พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้และเงินมัดจำเช่า: จำเลยต้องคืนเงินให้โจทก์หากผิดสัญญาเช่า และต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ตามวิ.แพ่ง
การที่เจ้าของสถานที่เช่าทำสัญญากู้ไว้แก่ผู้ตกลงเช่ามีกำหนดชำระคืนแน่นอนในเดือนปีนั้น เมื่อครบกำหนดแล้วแม้จะเป็นเงินมัดจำก็ต้องคืน
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่ กระทำอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา การดังนี้ไม่ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง ม.177
คำให้การต่อสู้คดีแพ่งต้องแสดงเหตุแห่งข้อต่อสู้ของตน จำเลยจะกล่าวในคำให้การแต่ว่าโจทก์ผิดสัญญา โดยไม่ได้กล่าวว่าโจทก์กระทำหรือไม่ กระทำอย่างใดอันเป็นการผิดสัญญา การดังนี้ไม่ถูกต้องตาม วิ.แพ่ง ม.177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกาย: อำนาจฟ้องและข้อต่อสู้เรื่องวิวาท
จำเลยเคยถูกอัยการเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ จำเลยรับสารภาพศาลจึงพิพากษาลงโทษ จำเลยว่ามีความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ผู้เสียหายจึงได้มาเป็นโจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลย ในทางแพ่ง จำเลยย่อมต่อสู้ว่าที่ผู้เสียหายถูกทำร้ายมีบาดเจ็บนั้นเนื่องจากการวิวาทระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยดังนี้ได้ (เพราะข้อเท็จจริงทางอาญาในคดีก่อนนั้น ศาลไม่ได้พิจารณาชี้ขาดประเด็นว่าวิวาทหรือไม่ ศาลก็ย่อมลงโทษ จำเลยตามมาตรา 254 ได้)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อาจนำสืบพยานภายหลังหากไม่ซักค้านพยานฝ่ายตรงข้ามตาม ป.ว.พ. ม.89
จำเลยมิได้ถามค้านพยานโจทก์ในประเด็นข้อใดไว้ แล้วนำพยานของตนในประเด็นข้อนั้นมาสืบในภายหลัง เป็นการต้องห้าม ป.ม.วิแพ่งมาตรา 89 ศาลจะไม่ยอมรับฟังคำจำเลยในประเด็นข้อนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงเลิกหุ้นส่วนและการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันตกลงเลิกหุ้นส่วนและคิดบัญชีแล้ว ขอให้จำเลยจ่ายเงินค่าหุ้นและกำไรให้โจทก์ จำเลยให้การว่า หุ้นส่วนยังไม่ได้เลิกกัน ดังนี้ จำเลยจะยกข้อต่อสู้ขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า การตกลงนั้นไม่สมบูรณ์ เพราะหุ้นส่วนไม่ได้มาประชุมพร้อมกันหมดไม่ได้ เพราะมิได้ยกข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เรือนฝากระดานบนที่ดินผู้อื่น: ไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน, จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ในชั้นคำให้การ
ข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ จำเลยจะต้องยกขึ้นต่อสู้ไว้โดยตรง แต่ในชั้นยื่นคำให้การ มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน
เรือนฝากระดานซึ่งปลูกอยู่ในที่ของผู้อื่น อาจเข้าบทมาตรา 109 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่ถือเป็นส่วนควบของที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องคดีแพ่งไม่จำเป็นต้องระบุวันเดือนปีที่แน่นอน หากข้อหาและข้อต่อสู้ชัดเจน
ข้อความที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่งนั้น ย่อมต่างกับฟ้องคดีอาญาเพราะในคดีแพ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และความรับผิดฉะนั้นรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำบางอย่าง จึงมิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง อย่างที่บังคับไว้ในมาตรา 158 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในคดีแพ่งมีบทบังคับไว้ในมาตรา 172 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
โจทก์กล่าวในคำฟ้องได้ความว่าเมื่อวันเวลาใดจำไม่ได้ราวเดือนมีนาคม 2489 จำเลยได้ตกลงขายนาให้โจทก์บัดนี้ถึงกำหนดโอนกันแล้วจำเลยกลับบิดพริ้วไม่ยอมโอน ทั้งฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้ทำสัญญาจะขายที่นาให้แก่โจทก์ดังฟ้องเลย ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาของโจทก์ก็ดี ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นก็ดี ได้ปรากฏแจ้งชัดในคำฟ้องนั้นแล้ว โดยจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงได้ปฏิเสธว่าไม่เคยทำสัญญาเช่นว่านั้นกับโจทก์เลย ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีสิทธิยกข้อต่อสู้เรื่องการซื้อเรือ แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาตั้งแต่แรก หากเป็นข้อที่ให้การไว้แล้ว โจทก์มีสิทธิท้วงในชั้นชี้สองสถาน
โจทก์ฟ้องเรียกเรือจากจำเลย โดยอ้างว่าโจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อ
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเรือที่จำเลยซื้อมา แต่ไม่ได้ระบุว่าซื้อมาจากใคร ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบว่าซื้อเรือนั้นมาจากใครได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น เพราะเป็นข้อที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากโจทก์สงสัยว่าจำเลยซื้อเรือจากใครก็ชอบที่จะท้วงขึ้นในชั้นชี้สองสถานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่น: ศาลตัดสินตามข้อต่อสู้ของจำเลยให้รื้อถอนได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ ทางพิจารณาได้ความว่า โรงเป็นของจำเลย แต่ที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยรื้อโรงออกไปเสีย จากที่ดินของโจทก์ ดังนี้ มีความหมายว่าจำเลยย่อมมีสิทธิรื้อไปได้ ไม่ใช่บังคับให้จำเลยรื้อ
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม ม.1410
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม ม.1410
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของโรงเรือนบนที่ดินของผู้อื่น: ศาลตัดสินตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ยินดีรื้อถอน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากโรงซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์ทางพิจารณาได้ความว่า โรงเป็นของจำเลย แต่ที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าให้จำเลยรื้อโรงออกไปเสียจากที่ดินของโจทก์ ดังนี้มีความหมายว่าจำเลยย่อมมีสิทธิรื้อไปได้ ไม่ใช่บังคับให้จำเลยรื้อ
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม มาตรา 1410
บุคคลอาจเป็นเจ้าของโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นได้ ดังที่บัญญัติไว้ในเรื่องสิทธิเหนือพื้นดินตาม มาตรา 1410
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการฟ้องซ้ำ: การนำข้อต่อสู้เดิมมาฟ้องเป็นคดีใหม่ ศาลไม่รับฟัง
เมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องเรียกเงินกู้ โจทก์ต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินแทนจำเลยไปและจำเลยยอมหักกลบลบหนี้ให้ แต่ศาลไม่ยอมให้โจทก์นำสืบแล้วพิพากษาให้โจทก์ใช้เงิน โจทก์จึงมาฟ้องเรียกเงินที่อ้างว่าจ่ายแทนจำเลยไปดังนี้ ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ เพราะเป็นเรื่องอยู่ในประเด็นแห่งคดีแล้ว.