พบผลลัพธ์ทั้งหมด 338 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความดีกาคัดค้านคำพิพากษาและการขอว่าความหย่างคนอนาถา หากสาลยกคำร้องอนาถาและมิได้ขยายเวลา ย่อมขาดอายุความ
ยื่นคำร้องขอว่าความหย่างคนอนาถาพร้อมกับดีกาพายไนอายุความ ถ้าสาลสั่งยกคำร้องนั้น จะเสียค่าทำเนียมพายหลังวันฟังคำพิพากสาสาลอุธรน์กว่า 1 เดือน โดยสาลมิได้สั่งขยายระยะเวลาไห้ไว้ไม่ได้ ต้องถือว่าดีกานั้นขาดอายุความแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของวันกระทำผิดในฟ้องอาญา การขยายเวลาฟ้องขัดแย้งต่อข้อกำหนดเดิมทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
พรึติการน์ที่ไม่ถือว่าเปนฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องที่ระบุเวลากะทำผิดกะหมายความเกี่ยวไปถึงเวลาที่ประกาสไช้กตอัยการสึกแล้ว
ฟ้องที่ระบุเวลากะทำผิดกะหมายความเกี่ยวไปถึงเวลาที่ประกาสไช้กตอัยการสึกแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งตัวแทนไม่ต้องทำเป็นหนังสือ และการขยายกำหนดเวลาชำระหนี้มีผลผูกพันได้
ตั้งตัวแทนไปทำสัญญาจะซื้อที่ดินไม่ต้องทำเปนหนังสือหรือมีหลักถานเปนหนังสือ
ถึงกำหนดชำระเงินกันที่อำเพอโจทขัดข้องจะต้องเลื่อนกำหนดไป ฝ่ายจำเลยไม่ขัดข้อง +และได้ลงนามในบันทึกไว้เช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่าโจทผิดสัญญาไม่ได้
ถึงกำหนดชำระเงินกันที่อำเพอโจทขัดข้องจะต้องเลื่อนกำหนดไป ฝ่ายจำเลยไม่ขัดข้อง +และได้ลงนามในบันทึกไว้เช่นนี้ จำเลยจะอ้างว่าโจทผิดสัญญาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163-164/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าทำเนียมอุธรณ์และการขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล
ยื่นฟ้องอุธรน์โดยมิได้นำเงินค่าทำเนียมมาวางสาลพร้อมกับฟ้องอุธรน์ เมื่อจะขอผัดต้องยืนเป็นคำร้องไม่ใช่คำแถลง
สาลย่อมมีอำนาดที่จะขยายหรือย่นระยะเวลาไห้วางค่าทำเนียมที่จะต้องเสียแทนอีกฝ่ายหนึงได้ ไนเมื่อมีพรึติการน์พิเลสตามมาตรา 23 ป.ว.พ.
สาลย่อมมีอำนาดที่จะขยายหรือย่นระยะเวลาไห้วางค่าทำเนียมที่จะต้องเสียแทนอีกฝ่ายหนึงได้ ไนเมื่อมีพรึติการน์พิเลสตามมาตรา 23 ป.ว.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องไถ่ที่ดินพ้นแล้ว ศาลไม่อำนาจขยายสัญญา
ฟ้องขอให้ไถ่ที่ดินภายในกำหนดอายุสัญญาโดยราคาต่ำกว่าสัญญาศาลยกฟ้อง คดีถึงที่สุดไปครั้งหนึ่งแล้ว จะมาฟ้องขอไถ่เต็มราคาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพ้นอายุสัญญาแล้วไม่ได้ ศาลไม่มีอำนาจสั่งขยายเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งขยายเวลาแก้ไขอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ฎีกาไม่ได้
ศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความที่ยื่นอุทธรณ์แก้ไขอุทธรณ์เสียใหม่ โดยมิได้กำหนดเวลาให้แก้ ต่อมาฝ่ายที่อุทธรณ์มาร้องขอให้ขยายเวลาเพื่อจัดการแก้อุทธรณ์ตามศาลสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่ามาร้องเมื่อขาดอายุความอุทธรณ์แล้วไม่ได้ให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แก้ไขอุทธรณ์นั้นได้ดังนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อีกฝ่ายหนึ่งจะฎีกาในชั้นนี้ยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9183/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง: การเพิกถอนคำสั่งขยายเวลาภาษีมูลค่าเพิ่ม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มีข้อโต้แย้งเรื่องภาระภาษีสรรพสามิต ซึ่งต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตจนทำให้โจทก์ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเงินค่าภาษีสรรพสามิตไม่ทันภายในเวลาที่กำหนด โจทก์ขอขยายระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรอนุมัติให้ขยายระยะเวลาตามมาตรา 3 อัฏฐ วรรคหนึ่ง ทำให้โจทก์ไม่มีภาระเบี้ยปรับ แต่ยังมีเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 0.75 ต่อเดือน โจทก์จึงมีหนังสือขอขยายระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มไปยังจำเลย ต่อมากรมสรรรพากรมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าจำเลยพิจารณาแล้วไม่อนุมัติการขอขยายระยะเวลา โจทก์เห็นว่า การที่จำเลยมีคำสั่งเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลย อันเป็นคำฟ้องที่แสดงสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่มีคำสั่งไม่อนุมัติขยายระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีผลกระทบต่อโจทก์ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยตัวบุคคลที่ดำรงตำแหน่งไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ฟ้องโจทก์เป็นการฟ้องตัวบุคคลผู้ดำรงตำแหน่ง โจทก์จึงฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งเป็นจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6902/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลมีอำนาจสั่งให้ชำระค่าธรรมเนียมศาลก่อนรับฟ้อง แม้ผู้ฟ้องร้องมีเหตุผลในการขอขยายเวลา แต่ศาลควรให้โอกาสชำระค่าธรรมเนียมก่อนสั่งไม่รับฟ้อง
กรณีคู่ความมิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลโดยถูกต้องครบถ้วน ศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจที่จะสั่งให้คู่ความชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนมีคำสั่งรับหรือไม่รับคำคู่ความได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 29 คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องพร้อมยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลครั้งแรก อ้างว่าเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าต้องใช้เอกสารการประเมินภาษีเพื่อคำนวณค่าธรรมเนียมศาล ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งในวันถัดมาว่า ให้โจทก์เสนอหลักฐานการประเมินภาษีเพื่อประกอบการคำนวณทุนทรัพย์ในการเสียค่าขึ้นศาลมาภายใน 5 วัน แล้วจะพิจารณาสั่ง แสดงให้เห็นว่า สาเหตุที่โจทก์มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระต่อศาล เนื่องจากโจทก์ยังไม่ทราบจำนวนเงินค่าธรรมเนียมศาลที่จะต้องชำระให้ถูกต้อง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลเป็นครั้งที่สองอ้างว่า โจทก์ได้ไปติดตามเอกสารจากสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่เชียงใหม่แล้ว ได้รับแจ้งว่าต้องได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อน ย่อมเป็นอำนาจของศาลภาษีอากรกลางที่จะพิจารณาว่ามีเหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะขยายระยะเวลาส่งเอกสารตามที่ศาลภาษีอากรกลางกำหนด ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ.2528 มาตรา 19 หรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่าเป็นกรณีที่ไม่มีความจำเป็นที่จะขยายระยะเวลาส่งเอกสารให้แก่โจทก์ ก็ชอบที่จะมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมศาลให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่เห็นสมควรเสียก่อน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 วรรคสอง และทุนทรัพย์ที่พิพาทในศาลภาษีอากรกลางต้องพิจารณาจากหนังสือแจ้งการประเมินแต่ละฉบับ คดีนี้ทุนทรัพย์ที่ปรากฏในหนังสือแจ้งการประเมิน 43,927,464.47 บาท แต่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องโจทก์ทั้งสองฉบับและมีคำสั่งไม่รับฟ้องพร้อมกันไปในวันเดียวกัน โดยโจทก์ไม่มีเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลต่อศาลได้ ตามพฤติการณ์ฟังได้ว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจงใจขัดขืนไม่ยอมชำระค่าธรรมเนียมศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาหาประกันเพื่อทุเลาการบังคับ: ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีอำนาจตัดสิน และคำพิพากษาเป็นที่สุด
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เกี่ยวกับเรื่องการขอขยายเวลาหาประกันมาวางตามเงื่อนไขที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อนุญาตให้มีการทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้น เป็นเรื่องต่อเนื่องกับการขอทุเลาการบังคับ ซึ่งเป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 231 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาหาประกันมาวางศาลต่อไปอีก จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว รวมทั้งฎีกาที่คัดค้านว่าศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับต้องส่งไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่ง ถือว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นที่สุดแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาไถ่ถอนขายฝาก และการกำหนดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ศาลแก้ไขราคาไถ่ถอนให้ถูกต้อง
บันทึกเอกสารหมาย จ.4 มีข้อความสรุปว่า จำเลยได้รับขายฝากที่ดินพิพาท จำเลยยินดีจะทำสัญญาซื้อขายตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ถึงวันที่ 26 มกราคม 2556 ตามสัญญาเดิมที่ทำไว้พร้อมดอกเบี้ย โดยบันทึกดังกล่าวมีการอ้างถึงสัญญาขายฝากฉบับเดิมที่ น. มารดาโจทก์ทำไว้ก่อนตาย ซึ่งหากเป็นการตกลงจะซื้อขายที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างกันใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสัญญาขายฝากฉบับเดิมไว้ ทั้งยังตกลงให้โจทก์ต้องชำระสินไถ่พร้อมดอกเบี้ยตามสัญญาขายฝากเดิมให้แก่จำเลยภายในวันที่ 26 มกราคม 2556 กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยขยายกำหนดเวลาไถ่ให้แก่โจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้รับไถ่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 496 วรรคสอง แล้ว
น. มารดาโจทก์ผู้ขายฝากและจำเลยผู้รับซื้อตกลงคิดดอกเบี้ยเดือนละ 12,000 บาท กรณีจึงเป็นการกำหนดราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากสูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี เมื่อราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากที่กำหนดไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 499 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้ไถ่ได้ตามราคาขายฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี ราคาสินไถ่ที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
น. มารดาโจทก์ผู้ขายฝากและจำเลยผู้รับซื้อตกลงคิดดอกเบี้ยเดือนละ 12,000 บาท กรณีจึงเป็นการกำหนดราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากสูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี เมื่อราคาสินไถ่หรือราคาขายฝากที่กำหนดไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 499 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้ไถ่ได้ตามราคาขายฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 15 ต่อปี ราคาสินไถ่ที่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้