คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ปฏิบัติตามสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 51 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายและการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยแล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด แต่จำเลยได้ตกลงขายที่พิพาทคืนโจทก์ในราคา 105,000 บาท โดยจำเลยขอค่าเช่าที่ค้างชำระจำนวน 22,500 บาท ด้วย แต่ยอมให้หักเงินจำนวน 30,000 บาทที่โจทก์ชำระให้ในการตกลงซื้อครั้งก่อน คงเหลือราคาที่จะต้องชำระ 97,500 บาทโจทก์ตกลง และนัดจดทะเบียนซื้อขายกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในเดือนมีนาคม 2533ดังนี้ ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาท เมื่อปรากฏว่าจำเลยยอมให้หักเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์ชำระให้ในการตกลงซื้อครั้งก่อนออกจากราคาที่พิพาทที่ตกลงกันในครั้งหลังนี้ ถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่กลับบิดพลิ้วเรียกราคาใหม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไม่เป็นผลเนื่องจากผู้ฟ้องไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา และประเด็นพยานหลักฐานที่มิได้อุทธรณ์ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์มิได้ฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค2ที่ว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค2ปัญหาตามฎีกาโจทก์ที่ว่าสัญญายังไม่เลิกกันจึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีเพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค2ได้ ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำให้การประกอบคำแถลงของทนายโจทก์แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีพอวินิจฉัยได้จึงงดสืบพยานโจทก์จำเลยโจทก์มิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ปัญหาเรื่องพยานหลักฐานในสำนวนครบถ้วนหรือไม่จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ทั้งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายเมื่อผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา และผลของการบอกเลิกสัญญา
จำเลยไม่ปฎิบัติตามสัญญาซื้อขายดินลูกรังข้อ 8 วรรคแรก ที่ว่าเมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามสัญญาข้อ 8วรรคแรกนั้น แต่โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาอีกหลายครั้งและแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งมอบนับตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดอายุสัญญาจนถึงวันที่โจทก์แจ้งให้ทราบไปชำระแก่โจทก์ตามที่ระบุในสัญญาข้อ 9 วรรคแรก ฝ่ายจำเลยที่ 1 ก็มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่ายังเป็นฤดูฝนไม่สามารถส่งดินลูกรังให้ได้ หากส่งได้เมื่อใดจะดำเนินการให้ทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยังมีเจตนาที่จะขายสินค้าให้โจทก์ต่อไปกรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยังให้โอกาสจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังได้อีก หากจำเลยที่ 1 ส่งมอบดินลูกรังให้โจทก์ภายในเวลาที่โจทก์กำหนด ย่อมเป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 ที่จะไม่ถูกริบเงินประกันสัญญาจำนวน35,880 บาท เพราะโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 วรรคสอง เพียงแต่จำเลยที่ 1 จะถูกปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสองของราคาดินลูกรังที่ยังไม่ได้ส่งมอบตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินจำนวนน้อยกว่าเงินประกันสัญญา แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ยอมส่งมอบดินลูกรังที่โจทก์ทวงถามไป โจทก์จึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 9 วรรคสาม ซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาของที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งค่าปรับ จำเลยที่ 1 เป็นรายวันจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: หน้าที่ของคู่สัญญาในการรังวัดและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และผลของการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งทำต่อหน้าศาลและศาลพิพากษาตามยอม มีใจความว่า ข้อ 1. จำเลยตกลงขายส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทให้โจทก์ โดยจำเลยจะดำเนินการให้มีการรังวัดแบ่งแยกและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ในวันที่ 27 ธันวาคม 2532หากจำเลยไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ข้อ 2. โจทก์ยินยอมซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลย และจะชำระราคาที่ดินดังกล่าวให้จำเลยภายในวันที่ 27ธันวาคม 2532 ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการรังวัดแบ่งแยกรวมตลอดจนถึงจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์โจทก์จะเป็นผู้ออกเองทั้งหมดตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวกำหนดเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องเป็นผู้ดำเนินการให้มีการรังวัดแบ่งแยกและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ในวันที่ 27 ธันวาคม 2532 ส่วนโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระราคาที่ดินและเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการรังวัดแบ่งแยกรวมตลอดถึงจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่แบ่งแยกเมื่อโจทก์ชำระราคาให้จำเลยแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้ไปสำนักงานที่ดินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการรังวัดและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในวันที่ 27 ธันวาคม 2532 ก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิ์ซื้อที่ดินพิพาท เพราะตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าวมิได้มีข้อตกลงกันไว้เช่นนั้น กรณีนี้เป็นเรื่องของการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลหากจำเลยเห็นว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอย่างไรก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้บังคับโจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์ข้ามประเทศ การไม่ปฏิบัติตามสัญญาเนื่องจากเหตุผลทางการเมืองไม่ถือเป็นพ้นวิสัย
จำเลยนำรถยนต์ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดย จำเลยทำสัญญาไว้ต่อ โจทก์ว่าจะส่งรถยนต์ คันดังกล่าวกลับออกไปภายในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจำเลยยอมรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม สัญญา อ้างว่าเป็นการพ้นวิสัยเนื่องจากประเทศที่จำเลยจะส่งรถยนต์ กลับออกไปตาม สัญญานั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยใช้ สิทธิการปกครองแตกต่าง กับประเทศไทย จำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปยังประเทศดังกล่าว ดังนี้ เป็นเพียงจำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปเท่านั้น ไม่ใช่จำเลยกระทำไม่ได้ การชำระหนี้ของจำเลยไม่เป็นการพ้นวิสัย จำเลยต้อง ชำระเงินแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงซื้อขายแล้วไม่ปฏิบัติตามสัญญา ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง หากข้าวโพดยังมีอยู่จริงขณะเจรจา
จำเลยตกลงจะขายข้าวโพดให้ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจ่ายเงินค่าข้าวโพดให้จำเลยล่วงหน้าบางส่วน ครั้นผู้เสียหายไปขอรับมอบข้าวโพด ปรากฏว่าข้าวโพดได้หายไปจากเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง จำเลยบอกว่าไม่ขายข้าวโพดให้ผู้เสียหายและไม่ยอมให้นำข้าวโพดไป ผู้เสียหายทวงเงินคืน จำเลยบอกว่าไม่มีเงินคืนให้ เช่นนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยตกลงจะขายข้าวโพดให้ผู้เสียหายแล้วเปลี่ยนใจไม่ยอมขายให้ข้าวโพดที่จะขายมีอยู่จริงในขณะเจรจาตกลงซื้อขายกันจึงเป็นกรณีที่จำเลยประพฤติผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่มีความผิดฐานฉ้อโกง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 758/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการเลิกสัญญาและการเรียกค่าปรับ กรณีผู้รับจ้าง/ผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญา
โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำพัสดุ สัญญาข้อ 19 มีว่า ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปรับผู้รับจ้างเป็นรายวันและเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากงานล่าช้าในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 ด้วย สัญญาข้อ 20 มีว่า ถ้าผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างริบหลักประกันสัญญาและอื่น ๆเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยมิได้ส่งมอบงานและสิ่งของตามสัญญาจึงบอกเลิกสัญญา เช่นนี้เป็นเรื่องใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 20จึงมีสิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 20 โดยไม่มีสิทธิปรับจำเลยตามข้อ 19 ได้อีก
สัญญาซื้อขายข้อ 7 มีว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบของที่ตกลงขายหรือส่งมอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกัน และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นภายในกำหนด 3 เดือนนับจากวันเลิกสัญญา ผู้ขายยอมชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นด้วย สัญญาข้อ 9 มีว่าผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายส่งมอบของครบถ้วน ในระหว่างที่มีการปรับถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ผู้ซื้อจะใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกให้ใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการปรับก็ได้ ดังนี้เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลยและโจทก์ก็ใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันตามข้อ 8 แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันตามข้อ 9.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมูลทำนาและการบังคับตามสัญญา หากไม่ปฏิบัติตามสัญญาประมูล ศาลมีอำนาจบังคับยึดทรัพย์ได้
โจทก์จำเลยพิพาทโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่นาในระหว่างคดีโจทก์ประมูลการทำนาพิพาทได้โดยจะวางเงินจำนวนหนึ่งต่อศาลเป็นรายปีโจทก์วางเงินสำหรับการทำนาปี2524แล้วต่อมาปี2525โจทก์ยื่นคำแถลงขอยกเลิกการประมูลจำเลยแถลงคัดค้านศาลชั้นต้นสั่งว่าฝ่ายจำเลยไม่ยินยอมจะกระทำไม่ได้ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงถึงที่สุดโจทก์ต้องปฏิบัติตามเมื่อโจทก์ไม่นำเงินมาวางศาลภายในกำหนดจำเลยชอบที่จะขอให้บังคับตามคำสั่งนั้นได้ประนอมกับคดีได้ความว่าโจทก์ได้เข้าไถคราดทำนาหว่านข้าวในที่พิพาทแล้วด้วยโดยมิได้วางเงินค่าประมูลทำนาศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินตามจำนวนที่ตกลงประมูลกันมาวางศาลได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผลของการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อศาลและศาลได้ พิพากษาตามยอมแล้ว ว่าจำเลยจะออกจากห้องพิพาทภายในกำหนดสองปี เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออกไป ถือว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในห้องพิพาทต่อไป ส่วนการที่จำเลยได้รับอนุมัติจากกรมการศาสนาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ห้องพิพาทตั้งอยู่ให้เช่าที่ดินได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะกล่าวอ้างมาเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามสัญญา และการคืนเงินค่าที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดิน จำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่ากับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
of 6