คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่มีอำนาจฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขรายการในบัญชีธนาคารไม่ทำให้เจ้าของบัญชีเสียสิทธิ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
การ์ดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเป็นเอกสารที่ธนาคารจัดทำขึ้นเป็นหลักฐานของธนาคารเอง แสดงการเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้ที่มีต่อเจ้าของบัญชีตามรายการที่แสดงไว้ การที่จำเลยที่ 2 ผู้รักษาการในตำแหน่งสมุห์บัญชีและจำเลยที่ 3 ผู้จัดการธนาคารแก้ไขเพิ่มจำนวนเงินฝากในการ์ดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ที่ธนาคาร โดยโจทก์มิได้นำเงินเข้าบัญชีตามรายการนั้น การแก้ไขรายการเช่นนั้นมิได้ทำให้โจทก์เสียสิทธิที่มีต่อธนาคาร โจทก์มิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: สมัครใจวิวาท ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย
ในคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคำพิพากษาในคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า โจทก์กับจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยในมูลกรณีเดียวกันศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามนั้น และเมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าวย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์ เพราะโจทก์สมัครใจยอมรับเอาผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินพร้อมภาระเก็บกินไม่ถือเป็นการให้โดยเสน่หา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย โดยโจทก์จดทะเบียนเป็นผู้ทรงสิทธิเก็บกินตลอดชีวิตของโจทก์ ต่อจากนั้นจำเลยได้เข้าทำนาในที่ดินที่ได้รับยกให้ และแบ่งข้าวเปลือกที่ ได้จากการทำนาให้แก่โจทก์ปีละ 30 ถัง การให้ในลักษณะเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดภาระเกี่ยวกับตัวที่ดินที่โจทก์ยกให้ตลอดชีวิตของโจทก์ จึงมิใช่เป็นการให้โดยเสน่หา แต่เป็นการให้ที่มีค่าภาระติดพัน นิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้กับผู้รับต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 528,529 โจทก์จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และการไม่มีอำนาจฟ้อง: ศาลฎีกายืนว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดหนี้ของผู้อื่นที่นำมารวมกับหนี้เงินกู้
หนี้ตามฟ้องเป็นหนี้สองประเภท คือมูลหนี้ค่าซื้อขายรถยนต์ ซึ่งผู้อื่นเป็นหนี้กับหนี้ที่จำเลยเคยยืมเงินโจทก์ค้างชำระอยู่เดิม นำมารวมทำไว้เป็นสัญญากู้ฉบับเดียวกันให้จำเลยเป็นลูกหนี้ทั้งหมด แม้ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าหนี้ที่รวมทำไว้เป็นสัญญากู้สมบูรณ์เฉพาะหนี้ส่วนที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ หนี้อีกประเภทหนึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย จึงเป็นการแก้มาก โจทก์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำเหมืองเป็นของผู้ถือประทานบัตร การมอบอำนาจเป็นเพียงตัวแทน ไม่ใช่การโอนสิทธิ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ช. เป็นผู้ถือประทานบัตร จึงเป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตร การที่ ช. ทำหนังสือมอบอำนาจตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทน มีอำนาจทำการแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตราพระราชบัญญัติแร่ ในกิจการที่ระบุไว้ เป็นเพียงการตั้งตัวแทนเพื่อติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น สิทธิทำเหมืองแร่ยังเป็นของ ช. ส่วนกาที่ ช. ทำสัญญารับเงินค่าตอบแทนแล้วมอบให้โจทก์มีอำนาจดำเนินการขุดแร่ ขายแร่ ได้ตามอายุประทานบัตรแต่ผู้เดียว โดยให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิและใช้สิทธิของตนได้โดยพลการนั้น มิใช่การโอนประทานบัตรแต่เป็นการให้โจทก์รับช่วงการทำเหมือง เมื่อมิได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย ตามความในมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 โจทก์จึงหามีสิทธิทำเหมืองเสมือนผู้ถือประทานบัตรตามที่บัญญัติในบทมาตรานี้ไม่ สิทธิทำเหมืองยังเป็นของ ช. ผู้เดียว ที่โจทก์เข้าทำเหมืองเป็นเพียงเข้าทำโดยอาศัยสิทธิของ ช. หากมีการโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของ ช. หาใช่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าการทำสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช.ข้างต้านระบุให้โจทก์เป็นตัวแทนมีสิทธิได้รับบำเหน็จ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยแจ้งให้ ช. ระงับการทำเหมืองตามประทานบัตรไว้กับแจ้งให้ ช. ส่งประทานบัตรคืน จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์จากการทำเหมืองตามสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรอันเป็นสิทธิของ ช. มิได้กระทำต่อสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จของโจทก์ดังโจทก์อ้าง จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของโจทก์ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจและติดตามผลการปฏิบัติราชการให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายจากรัฐบาลเนื่องจากทางการเพิกถอนประทานบัตรของ ช. แล้ว คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวก็เป็นคำสั่งในทางบริหาร ไม่ใช่กฎหมาย ศาลจึงจะยกมาวินิจฉัยว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์มีอำนาจฟ้องมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำเหมือง: การมอบอำนาจและการรับช่วงทำเหมือง ไม่ใช่การโอนประทานบัตร ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้อง
ช. เป็นผู้ถือประทานบัตร จึงเป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรการที่ ช. ทำหนังสือมอบอำนาจตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทน มีอำนาจทำการแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ ในกิจการที่ระบุไว้ เป็นเพียงการตั้งตัวแทนเพื่อติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น สิทธิทำเหมืองแร่ยังเป็นของ ช. ส่วนการที่ ช. ทำสัญญารับเงินค่าตอบแทนแล้วมอบให้โจทก์มีอำนาจดำเนินการขุดแร่ ขายแร่ได้ตามอายุประทานบัตรแต่ผู้เดียว โดยให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิและใช้สิทธิของตนได้โดยพลการนั้น มิใช่การโอนประทานบัตร แต่เป็นการให้โจทก์รับช่วงการทำเหมือง เมื่อมิได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย ตามความในมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 โจทก์จึงหามีสิทธิทำเหมืองเสมือนผู้ถือประทานบัตรตามที่บัญญัติในบทมาตรานี้ไม่สิทธิทำเหมืองยังเป็นของ ช. ผู้เดียว ที่โจทก์เข้าทำเหมืองเป็นเพียงเข้าทำโดยอาศัยสิทธิของ ช. หากมีการโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของ ช. หาใช่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าการทำสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ข้างต้น ระบุให้โจทก์เป็นตัวแทนมีสิทธิได้รับบำเหน็จ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยแจ้งให้ ช. ระงับการทำเหมืองตามประทานบัตรไว้กับแจ้งให้ ช. ส่งประทานบัตรคืน จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์จากการทำเหมืองตามสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรอันเป็นสิทธิของ ช. มิได้กระทำต่อสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จของโจทก์ดังโจทก์อ้าง จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของโจทก์ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจและติดตามผลการปฏิบัติราชการให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายจากรัฐบาลเนื่องจากทางการเพิกถอนประทานบัตรของ ช. แล้ว คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวก็เป็นคำสั่งในทางบริหารไม่ใช่กฎหมาย ศาลจึงจะยกมาวินิจฉัยว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์มีอำนาจฟ้องมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งนายกฯ อายัดทรัพย์สินและโอนกรรมสิทธิ์เป็นของรัฐ คดีไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากมีกระบวนการชี้ขาดเฉพาะ
คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ สลร.39/2517 ซึ่งสั่งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช2519 นั้น เมื่อได้สั่งให้ทรัพย์สินของ ณ. และภริยาที่ถูกอายัดหรือยึดไว้แล้วทั้งหมดตกเป็นของรัฐตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทก็ต้องถือว่าได้โอนมาเป็นของรัฐแล้วในทันทีที่มีคำสั่งและคำสั่งดังกล่าวระบุว่าการจะคืนทรัพย์สินใดซึ่ง ณ.และภริยา หรือบุคคลใดได้มาโดยสุจริตและโดยชอบจะต้องพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจของคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้นเสียก่อน หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในการปฏิบัติตามคำสั่ง ก็ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้ขาดโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี คำสั่งนายกรัฐมนตรีดังกล่าวนี้ได้บัญญัติวิธีการที่จะชี้ขาดข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นจากคำสั่งไว้โดยเฉพาะและเป็นคำสั่งที่ออกมาตามอำนาจแห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่กำหนดเรื่องการใช้อำนาจอธิปไตยในขณะนั้นทั้งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517ซึ่งตราขึ้นภายหลังก็ยังบัญญัติให้มีผลใช้บังคับต่อไปดังนั้น เมื่อคณะกรรมการได้ชี้ขาดไม่คืนรถยนต์พิพาทแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องต่อศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง – การประนีประนอมโดยทนาย – ผลกระทบต่อสิทธิ – ไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องว่าโจทก์และ จ.เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่ง ต่อมา จ.ไปแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นชื่อ จ. และนำไปขายให้มารดาจำเลยที่ 2 กับสามี แล้วโจทก์ขอซื้อคืนและมอบให้ จ.ไปขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วทำสัญญายกให้โจทก์ ต่อมาจำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์และ จ.เรียกที่ดินแปลงนี้คืน โจทก์และ จ. ให้ ส. เป็นทนายความโดยลงชื่อในใบแต่งทนายความที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ ไม่เคยยินยอมให้ทนายความทำการประนีประนอมยอมความ ระหว่างพิจารณาคดี ส.ทนายความและ จ.ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลยทั้งสอง เป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่มีผลที่จะบังคับคดีแก่โจทก์ได้ เพราะ จ.มิใช่เจ้าของที่ดินและ ส.ทนายความทำไปโดยพลการ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่าง จ.และจำเลยทั้งสองไม่มีผลตามกฎหมายและที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ คำฟ้องเช่นนี้โจทก์มิได้แสดงให้ปรากฏในคำฟ้องว่าโจทก์ได้ถูกจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิหรือการกระทำของจำเลยทั้งสองมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์แต่อย่างใด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ที่ต้องการใช้ป้ายวงกลมปลอมไม่มีอำนาจฟ้องฐานฉ้อโกง เพราะเป็นผู้กระทำผิดร่วมด้วย
โจทก์ประสงค์จะได้ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมมาติดรถและมอบเงินให้จำเลยไปจัดทำ ซื้อ หรือหาป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมมาให้ ดังนี้ การทำหรือใช้ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมเป็นความผิดต่อกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำผิดด้วย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยชอบ จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีภาษี: การประเมินภาษีถูกต้องและโจทก์ไม่เคยอุทธรณ์ ทำให้ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยเรียกเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรซึ่งจำเลยมีสิทธิประเมินได้ มิใช่ไม่มีมูลจะอ้างได้ตามกฎหมายโจทก์อ้างว่าจำต้องเสียเงินเพราะจำเลยไม่ยอมปล่อยของจากศุลกากรไม่ได้ โจทก์ไม่อุทธรณ์การประเมินก่อนตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะไม่ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
of 6