คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่เกี่ยวเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 71 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6496/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซื้อขายสินค้าแล้วเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ฟ้องแย้งขอคืนเช็คไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยซื้อสินค้าและรับสินค้าจากโจทก์ไปครบถ้วนแล้วจำเลยชำระค่าสินค้าดังกล่าวด้วยเช็ค 5 ฉบับ แต่เช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าดังกล่าวให้โจทก์ ดังนี้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ไม่ได้ขอให้บังคับชำระหนี้ตามเช็คโดยเฉพาะ การที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์คืนเช็คให้จำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ชอบที่ศาลจะสั่งไม่รับฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2381/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม และสิทธิร้องสอดไม่เป็นไปตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามข้อตกลงประนีประนอมยอมความซึ่งโจทก์และจำเลยได้ทำไว้ต่อหน้าศาลในคดีอาญา เรียกเงินจำนวน 500,000 บาทที่จำเลยจะต้องชำระหนี้ให้โจทก์ภายในวันที่ 15 มกราคม 2538 แต่จำเลยไม่ชำระให้ในเวลาที่กำหนด จำเลยฟ้องแย้งโดยอ้างว่าโจทก์ไม่ดำเนินการถอนแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ให้ดำเนินคดีแก่ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวในข้อหายักยอกทรัพย์ ทำให้จำเลยไม่สามารถขอคืนเงินค่าปรับนายประกันจากศาลที่สั่งปรับนายประกันเป็นเงินจำนวน 500,000 บาทได้ และความเสียหายส่วนนี้เมื่อนำมาหักกลบกับจำนวนเงินตามฟ้องแล้วจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์อีก และการที่โจทก์ไม่ดำเนินการถอนแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ร้องสอดต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่สามารถทำการงานเป็นหลักแหล่งได้จึงให้โจทก์ชำระค่าเสียหายส่วนนี้แก่จำเลยทั้งสอง นับแต่วันผิดสัญญาถึงวันฟ้องจำนวน360,000 บาท และนับถัดจากวันฟ้องอีกเดือนละ 15,000 บาท จนกว่าโจทก์จะดำเนินการถอนแจ้งความร้องทุกข์นั้น ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองในส่วนที่เกี่ยวกับการขอคืนเงินค่าปรับนายประกันนั้นเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข เพราะไม่แน่ว่าจำเลยทั้งสองจะขอคืนเงินค่าปรับที่ศาลสั่งปรับนายประกันได้หรือไม่ ทั้งการนำเงินที่ได้คืนจากค่าปรับเพื่อนำมาหักกลบกับเงินที่ต้องชำระให้โจทก์ตามข้อตกลงประนีประนอมยอมความนั้น ก็มิได้มีอยู่ในข้อตกลงประนีประนอมยอมความที่ได้ทำไว้ต่อกันข้ออ้างของจำเลยทั้งสองจึงเป็นข้ออ้างที่ยกขึ้นมาใหม่ และในส่วนของค่าเสียหายที่ผู้ร้องสอดไม่ได้ทำงานก็เป็นความเสียหายของผู้ร้องสอด มิใช่ความเสียหายของจำเลยแต่อย่างใด ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 177วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงประนีประนอมยอมความที่ได้กระทำต่อหน้าศาล จึงเป็นเรื่องโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น หาได้เกี่ยวกับผู้ร้องสอดไม่ ผู้ร้องสอดจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีที่จะใช้สิทธิในการร้องสอดได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 232/2540 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม เป็นปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
เดิมโจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสัญญาว่าจ้างปลูกสร้างอาคารกับโจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่โอนที่ดินและอาคารให้โจทก์ จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยปฎิบัติตามสัญญา ซึ่งมูลคดีที่โจทก์ฟ้องสืบเนื่องมาจากกรณีจำเลยผิดสัญญา ส่วนจำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์เข้าไปอยู่ในที่ดินและอาคารของจำเลยโดยไม่มีสิทธิ ซึ่งมูลคดีที่จำเลยฟ้องแย้งสืบเนื่องมาจากโจทก์กระทำละเมิดต่อทรัพย์สินของจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ปัญหาฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่นั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6350/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม การฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทเดิมจึงจะชอบ
ฟ้องแย้งของจำเลยตั้งประเด็นว่าโจทก์กระทำการล่าช้าอันเป็นการผิดข้อตกลงต่อจำเลยทำให้บริษัทโซล่าการ์ดจำกัดแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเลิกสัญญากับบริษัทโซล่ากรุ๊ปจำกัดที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องโจทก์ที่ตั้งประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญากู้และสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับขอให้บังคับจำนองฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4335/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม, คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่อุทธรณ์ได้, สิทธิไล่เบี้ยไม่เป็นคำคู่ความ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้เดินผ่านทางพิพาทในที่ดินของจำเลย เกินกว่า 10 ปี จนได้ภารจำยอม จำเลยทำรั้วปิดกั้นขอให้จำเลยรื้อรั้วและจดทะเบียนทางพิพาทเป็นภารจำยอมแก่โจทก์แต่ตามฟ้องแย้งของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์กระทำละเมิดต่อจำเลยโดยโจทก์แกล้งฟ้องจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหาย ดังนี้คำฟ้องแย้งของจำเลยศาลจะบังคับตามคำขอได้ก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีแล้ว จึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอจะรวมการพิจารณาและชี้ขาดเข้าด้วยกันได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย คำร้องของจำเลยที่ขอให้เรียก ป. เข้ามาเป็นคู่ความร่วมโดยจำเลยขอใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ ป.ไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5)การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เรียกป.เข้ามาเป็นคู่ความไม่ใช่คำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความและไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความ แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ - ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่อง: การฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงอื่นไม่ใช่ฟ้องแย้งที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองให้ออกจากที่ดินแปลงหมายเลข337ซึ่งโจทก์เช่ามาจากโจทก์ร่วมจำเลยทั้งสองฟ้องแย้งว่าอาคารที่จำเลยทั้งสองครอบครองอยู่ปลูกอยู่บนที่ดินแปลงหมายเลข338ซึ่งเป็นที่ดินคนละแปลงกันจึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณารวมกันได้
มูลหนี้ตามฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์เรียกหนี้เงินตามสัญญากู้เงินที่จำเลยที่1กู้ไปแล้วชำระคืนให้โจทก์ไม่ครบและขอให้ศาลบังคับจำเลยที่1ชำระเงินส่วนที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยจำเลยที่1ให้การรับว่าได้กู้ยืมเงินไปจากโจทก์และได้ชำระเงินที่กู้ให้โจทก์บางส่วนแล้วแต่ปฏิเสธที่จะชำระในส่วนที่ค้างชำระโดยอ้างเหตุว่าถูกโจทก์และบริษัทด.หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าบริษัทดังกล่าวเสนอขายที่ดินสวนเกษตรจะปลูกต้นมะขามหวานโดยแบ่งเป็นแปลงละ2ไร่พร้อมกับจัดให้มีสาธารณูปโภคจำเลยที่1จึงได้ตกลงทำสัญญาจองและจะซื้อจะขายที่ดินกับบริษัทดังกล่าวต่อมาบริษัทดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามโครงการที่เสนอขายอันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาคดีจึงมีประเด็นเพียงว่าจำเลยที่1ต้องชำระเงินกู้ในส่วนที่ยังชำระไม่ครบคืนให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่การที่จำเลยที่1ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างบริษัทด. กับจำเลยที่1โดยอ้างเหตุว่าบริษัทดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามโครงการจัดขายที่ดินสวนเกษตรจึงเป็นข้อเท็จจริงและหลักฐานที่จะนำสืบคนละเรื่องคนละประเด็นแตกต่างไปจากฟ้องเดิมของโจทก์ที่ขอบังคับตามสัญญากู้เงินและจำนองฟ้องแย้งของจำเลยที่1ในส่วนที่เกี่ยวกับบริษัทด.และว.จึงไม่อาจรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม แม้มีนิติสัมพันธ์กัน ศาลไม่รับพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม
โจทก์ฟ้องจำเลยที่2เป็นส่วนตัวให้รับผิดชำระหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันบริษัทจำเลยที่1ส่วนฟ้องแย้งนั้นจำเลยที่2ยกข้ออ้างอันเป็นหลักแห่งข้อหาในฐานะที่จำเลยที่2เป็นกรรมการของจำเลยที่1ซึ่งอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาในการปล่อยสินเชื่อให้จำเลยที่1จึงเป็นการใช้สิทธิฟ้องคดีคนละฐานะกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่2ตามฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยที่2จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมไม่อาจรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3129/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
จำเลยฟ้องแย้งกระทรวงการคลังโจทก์ขอให้ยกเลิกเพิกถอนการประมูลการก่อสร้างอาคารในที่ดินราชพัสดุตามหนังสือของจังหวัดและดำเนินการเปิดประมูลใหม่เป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยและปลูกอาคารอยู่ในที่ดินของโจทก์โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอยู่อาศัยอีกต่อไปและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์จำเลยไม่ปฏิบัติตามถือได้ว่าจำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคำฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องค่าไถ่ถอนจำนองไม่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นความสมบูรณ์ของพินัยกรรม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
ฟ้องเดิมเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินโดยอ้างว่านายแก้วผู้ตายทำพินัยกรรมให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าพินัยกรรมไม่สมบูรณ์และผู้ตายไม่มีสิทธิทำพินัยกรรมยกที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์เพราะที่ดินตามพินัยกรรมเป็นสินสมรสระหว่างผู้ตายกับจำเลยจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมด้วยดังนี้ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าพินัยกรรมสมบูรณ์หรือไม่เพียงใดส่วนฟ้องแย้งที่ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินค่าไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแก่จำเลยจะถือเป็นฟ้องแย้งเมื่อศาลฟังว่าพินัยกรรมสมบูรณ์และโจทก์ได้รับมรดกที่ดินพิพาทไปตามพินัยกรรมจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไขและเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
of 8