พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับ
คำฟ้องเดิมของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงินเบิกล่วงหน้าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตสัญญาซื้อขายและให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับผิดชดใช้เงินในฐานะผู้ค้ำประกันอันเป็นมูลกรณีฐานผิดสัญญาแม้ฟ้องแย้งของจำเลยจะกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของโจทก์สมคบกับคนของบริษัทจำเลยที่ 1 ร่วมกันแก้ไขและปลอมเอกสารสัญญาต่าง ๆ ที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ แต่ก็หาได้มีคำขอบังคับให้เพิกถอนทำลายเอกสารสัญญาที่อ้างว่ามีการแก้ไขและปลอมนั้นเลย กลับมีคำขอบังคับให้โจทก์รับผิดต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ของโจทก์อันเป็นการขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายในมูลฐานละเมิดที่บุคคลภายนอกคดีกระทำต่อจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลต้องไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะลูกหนี้ให้ชำระหนี้ จำเลยจะใช้สิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งจำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย ขึ้นฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระหนี้แก่จำเลยเป็นส่วนตัวไม่ได้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่น ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องจำนองและสัญญาเช่าไม่เกี่ยวข้องกัน ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าผิดสัญญาเช่าที่ดิน จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งว่าที่ดินพิพาทเดิมจำเลยจำนองโจทก์ แล้วโอนให้โจทก์ โดยไม่ต้องบังคับจำนอง โจทก์ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มเงินให้แล้ว โจทก์ผิดคำมั่นจึงขอเรียกเงินจำนวนนั้น เช่นนี้ เป็นกรณีเกี่ยวกับข้อตกลงที่โจทก์ได้ที่ดินมาจากจำเลยอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับการเช่าในฟ้องเดิมอย่างใด จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์อีกต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้ง: ต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นในคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวถือเป็นคดีต่างหาก
ฟ้องแย้งจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้วก็จะต้องฟ้องเป็นคดีต่างหาก
คำขอในท้ายคำให้การฟ้องแย้งบางข้อเป็นแต่ขอให้ยกฟ้องซึ่งเป็นเรื่องให้การแก้คดี ไม่ได้ฟ้องแย้งเอาอะไรจากโจทก์บางข้อก็เป็นเรื่องขอบังคับเอาแก่คนภายนอก (ที่จำเลยขอให้เรียกเข้ามาเป็นคู่ความ) โดยเฉพาะไม่ได้ขอบังคับแก่โจทก์อย่างใดจึงชอบที่จำเลยจะไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง คงรับแต่เป็นคำให้การแก้คดีเท่านั้น
คำขอในท้ายคำให้การฟ้องแย้งบางข้อเป็นแต่ขอให้ยกฟ้องซึ่งเป็นเรื่องให้การแก้คดี ไม่ได้ฟ้องแย้งเอาอะไรจากโจทก์บางข้อก็เป็นเรื่องขอบังคับเอาแก่คนภายนอก (ที่จำเลยขอให้เรียกเข้ามาเป็นคู่ความ) โดยเฉพาะไม่ได้ขอบังคับแก่โจทก์อย่างใดจึงชอบที่จำเลยจะไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง คงรับแต่เป็นคำให้การแก้คดีเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2955/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้ง และแก้ไขค่าขึ้นศาลให้ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาแบ่งส่วนกำไรจากการให้บริการดาวน์โหลดเสียงเพลงริงโทนผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีคำขอให้บังคับจำเลยทั้งหกชำระส่วนแบ่งกำไรโดยอ้างว่า จำเลยทั้งหกผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลงในหนังสือดังกล่าวให้โจทก์ จำเลยทั้งหกฟ้องแย้งโดยบรรยายฟ้องแย้งว่า โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ให้สร้างพัฒนาออกแบบ ควบคุมดูแลบริหารจัดการ และทำการตลาดข้อมูลดิจิตอล ข้อมูลทางธุรกิจลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาของโจทก์และบริษัทในเครือผ่านสื่อมัลติมีเดีย ตามสัญญาจ้างพัฒนาธุรกิจ แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้างตามสัญญาพัฒนาธุรกิจดังกล่าว ขอให้บังคับโจทก์ชำระหนี้ค่าจ้างให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 เมื่อสัญญาพัฒนาธุรกิจที่จำเลยทั้งหกอ้างมีเนื้อหาเป็นคนละส่วนกับสัญญาแบ่งส่วนกำไรที่โจทก์ฟ้อง แม้ว่าสัญญาแบ่งส่วนกำไรจะมีที่มาจากสัญญาพัฒนาธุรกิจ แต่สาระสำคัญของเนื้อหาแตกต่างเป็นคนละเรื่องกัน ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งหกจึงเป็นคนละเรื่องกับคำฟ้องโจทก์ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยทั้งหกจะฟ้องเป็นคดีใหม่ต่างหาก ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2553 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คหลายฉบับไม่เกี่ยวข้องกัน ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องบังคับชำระหนี้แยกแต่ละฉบับได้
การที่ผู้ทรงเช็คได้รับเช็คที่มีผู้สั่งจ่ายรายเดียวกันไว้ในครอบครองหลายฉบับแม้จะเป็นการชำระหนี้ในมูลหนี้ในมูลหนี้เดียวกันก็ไม่ถือว่าเช็คแต่ละฉบับมีความเกี่ยวพันกัน เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ผู้ทรงเช็คย่อมใช้สิทธิเรียกร้องตามเช็คแต่ละฉบับได้ไม่จำต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามเช็คทั้งหมดไปในคราวเดียวกัน การใช้สิทธิเรียกร้องในเช็คแต่ละฉบับโดยยื่นฟ้องเป็นหลายคดีเพื่อบังคับชำระหนี้ตามเช็คต่างฉบับกันไม่ใช่การใช้สิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ที่มีการออกเช็คชำระหนี้ทั้งยังเป็นคดีที่มีสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแยกต่างหากจากกันตามเช็คแต่ละฉบับด้วย แม้เช็คพิพาทจะเป็นส่วนหนึ่งของเช็คหลายฉบับที่โจทก์ได้รับมาในคราวเดียวกัน โจทก์ก็มีสิทธินำเช็คดังกล่าวมาเป็นมูลฟ้องร้องเป็นคดีต่างหากจากกันได้ การที่โจทก์นำเช็คจำนวนหนึ่งไปฟ้องคดีแพ่ง และนำเช็คพิพาทมาฟ้องคดีนี้จึงมิใช่การยื่นคำฟ้องในเรื่องเดียวกัน อันจะเป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9174/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องค่าเช่าไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องคดีภาษี ศาลไม่รับพิจารณา
มูลหนี้ตามฟ้องของโจทก์ในคดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในมูลหนี้ค่าภาษีตามกฎหมายสำหรับโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2541 ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 เป็นการฟ้องเรียกค่าเช่าจากโจทก์ตามมูลหนี้สัญญาเช่าอาคารพิพาทซึ่งการที่โจทก์ผู้เช่าจะผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรับผิดในมูลหนี้ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของจำเลยที่ 1 สิทธิเรียกร้องค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินตามที่โจทก์ฟ้อง และสิทธิเรียกร้องค่าเช่าตามที่จำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งจึงเป็นคนละส่วนและมาจากคนละมูลหนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9174/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องค่าเช่าไม่เกี่ยวข้องกันกับฟ้องเรียกค่าภาษี ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
เทศบาลตำบลโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในมูลหนี้ค่าภาษีตามกฎหมายสำหรับโรงเรือนและที่ดิน ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 เป็นการฟ้องเรียกค่าเช่าจากโจทก์ตามมูลหนี้สัญญาเช่าอาคารพิพาท ซึ่งการที่โจทก์ผู้เช่าจะผิดสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรับผิดในมูลหนี้ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของจำเลยที่ 1 จึงเป็นคนละส่วนและมาจากคนละมูลหนี้ไม่เกี่ยวข้องกันฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6258/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้ง ชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้ำประกันบริษัท ก. ลูกหนี้เงินกู้ของโจทก์ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ให้การว่าสัญญากู้ยืมเงินสัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันระหว่างบริษัท ก. และจำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นโมฆะ เพราะเป็นนิติกรรมอำพรางการที่โจทก์และ ว. ตั้งจำเลยที่ 1 และบริษัท ก. เป็นตัวแทนลงทุนทำโครงการจัดสรรและพัฒนาที่ดิน และฟ้องแย้งว่าโจทก์และ ว. ตัวการได้สั่งการให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าพัฒนาที่ดินโครงการจัดสรรดังกล่าวรวมเป็นเงิน 147,647,250 บาท แทนโจทก์และ ว. ไปก่อนแต่โจทก์กับ ว. ซึ่งเป็นตัวการกลับไม่ยอมชำระเงินคืนให้แก่จำเลยที่ 1 ขอให้บังคับโจทก์ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว คงมีประเด็นเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกัน แต่ตามฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างว่า ว. กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์มอบหมายให้จำเลยที่ 1 และบริษัท ก. เป็นตัวแทนโจทก์ในการลงทุนจัดทำโครงการจัดสรรและพัตนาที่ดินซึ่งโจทก์ไม่สามารถดำเนินการเองได้เพราะผิดต่อกฎหมาย ปัญหาว่าการกระทำทั้งหลายของ ว. ตามที่จำเลยที่ 1 กล่าวมาในฟ้องแย้งจะพูกพันโจทก์ให้ต้องรับผิดหรือไม่ในการที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างว่าได้ออกเงินค่าพัฒนาที่ดินไปก่อน เป็นค่าก่อสร้างถนนภายในโครงการ ค่าก่อสร้างถนนจากมิตราภาพเข้าโครงการและทำรั้วลวดหนามรอบโครงการ ค่าซื้อที่ดิน ค่าจ้างออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ค่าขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ปลูกต้นไม้ ก่อสร้างสำนักงานขาย ขุดสระน้ำ นำไฟฟ้าแรงสูงและระบบไฟฟ้าเข้าใช้ในโครงการ การก่อสร้างคอนโดมิเนียม ไทม์ แชร์ริ่ง หรือคอนโดเทล ค่าแบ่งแยกที่ดินเป็นแปลงย่อย ค่าการตลาดและบริหารการขาย กรมสวัสดิการกองทัพบอก ค่าใช้จ่ายในการขาย การบริหารและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดนั้นล้วนแต่เป็นการตั้งประเด็นขึ้นใหม่อันเป็นคนละเรื่องคนละมูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้เงินกู้ ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5016-5017/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติม: สิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นภายหลังฟ้องเดิม ไม่เกี่ยวข้องกัน จึงไม่อนุญาตแก้ไข
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 179 วรรคสาม บัญญัติห้ามมิให้คู่ความเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมภายหลังที่ได้ยื่นคำฟ้องเดิมต่อศาลแล้ว เว้นแต่คำฟ้องเดิมและคำฟ้องภายหลังนี้จะเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ข้อเท็จจริงตามคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ทั้งสอง เป็นการกล่าวอ้างมูลคดีที่เกิดขึ้นภายหลังโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้แล้ว แม้มูลคดีตามคำฟ้องเดิมกับคำฟ้องแก้ไขเพิ่มเติมจะมีลักษณะอย่างเดียวกัน แต่มูลคดีเกิดขึ้นคนละคราวไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งหากจะฟังว่าโจทก์ทั้งสองมีสิทธิเรียกร้องตามคำฟ้องแก้ไขเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นภายหลังจากโจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้แล้ว ถือไม่ได้ว่าคำฟ้องแก้ไขเพิ่มเติมของโจทก์ทั้งสองเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม