พบผลลัพธ์ทั้งหมด 651 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันจำกัดเฉพาะความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้าง ไม่รวมการฉ้อโกง
จำเลยที่ 2 ค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ใน หน้าที่พนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ เฉพาะกรณีจำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่องเป็นเหตุให้รถยนต์หรือทรัพย์สินของโจทก์ชำรุดเสียหาย หรือในกรณีที่โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อบุคคลอื่นอันหมายถึงความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่พนักงานขับรถโดยเฉพาะ การที่จำเลยที่ 1 นำใบสำคัญเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปขอเบิกจ่ายรับเงินจากโจทก์ แม้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นความเสียหายเกิดจากการฉ้อโกงนอกเหนือจากที่ระบุในสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา แต่ประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวเนื่องต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วน ในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ 1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่ 1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์ จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วย ขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้าง ฯ โจทก์ที่ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชี ดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัว กับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม vs. ประเด็นอื่นนอกเหนือ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ที่1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วยขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้างฯ โจทก์ที่ 1 ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวกับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการแก้ไขคำพิพากษาเฉพาะค่าขาดไร้อุปการะ ดอกเบี้ยยังคงมีผล
ในคดีละเมิด ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า แก้เฉพาะค่าขาดไร้อุปการะ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ใช้เงิน 360,000 บาทแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แสดงว่าศาลฎีกาพิพากษาแก้เฉพาะจำนวนเงินค่าขาดไร้อุปการะ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าสูงเกินไปเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยสำหรับเงินต้น ค่าขาดไร้อุปการะมิได้แก้ไขจำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงิน 360,000 บาท ซึ่งเป็นค่าขาดไร้อุปการะด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการแก้ไขค่าขาดไร้อุปการะในคำพิพากษา: ดอกเบี้ยยังคงมีผล
ในคดีละเมิด ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยระบุไว้โดยชัดแจ้งว่า แก้เฉพาะค่าขาดไร้อุปการะ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ใช้เงิน 360,000 บาทแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์แสดงว่าศาลฎีกา พิพากษาแก้เฉพาะจำนวนเงินค่าขาดไร้อุปการะ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าสูงเกินไปเท่านั้นส่วนดอกเบี้ยสำหรับเงินต้น ค่าขาดไร้อุปการะมิได้แก้ไขจำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยในต้นเงิน 360,000 บาท ซึ่งเป็นค่าขาดไร้อุปการะด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกและปลอมเอกสาร: การถอนฟ้องและขอบเขตความรับผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 353 ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) และโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนหรือใช้เงินที่ขาดแก่โจทก์ร่วม ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ สิทธิฟ้องของอัยการยังไม่ระงับ
เมื่อมีลูกค้าแต่ละรายนำเงินมาชำระ จำเลยก็ปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินให้มีจำนวนเงินน้อยกว่าเงินที่รับจริงแล้วยักยอกเงินส่วนที่เกินไว้นั้น การปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินฉบับหนึ่งแล้วยักยอกเอาเงินจำนวนที่เกินกว่าสำเนาใบเสร็จนั้นไว้ครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นความผิดสำเร็จกรรมหนึ่งตั้งแต่เวลายักยอกเงินจำนวนนั้นแล้ว การที่จำเลยรวบรวมเงินแต่ละวันส่งให้หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ร่วม เป็นแต่เพียงการปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลย หาใช่เป็นการยักยอกเงินในตอนนั้นไม่
สำเนาใบเสร็จรับเงินเป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการออกต้นฉบับใบเสร็จรับเงินมีข้อความตรงกับสำเนาใบเสร็จเท่านั้น ไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอนสงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ อันจะถือว่าเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9)
เมื่อมีลูกค้าแต่ละรายนำเงินมาชำระ จำเลยก็ปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินให้มีจำนวนเงินน้อยกว่าเงินที่รับจริงแล้วยักยอกเงินส่วนที่เกินไว้นั้น การปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินฉบับหนึ่งแล้วยักยอกเอาเงินจำนวนที่เกินกว่าสำเนาใบเสร็จนั้นไว้ครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นความผิดสำเร็จกรรมหนึ่งตั้งแต่เวลายักยอกเงินจำนวนนั้นแล้ว การที่จำเลยรวบรวมเงินแต่ละวันส่งให้หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ร่วม เป็นแต่เพียงการปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลย หาใช่เป็นการยักยอกเงินในตอนนั้นไม่
สำเนาใบเสร็จรับเงินเป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการออกต้นฉบับใบเสร็จรับเงินมีข้อความตรงกับสำเนาใบเสร็จเท่านั้น ไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอนสงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ อันจะถือว่าเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้งในคดีแพ่ง: การฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม
ประเด็นตามฟ้องมีว่า โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยกระทำการเกินขอบเขตที่โจทก์อนุญาตให้จำเลยเดินผ่านทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่จำเลยฟ้องแย้งให้ห้ามโจทก์เปิดประตูรั้วออกมาทางทางเดินรายพิพาท และแกล้งเปิดประตูรั้วกระทบจำเลยและครอบครัว กับห้ามโจทก์และบริวารปารั้วสังกะสีของโจทก์ทำให้จำเลยและบริวารตกใจ จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จำเลยจะต้องฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าปลงศพ, ค่าขาดไร้อุปการะ และขอบเขตความรับผิดชอบของจำเลยร่วมในคดีละเมิด
ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 นั้น ต้องพิจารณาตามความสมควร ตามความจำเป็น ตามฐานะของผู้ตายกับบิดามารดา ทั้งต้องพิจารณาถึงประเพณีการทำศพตามลัทธินิยมของแต่ละท้องที่ประกอบ และต้องมิใช่รายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป
การใช้จ่ายในการทำอนุสาวรีย์ไว้กระดูกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรโจทก์ ค่าขาดรายได้ของโจทก์และค่าจ้างคนเฝ้าบ้านในขณะที่จัดการปลงศพ มิใช่ค่าใช้จ่ายในการปลงศพหรือค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443
โจทก์ที่ 1 มิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ส่วน โจทก์ที่ 2 เป็นมารดาของผู้ตาย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะมา 60,000 บาท โดยมิได้แยกเรียกร้องว่าโจทก์แต่ละคนขาดไร้อุปการะเท่าใด และได้ความว่าโจทก์ที่ 2 แต่ผู้เดียวมีสิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 60,000 บาทโจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะเต็มจำนวน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาเพียงผู้เดียว เมื่อศาลฎีกาลดค่าเสียหายลงก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลไป ถึงจำเลยที่ 1 ได้
การใช้จ่ายในการทำอนุสาวรีย์ไว้กระดูกผู้ตายซึ่งเป็นบุตรโจทก์ ค่าขาดรายได้ของโจทก์และค่าจ้างคนเฝ้าบ้านในขณะที่จัดการปลงศพ มิใช่ค่าใช้จ่ายในการปลงศพหรือค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอื่นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443
โจทก์ที่ 1 มิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ส่วน โจทก์ที่ 2 เป็นมารดาของผู้ตาย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะมา 60,000 บาท โดยมิได้แยกเรียกร้องว่าโจทก์แต่ละคนขาดไร้อุปการะเท่าใด และได้ความว่าโจทก์ที่ 2 แต่ผู้เดียวมีสิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 60,000 บาทโจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิได้รับค่าขาดไร้อุปการะเต็มจำนวน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นการชำระหนี้ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาเพียงผู้เดียว เมื่อศาลฎีกาลดค่าเสียหายลงก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลไป ถึงจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนในการจัดการมรดก: การฟ้องคดีขัดแย้งผู้จัดการมรดกเกินขอบเขต
หนังสือมอบอำนาจมีใจความว่า ขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจทั้งปวงจัดการเกี่ยวกับการขอรับมรดก และมีอำนาจเต็มที่ในการรับและจัดการมรดกดังกล่าวดังนี้ เป็นการมอบอำนาจเฉพาะการให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจในการขอรับมรดกและมีลักษณะเป็นการตั้งให้เป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปที่จะจัดการเกี่ยวกับมรดกที่ได้รับมาได้ตามสมควรผู้รับมอบอำนาจย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีขอให้ศาลถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกแทนหรือร่วมกับจำเลยเพราะเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้รับประกันภัย: ประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 บัญญัติว่าผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์นั้น เป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่าหมายถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์เองเท่านั้น ไม่หมายรวมถึง ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ด้วย