คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระบวนพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 344 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่สามารถมาแถลงการณ์ตามกำหนดนัด ไม่ถือเป็นกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วขอแถลงการณ์ด้วยวาจาด้วย ศาลอุทธรณ์ได้ออกหมายนัดแถลงการณ์ส่งให้โจทก์ แต่ปรากฏว่าทนายโจทก์เพิ่งได้รับหมายนัดแถลงการณ์นั้นเป็นเวลาภายหลังกำหนดนัดไป 2 ชั่วโมง เศษ จึงไม่สามารถมาแถลงการณ์ตามกำหนดเวลาของศาลได้แต่ก็มิได้จัดการแถลงให้ศาลทราบหรือร้องขอแถลงการณ์อีกแต่ประการใด จนล่วงเลยมาถึง 12 วัน ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินคดีไป ดังนี้ ยังไม่มีเหตุที่จะถือว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไปโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง – ผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกา
คดีอาญาที่โจทก์ยื่นฎีกาโดยจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้ศาลชั้นต้นจะดำเนินการให้โจทก์ฟังคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ฝ่ายเดียวถูกต้องตาม ม.182 วรรค 3 แล้วก็ไม่ถือว่าได้อ่านให้จำเลยฟังตาม ม.216 ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกาโจทก์ให้จำหน่ายคดีส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 144 ใช้กับคดีเดิมเท่านั้น คดีฟ้องใหม่ไม่เข้าข่าย
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 144 วรรคต้นที่ว่า "เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัย ชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้น อันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น" เป็นบทบัญญัติห้ามไม่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมอีกเท่านั้นถ้าเป็นคดีฟ้องใหม่ไม่ใช่คดีเดิมบทบัญญัติ ดังกล่าวไม่บังคับถึง
พี่สาวโจทก์เคยฟ้องขอแบ่งทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นมฤดกของมารดา ศาลตัดสินว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่มฤดกของมารดาแต่เป็นของจำเลยกับสามีมาครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้โจทก์มาฟ้องขอแบ่งทรัพย์นั้นจากจำเลยโดยอ้างว่าเป็นมฤดกของมารดาอีก ดังนี้คดีไม่ต้องข้อห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ศาลมีอำนาจพิจารณาเฉพาะพยานโจทก์ที่ถูกงดไว้
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยมีหน้าที่สืบพยานก่อน จำเลยก็รับรองไม่คัดค้าน จนสืบพยานจำเลยไป 4 ปากแล้วยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำพยานจำเลยว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์กับข้ออ้างตราจองประกอบการวินิจฉัย ส่วนพยานอื่น ๆ ของดสืบพยานจำเลยโดยความสมัครใจของจำเลยเอง การที่ศาลชั้นต้นสั้งงดสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีนั้น ต้องถือว่าเป็นการสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบต่อไปฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวน พิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่นั้น ก็หมายความว่า ให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลสั่งงดไว้นั้นต่อไปเท่านั้น และเมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยก็มิได้แถลงหรือคัดค้านจะขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่อย่างใด จนเมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยจึงแถลงขอสืบพยานจำเลยต่อไป ดังนี้ศาลสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีจึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมที่ทำผิดแบบแต่เป็นไปตามแบบอื่นได้ใช้บังคับได้ และข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยศาลตามมาตรา 142(5)
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่นำสืบพยาน แม้จำเลยไม่คัดค้านการดำเนินกระบวนพิจารณา
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ และทั้งปรากฎว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตาม มาตรา 174 ป.ม.วิ.แพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พะยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องคดีแพ่งเนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน แม้จะมีการดำเนินกระบวนพิจารณา
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับและทั้งปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ดังนี้ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตามมาตรา 174ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพะยาน: 'วันสืบพะยาน' หมายถึงวันเริ่มสืบพยานจริง ไม่ใช่วันนัดสืบพะยานครั้งแรก
คำว่า "ให้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาลก่อน วันสืบพะยาน ไม่น้อยกว่า 3 วัน" นั้นหมายความถึง ก่อนวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพะยานจริง ๆ ไม่ใช่หมายความถึงวันนัดสืบพะยานครั้งแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2489

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานต้องก่อนวันสืบพยานจริง ไม่ใช่วันนัดสืบพยานครั้งแรก
คำว่า 'ให้ยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อน วันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน' นั้นหมายความถึง ก่อนวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานจริงๆไม่ใช่หมายความถึงวันนัดสืบพยานครั้งแรก (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9593/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงจากการดำเนินกระบวนพิจารณา หากศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงนอกฟ้องมาวินิจฉัยถือเป็นการไม่ชอบ
แม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบมิใช่ข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่เกี่ยวกับที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหน้าที่ต้องนำสืบ คดีนี้โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2554 จำเลยจ้างโจทก์ที่ 1 ให้ทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ปรึกษา... ต่อมาต้นปี 2557 จำเลยเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 เป็นต้นไปจำเลยไม่ชำระค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 1 อันเป็นการปฏิบัติผิดสัญญา จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การมีสิทธิเพียงถามค้านพยานโจทก์ แต่จะนำสืบพยานหลักฐานของตนไม่ได้ คดีจึงมีประเด็นเพียงว่า จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 1 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2557 เป็นต้นไปตามคำฟ้องหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อเท็จจริงว่าคู่สัญญาฝ่ายจำเลยที่ลงลายมือชื่อสองคนในสัญญาโดยไม่ปรากฏว่าเป็นกรรมการบริษัทจำเลยหรือได้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้ทำสัญญากับโจทก์ทั้งสอง ไม่มีการประทับตราสำคัญของจำเลยมาวินิจฉัย ย่อมถือว่าจำเลยทำสัญญากับโจทก์ทั้งสองไม่ได้ สัญญาไม่ผูกพันจำเลย นำไปสู่การวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องอำนาจฟ้องย่อมเป็นการหยิบยกเอาข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกประเด็นหรือไม่เกี่ยวกับคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีหน้าที่ต้องนำสืบมาวินิจฉัย เป็นการไม่ชอบ
อนึ่ง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์ แล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง คำขออื่นให้ยก เป็นการมิชอบ ศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไข ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
of 35