คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่รับพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งฟ้องฎีกาโดยผู้มิได้มีใบอนุญาตทนายความ เป็นการกระทำไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
น.มิได้เป็นผู้ซึ่งจดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความ และไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามวรรคสองของมาตรา 36 พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2508 การที่ น.ได้เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีโทษทางอาญาตามมาตรา 37 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2812/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจนข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ทำให้ศาลไม่รับพิจารณา
ปัญหาว่า คำร้องของผู้ร้องชอบด้วยมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การคัดค้านการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่งมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ ได้จำกัดประเภทของบุคคลผู้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านไว้ ได้แก่ ผู้เลือกตั้ง ผู้สมัคร และพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น โดยให้มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ในกรณีที่เห็นว่าการเลือกตั้งหรือการที่บุคคลใดได้รับการเลือกตั้ง เป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26,32,34,51 หรือมาตรา 52 ด้วย ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ มาตรา 26 บัญญัติว่าห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครรับเลือกตั้งและการฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 84 คำร้องของผู้ร้องมีใจความสำคัญเพียงว่า ในวันยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งผู้คัดค้านที่ 1 ผู้สมัครยังดำรงตำแหน่งกำนันตำบลอิสาณและนายทะเบียนตำบลอิสาณ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 96(7) ที่ว่าเป็นพนักงานของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ขอให้มีคำสั่งว่าการได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น คำร้องมิได้แสดงโดยแจ้งชัดแห่งข้อหาว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ นั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26 ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 78 อย่างไร กล่าวคือมิได้บรรยายข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านที่ 1 ได้รู้แล้ว ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะเป็นบุคคลต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฯมาตรา 96(7) แล้วยังเข้าสมัครรับเลือกตั้งอีก ฉะนั้นคำร้องของผู้ร้องซึ่งบรรยายอ้างถึงแต่คุณสมบัติของบุคคลที่ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ แต่อย่างเดียว จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย มาตรา 78 ไม่มีเหตุที่จะรับไว้เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 (3) วรรคสอง จำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140(3) วรรคสองจำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อย่างชัดเจน การฎีกาโดยไม่ระบุเหตุผลคัดค้านย่อมเป็นฎีกาที่ไม่รับพิจารณา
ฎีกานั้นจะต้องยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร จะฎีกาแต่เพียงลอย ๆ ว่าไม่เห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เลยนั้นย่อมเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคแรก ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเพิกถอนคำพิพากษาเดิมต้องใช้กระบวนการตามกฎหมาย การฟ้องใหม่จึงไม่รับพิจารณา
จำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์กับจำเลยที่ 4 ขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาให้ที่ดินซึ่ง ท.ภริยาจำเลยที่ 1 ยกให้โจทก์และจำเลยที่ 4 โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 4 ยอมรับว่าเป็นจริงตามฟ้อง ศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาดังกล่าว คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์กับจำเลยที่ 1 หากโจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาคดีดังกล่าวก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207,208 และ 209คือขอให้มีการพิจารณาใหม่ การที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนเช่นนี้ย่อมเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงเป็นคำฟ้องซึ่งศาลไม่พึงรับไว้พิจารณา
เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนเสียแล้ว คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ท. โอนใส่ชื่อตนเองกับจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับมรดกแล้วจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินแปลงดังกล่าวโอนกลับคืนให้จำเลยที่ 4 ครึ่งหนึ่งของเนื้อที่ จึงให้จำเลยทั้งสี่ไปดำเนินการเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนต่างๆ เสีย ให้โจทก์กับจำเลยที่ 4 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม นั้นย่อมไม่เป็นคำฟ้องอันพึงรับไว้พิจารณาเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ต้องระบุข้อผิดพลาดชัดเจน ศาลไม่รับพิจารณาหากอ้างเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้นถูกต้อง
ฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างแต่เพียงว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อน และศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจถูกต้องชอบด้วยเหตุผลแล้วเท่านั้นถือไม่ได้ว่ากล่าวอ้างข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายโดยชัดแจ้งที่จะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงโดยไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาคดี
ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาว่า "จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จึงรับเป็นฎีกาและรับรองให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง สำเนาให้โจทก์"ตามฎีกาของจำเลยไม่ปรากฏว่ามีข้อใดที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ได้พิเคราะห์เห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอย่างไร อันควรสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกาได้ เป็นแต่บันทึกรับรองพ่วงท้ายคำสั่งรับฎีกามาลอย ๆ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบ ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622-1623/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่รับพิจารณาเนื่องจากโต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีอาญา และฎีกาเรื่องค่าเสียหายที่ไม่ชัดเจน
ฎีกาว่า การที่จำเลยเข้าทำนาพิพาทไม่เป็นการบุกรุกเพราะเมื่อจำเลยเห็นว่าโจทก์กับพวกสมคบกันฉ้อโกง จะกระทำการเป็นปรปักษ์เกี่ยวแก่ที่ดินพิพาทว่าเป็นของตน จำเลยจึงเข้าป้องกันทรัพย์พิพาทโดยเข้าปลูกข้าวโดยเข้าใจโดยสุจริตว่าจำเลยมีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมายดังนี้ เท่ากับโต้เถียงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทางอาญาในการบุกรุกอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 400 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ ฎีกาดังกล่าวจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ฎีกาในเรื่องค่าเสียหาย ที่ไม่กล่าวโต้แย้งข้อเท็จจริง ไม่ยกเหตุผลให้ชัดแจ้งว่า เหตุใดที่ไม่ควรให้จำเลยรับผิดตามจำนวนที่ศาลล่างให้ชดใช้ และมีเหตุผลใดที่จะให้รับผิดเพียงเท่าที่ฎีกา ดังนี้ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาต้องชัดเจน: การบรรยายฟ้องไม่ชัดเจนถึงเจตนาหรือความประมาทของจำเลย ทำให้ฟ้องไม่รับพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระราชวังกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แล้วจำเลยที่ 2 ได้แจ้งพร้อมแสดงหมายจับให้โจทก์ดู โจทก์จึงชำระเงินตามเช็คให้โดยจำเลยที่ 2 ตกลงว่าจะไปถอนคำร้องทุกข์ แต่จำเลยไม่ถอนคำร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้โจทก์ถูกเจ้าพนักงานจับกุมและควบคุมกักขัง ปราศจากเสรีภาพไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง อันเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกกักขังและปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยมิชอบ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310, 311, 83ดังนี้ การฟ้องขอให้ลงโทษฐานความผิดต่อเสรีภาพตามมาตรา 310 ต้องปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือทำให้ปราศจากเสรีภาพต่อร่างกาย และการขอให้ลงโทษฐานประมาทตามมาตรา 311 โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายชัดว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาทอย่างไร ซึ่งจะพอทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์ยังไม่แสดงพอถึงการกระทำของจำเลยอันจะรับพิจารณาเอาเป็นความผิดแก่จำเลยตามที่ขอ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม (เทียบฎีกาที่ 105/2503)
of 6