1 ได้รับพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่เวลาที่รับไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391
เมื่อจำเลยที่ 2 ได้รับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแทนจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินต่อโจทก์ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
of 3